บันเทิง

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ไมค์" พิรัชต์  นิธิไพศาลกุล เล่าถึงการกว่าจะมีความสำเร็จได้เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด ตามที่ฝันไว้ในวัยเด็ก  


 
    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  ปรบมือรัวๆ ให้ความสำเร็จของนักแสดงหนุ่ม “ไมค์” พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ที่ล่าสุดทำความฝันได้สำเร็จในการเดินเข้าสู่แวดวงฮอลลีวูู้ด โดยไมค์ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง “The misfits” ประกบพระเอก เพียร์ซ บรอสแนน อดีตผู้รับบท เจมส์ บอนด์ 007 แต่กว่าที่เขาจะก้าวไปไกลถึงฮอลลีวู้ด หนุ่มไมค์ต้องผ่านเรื่องราวมากมายทั้งดีและไม่ดี โดยไมค์จะเล่าถึงเรื่องราวกว่าจะมาถึงวันนี้ให้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” ฟังว่า
 

    @@ การได้ไปทำงานระดับฮอลลีวู้ด
  
 “ใช่ มันเป็นความฝันของเราตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ผมก็ทำมาเรื่อยๆ เอาตรงๆ ผมจินตนาการไม่ออก เรียกว่าไม่ได้จินตนาการว่าภาพที่ตัวเองไปถึงจุดนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไง คือแต่ก่อนตอนนั้นคือภาษาอังกฤษเราก็ไม่แข็งแรง แสดงก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่ได้ เป็นเด็กกะโหลกกะลาคนหนึ่งที่แบบหัวใหญ่ๆ ผอมๆ (หัวเราะ) ตอนนั้นยังเป็นกอล์ฟ-ไมค์ เต้นกันอยู่เลย จินตนาการภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้ยังไง แต่ก็พยายามพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ พยายามโฟกัสไปที่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายๆ คือถ้ามันง่ายทุกคนก็คงไปทำกันหมดแล้ว ใช้เวลา ความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และต้องไม่หลุดจากที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ ทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง บางคนอาจจะยอมแพ้ไปก่อน เพราะทำมาแล้วรู้สึกว่าเป็นความฝันที่ริบรี่ คิดว่าเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อะไรก็ไม่รู้ พอวันนี้เรามาถึงตรงนี้ เราอยากขอบคุณตัวเองที่ทำให้เรามาถึงตรงนี้ที่เราไม่ยอมแพ้ ขอบคุณที่เราสตรอง ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรที่เข้ามา เราเลือกที่จะคิดบวกกับมัน และก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสามารถหรือว่ามองโลกของตัวเอง ความคิด ทัศนคติ ทุกอย่าง”
  

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

 

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

 

 

    @@ วันแรกที่ได้รู้ว่าเราได้ก้าวเข้ามาถึงความฝันของเราแล้ว รู้สึกยังไง
    “การก้าวเข้ามาถึงตรงนี้เริ่มเมื่อปีที่แล้ว จากที่เราได้เซ็นสัญญากับบริษัทที่อเมริกา ทำให้รู้สึกว่าเราเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้ว แต่ในระหว่างทางแน่นอนว่ามีอะไรที่ทำให้เราหดหู่ ยอมแพ้ จนถึงขนาดที่เราอยากที่จะยอมแพ้เหมือนกัน อย่างไปแคสติ้งเยอะทำไมยังไม่เห็นได้ซะที แต่พอเราไปรู้ว่าคนอื่นเขาต้องทำมากแค่ไหน แล้วเราสบายกว่าคนอื่นเยอะ บางทีคนอื่นเขาแคสเป็น 100 งานเขายังไม่ได้เลย คือก็ต้องแจ็กพอตเข้าบ้าง แต่คือไมค์ถือว่าได้โอกาสค่อนข้างเร็ว”

 


    @@ ไมค์เป็นคนที่ผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะ กว่าจะถึงวันนี้บอกตัวเองยังไง
    “แค่บอกตัวเองว่าอย่ายอมแพ้ เรามีความเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก ทุกรูกุญแจมันต้องมีกุญแจที่เขาสร้างตัวกลอนประตูมา เพราะฉะนั้นทุกปัญหาก็เหมือนประตูมันมีทางออกไม่ว่าเรื่องนั้นจะหนักหรือจะเบา เราแค่ต้องตั้งสติ แล้วค่อยๆ แก้มันไป เราอาจจะท้อหรือยอมแพ้บ้าง แต่เราก็ต้องลุกขึ้น เราอาจจะนั่งพักได้ แต่เราจะนั่งพักแล้วเป็นไอ้ขี้แพ้ต่อไป หรือเราจะนั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้ง อันนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน เพราะชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ในการที่เราจะทำอะไรสักอย่าง ต่อให้เป็นเรื่องของการตัดสินใจเล็กๆ หรือเรื่องใหญ่ๆ มันมีความสำคัญเท่ากันหมด เพราะเรื่องเล็กๆ ในวันนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต เรื่องที่ใหญ่อาจจะกลายเป็นเรื่องเล็กในอนาคตเช่นกัน”

 

    @@ ในตอนนี้เป้าหมายในชีวิตเปลี่ยนไปไหม เมื่อวันนี้เรามาถึงเป้าหมายที่เคยตั้งไว้แล้ว
    “เป้าหมายของผมขยับไปทุกปี พอตอนนี้เรามาถึงฮอลลีวู้ด เราก็มีเป้าหมายต่อไปคือเหมือนกับว่าพอเรามาถึงเป้าหมายในจุดหนึ่งก็จะขยับเป้าหมายไปอีกจุดหนึ่ง คือจะมีเป้าหมายต่อๆ ไปผมว่าไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีคำว่าเป้าหมายสูงสุดคืออะไร ถามว่าตอนนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จไหม ผมว่าก็แค่จุดหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าผมพอใจกับมันไหม ผมว่ามนุษย์เราไม่เคยพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้นหรอก เป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องไปตรงนั้นไปตรงนี้ไปต่อเรื่อยๆ ผมเป็นคนที่มีแพชชั่น (ความกระตืิอรือร้น) มีไฟผมอยากจะทำ พอทำตรงนี้เสร็จปุ๊บ ก็อยากไปทำตรงนั้นต่อ"

 

 

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

 

 

 

 

 

    @@วันนี้ในส่วนของงานประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แล้วเรื่องส่วนตัวล่ะ
    “ในเรื่องส่วนตัวผมพยายามหาสมดุลเมื่อไม่กี่เดือนก่อนผมได้มีเวลามานั่งคิดว่าเราทำแต่งาน ซึ่งผมเป็นคนที่จริงจังกับงานมากด้วย และไม่พยายามหาสมดุลกับชีวิตส่วนตัวเลย กลายเป็นว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมพยายามออกไปสู่โลกภายนอกว่าเขาทำอะไรกัน เริ่มทำด้วยการลองชวนกอล์ฟ (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ไปกินข้าว ว่าเวลาไปกินข้าวเขาทำอะไรกัน คุยเรื่องอะไรกัน คืออยากรู้ว่าคนอื่นเขาทำอะไรกัน เราจะได้ลองใช้ดูบ้าง ไม่ใช่ว่ากินข้าวก็คุยเรื่องงาน จะนอนก็ต้องคุยเรื่องงาน ก่อนนอนก็คุยงาน กลายเป็นว่าทุกอย่างในหัวเป็นเรื่องงานไปหมด เลยพยายามดึงตัวเองกลับมาด้วยการสร้างสมดุลให้งานและชีวิตส่วนตัว ถามว่าตอนนี้ผมหาสมดุลได้หรือยัง ยอมรับว่ายัง เพราะผมรู้สึกว่ามันยากกับการหาสมดุลให้ชีวิต มันยากกว่าการหาสมดุลให้การทำงาน ผมรู้สึกว่าการหาสมดุลให้การทำงาน เพราะในเรื่องการทำงานมันมีหลายปัจจัย เรารู้ว่าทำงานเพราะอะไร คือมีคนบอกผมว่าวางบ้างก็ได้คือพูดง่ายนะ แต่ถ้าผมวาง ผมจะดูแลคนที่อยู่ในชีวิตผมยังไง ถ้าผมวางแล้วงานที่ค้างไว้ล่ะ คนที่ผมต้องรับผิดชอบจะทำยังไงกับเขาต่อ ผมวางไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมทำได้คือผมพยายามหาสมดุล ให้มันสมดุลกับการใช้ชีวิต ให้เวลาตัวเอง ให้เวลาคนรอบข้าง”

 


    @@ “แม็กซ์เวลล์” (ลูกชายของไมค์) คือส่วนที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้
    “เขาคือส่วนสำคัญ อย่างเวลาผมกลับมาจากที่ไปทำงานหนักๆ ผมก็จะไปหาเขาก่อน หรือถ้าอยู่ต่างประเทศผมก็จะวิดีโอคอลหาเขาอยู่ตลอด คือเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องหาสมดุลให้ชีวิตมากขึ้น  แม็กซ์เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมกลับเข้ามาสู่ชีวิต ในที่ที่ควรจะต้องอยู่ เขาทำให้เราโฟกัสชีวิตได้มากขึ้น”

 


    @@ในฐานะของความเป็นพ่อรู้สึกว่าทำหน้าที่นี้ได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง
    “ยังไม่ได้ดีนะ แต่ผมพยายามจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครที่จะเป็นพ่อที่เพอร์เฟกต์ที่สุด ถ้าตราบใดที่ลูกโตขึ้นมาเป็นคนดี ทำดี คิดบวก สิ่งที่ผมให้เขาได้มีเท่านี้ คือการสนับสนุนว่าเขาจะเรียนอะไร สองคือเรื่องของความคิดต่างๆ นานา ผมทำให้เขาได้เท่านี้ ให้เขาได้เท่าที่ให้ได้”

 

 

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

 

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

 

 

    @@ มองเรื่องของความรักครั้งใหม่ไหม
    “ตอนนี้ผมอยากโฟกัสเรื่องทางครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ผม แล้วก็แม็กซ์เวลล์ เพราะตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ผมก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเราเองก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกเราเองก็โตขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมต้องโฟกัสในเรื่องการดูแลคนรอบข้างผม และดูแลตัวเองให้ดีก่อน การที่เราจะมีใครเข้ามาในชีวิตสำหรับผมตอนนี้ผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้นเลย เอาตรงๆ ผมไม่อยากโฟกัสตรงนั้นเลย เพราะถ้าผมไม่สามารถดูแลใครที่เข้ามาในชีวิตตอนนี้ได้ มันเสียทั้งคู่ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความเสียใจทั้งคู่ เราก็จะเสียใจเขาเองก็จะเสียใจ เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมอยากดูแลตัวเองให้ได้ดูแลครอบครัวและดูแลลูกให้ได้ ดูแลคนที่รักเราให้ได้ ถ้าถึงเวลาตอนนั้น เราค่อยไปคิดตอนนั้น”

 

    @@ อยากบอกอะไรกับแฟนคลับที่เขาอยู่ข้างๆเรามาตลอด
    “คำเดิมเลยคือคำว่าขอบคุณ ผมพูดคำนี้มาตลอด 20 ปี ขอบคุณแฟนคลับไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไทยที่ประเทศจีนหรือที่ต่างประเทศ หรือที่ไหนก็แล้วแต่ เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน พวกเขาเองก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็คือการสนับสนุนมั้ย ทุกคนอยากที่จะเห็นไหมไปในจุดที่หมายตั้งเป้าอยากที่จะไปให้ถึง เราก็ดูแลกันและกันไป ดูแลกันไปเรื่อยๆ”
    ความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ 

 

 

พลังบวกนำพา 'ไมค์' สู่ฮอลลีวู้ด

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ