"เต็งหนึ่ง" คณิศ ปิยะปภากรกูล เผยหลังเปิดตัวเป็นเกย์ มีแต่คนเข้าใจ ยืนยันสถานะโสด ไม่คิดแต่งหญิง ปฏิเสธเคยคบ "เชียร์" ฑิฆัมพร
ทีมบันเทิง คมชัดลึก-เป็นข่าวฮือฮามาก่อนหน้านี้กับการเปิดตัวเป็นเกย์ของ "เต็งหนึ่ง" คณิศ ตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีใครได้เจอตัวเลย ล่าสุด เจ้าตัว มาร่วมงานประกาศรางวัล MThai Top Talk-About 2019 บริเวณลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิล์ด ก็ได้ตอบถึงเรื่องนี้ว่า
หลังจากที่เราได้อัดคลิปพูดความในใจ อยากรู้ว่าตอนนั้นทำไมถึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยว่าเราเป็นเกย์?
“มันก็คงถึงเวลา เราก็โตแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นผลอะไรกับเราในหน้าที่การงาน ที่บ้านรู้เรื่องนี้กันมานานมากแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหม่”
ที่ผ่านมาเราอึดอัดหรือยังไงเลยออกมาพูด?
“ไม่ได้อึดอัดเลย แต่มันเหมือนกับว่า...เราเป็นนักแสดงมา12ปีแล้ว เรารู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่คนถามเราบ่อยแล้วที่บ้านก็บอกว่าก็บอกไปเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก เขาไม่ได้ว่าอะไร ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยปิดบังนะ เราใช้ชีวิตปกติมาก การเป็นเกย์ไม่ได้เป็นอะไรที่น่ากลัว”
พอพ่อแม่บอกให้บอกไปเถอะจริงๆแล้วเราอยากบอกมั้ย?
“เราเฉยๆเลย ตอนแรกเราก็ยอมรับนะว่าเรากลัว อึดอัด เพราะเรายังทำงานที่จีนอยู่ เราก็กลัวว่ามันจะมีปัญหาเพราะที่นั่นเขาก็ห้ามๆอยู่ เราก็รู้สึกว่าไม่เป็นไรหรอก เราพูดภาษาไทย เขาคงไม่รู้อะไรเยอะ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
คือทางจีนไม่มีข่าวนี้เกี่ยวกับเราเลย?
“หลายคนยังคิดว่าผมโปรโมทซีรี่ย์อยู่เลย ซี่งก็ดีแล้ว ไม่เป็นไร ใครรู้ก็รู้ไป ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
พอเปิดตัวแล้วกระแสเป็นอย่างไรบ้าง?
“เหมือนเดิมครับ เพราะที่เราเปิดตัวนี่ไม่ใช่ว่าเราจะแต่งหญิง เราก็ยังเป็นปกติ ก่อนพูด หลังพูดเราก็เป็นเหมือนเดิม”
แฟนคลับตกใจกันเยอะมั้ย?
“เราไม่ได้อยู่ในพาร์ทที่มีแฟนคลับมาวิ่งติดตามเราอะไรมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนที่เขารู้จัก หลายๆคนที่เขารู้จักเราไม่ใช่คนในอินเตอร์เน็ตเขาก็รู้กันอยู่แล้ว”
เพื่อนร่วมงานหรือคนรองข้างรู้ว่าเราเป็น?
“เราไม่เคยปิด มันไม่ใช่การที่ฉันอยากสาวมากเลย หรือฉันจะเป็นผู้ชาย อยู่บ้านผมก็เป็นแบบนี้”
หรือก่อนพูดหรือหลังพูดไปแล้วทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยกับเรา คนไม่ได้ออกมาวิจารณ์อะไรไม่ดี?
“ผมว่าคนก็ซัพพอร์ตนะครับ โลกยุคใหม่แล้วทุกคนไม่ได้มอง LGBT เป็นเรื่องไกลตัว ผมเองก็เหมือนกัน อย่างที่บอกไปทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเราจะออกมาแต่งหญิง ผมก็ยังเป็นผมปกติ”
ที่ผ่านมาเราก็เจอข่าวเราไม่ใช่ผู้ชายแท้มาตลอด?
“หูย...เห็นผมกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมก็อยู่กับข่าวนี้มาตลอด แต่ผมอยากจะบอกว่าเวลาที่ผมมีแฟนเป็นผู้หญิง มันเป็นธรรมชาติของผมจริงๆนะครับ ผมมีแฟนผมก็รักแฟน ทุกๆครั้งที่เรามีข่าวกับใครมันก็คือความจริง ผมไม่เคยอยู่ในจุดที่ว่าดีงมาก แฟนคลับถล่มทลาย ผมก็เป็นเต็งหนึ่งที่เรียบๆตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้วเลยไม่ได้รู้สึกว่าจะมานั่งแคร์กระแสอะไรมากมาย”
คือเราก็สามารถชอบผู้หญิงได้?
“ผมว่าจริงๆแล้วเรื่องความรักมันละเอียดอ่อน มันง่ายกว่านั้น สังคมจะชอบบอกว่าโอเคคนนี้เป็นเกย์ เป็นผู้หญิง เป็นผู้ชาย แล้วเมื่อไหร่ที่เธอมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมามันก็จะกลายเป็นเรื่องประลาด ผมมีเพื่อนที่เขาเป็นกะเทยแล้วเขามีแฟนเป็นทอมก็เยอะแยะ เรารู้สึกว่าความรักมันก็คือความรัก”
ก่อนหน้านี้เรามีข่าวกับเชียร์ ตอนนั้นคบกันจริงๆมั้ย?
“ไม่ๆๆครับ กับเชียร์เป็นเพื่อนกันจริงๆ สนิทกันมาก”
ถ้าวันนี้เราเจอผู้หญิงที่เรารู้สึกคลิ๊ก เราจะคบกับผู้หญิงคนนั้นได้มั้ย?
“มันก็ยังได้นะ ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ว่าจะเจอมั้ยล่ะ ผมว่าคนอื่นนี่แหละยังจะโอเคกับผมมั้ย แต่ผมรู้สึกว่าผมเฉยๆ”
ตอนที่เราโพสต์คลิปเราอยู่ต่างประเทศ พอเรากลับมาเมืองไทย สายตาคนที่มองเรามันเปลี่ยนไปมั้ย?
“จริงๆคนซัพพอร์ตผมเยอะขึ้น ผมเองไม่รู้ตัวแต่ผมรู้สึกว่าคนที่เป็น LGBT เหมือนกันแต่เขายังไม่ได้เปิดตัวกับที่บ้านหรือสังคม ผมก็ได้ฟิตแบ็คดีๆกลับมาเยอะ เหมือนเราเป็นตัวอย่าง เป็นกระบอกเสียงให้ว่าจริงๆแล้ว เป็น LGBT มันไม่จำเป็นต้องปิดบัง มันไม่จำเป็นต้องพยายามเป็นคนที่ดีที่สุด เราก็เป็นเรานี่แหละ”
เรามีมองยังไงบ้างสำหรับคนในวงการบันเทิงที่อาจจะยังไม่กล้าเปิด กล้าพูดความจริง?
“ผมว่าทุกคนมีไทม์ไลน์ของตัวเอง ทุกคนมีช่วงเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง สำหรับผมผมรู้สึกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมโต ผมอายุ32ปีแล้ว ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ผมเป็น B.O.Y อยู่แกรมมี่ เล่นละครช่อง3 ช่อง7 ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผมโตกับมันมาเรื่อยๆจน ณ วันนี้ผมโตพอที่ผมจะมายืนตอบกับทุกคนได้อย่างสบายมากว่าผมเป็น LGBT ผมสามารถเจอใครต่างๆได้ เดี๋ยวผมจะมีโฆษณาเกี่ยวกับ LGBT เร็วๆนี้ ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลา ผมพร้อมแล้ว ไม่ได้มองมันเป็นเรื่องว่าเดี๋ยวกระแสจะตก เปิดตัวแล้วจะไม่มีงาน ผมก็มีงานของผมเองอยู่แล้ว”
แฟนๆไม่ได้เห็นเราลุกขึ้นมาแต่งหญิงแน่ๆ?
“ไม่มีแน่นอนครับ ผมอยากจะให้ภาพของ LGBT ในสื่อดีขึ้น เราเท่าเทียมกัน เราไม่ได้มารณณงค์อะไรนะ แต่เรามองว่าจริงๆแล้วในต่างประเทศคนที่เป็นศิลปินหรือคนที่เขาเปิดตัวเป็น LGBT เขาก็ใช้ชีวิตปกติ ผมก็ยังปกติ ยังไม่มีหน้าอกหรืออะไร”
เรามองความแตกต่างระหว่างศิลปินในประเทศเรากับศิลปินต่างประเทศที่การยอมรับแตกต่างกัน?
“ผมคิดว่าประเทศไทยเรายังไม่มึเคสแบบนี้ หลายๆคนที่เขาอาจจะเปิดตัวก่อนผม เขาอาจจะเปลี่ยนไปเลย ซึ่งจริงๆแล้ว...ผมไม่ใช่แบบนั้น ผมก็เป็นผู้ชายคนนึง ผมเป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้ชายแค่นั้น”
แล้วตอนนี้เรามีแฟนมั้ย?
“ไม่มี(หัวเราะ)”
พอเราเปิดตัวมีคนเข้ามาเยอะมั้ย?
“มันก็มีนะครับ แต่ว่าไม่มีใครกล้าหรอก คือหลายๆคนเขาก็รู้สึกว่าชัดเจนไป ผมก็ไม่ซีเรียสครับ ผมอยู่คนเดียวแล้วผมทำอะไรได้เยอะ ผมอยู่ต่างประเทศเยอะ เลยรู้สึกว่าไม่ได้รีบ”
อยากจะบอกอะไรกับน้องๆหรือคนอื่นๆที่ยังไม่พร้อม ยังไม่มีความกล้าที่จะพูดความจริงให้เขายอมรับในตัวเรา?
“ผมว่าจริงๆแล้วทุกคนมีช่วงเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง อยากให้ใช้ชีวิตกันปกติ เราก็มีชีวิตของเรา พอถึงเวลาเราก็จะบอกกับตัวเราเองว่ามันถึงเวลาหรือยัง ใครที่พร้อมแล้วจริงๆก็ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่น เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง