ผู้บริหาร 'BNK48' มีทีมแพทย์ประกบดูแลความเครียดสมาชิกวง

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - หลังทาง BNK Office ต้นสังกัดของวง BNK48 ออกมาประกาศว่า "เปี่ยม" รินรดา อินทร์ไธสง สมาชิกของวงจะหยุดพักกิจกรรมทั้งหมดเป็นเวลา 2 เดือนเนื่องจากปัญหาสุขภาพ รวมถึงจะหยุดการโพสต์โซเชียลทุกช่องทางเช่นกัน ล่าสุดได้มีโอกาสพูดคุยกับ นาย จิรัฐ บวรวัฒนะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้ เอท ออฟฟิศ จำกัด ถึงอาการป่วยของเปี่ยม 
 

    “น้องต้องการพักผ่อน เราเองก็อยากให้น้องได้พักผ่อน สิ่งสำคัญของเราคือ คนที่มาอยู่กับเราต้องได้รับประสบการณ์ที่ดี สิ่งที่อาจจะทำให้น้องเครียด เราก็ดึงเรื่องนั้นออกมาจากน้อง ซึ่งเรามีการพูดคุยกับน้องและตัดสินใจร่วมกันระหว่างบริษัทกับน้อง เรายึดน้องเป็นที่ตั้งว่าจิตใจน้องเป็นอย่างไรในช่วงนั้น การพักงานในที่นี่หมายถึงให้น้องไปพักใจ พักผ่อน เมื่อพร้อมแล้วค่อยกลับมาทำงานร่วมกันใหม่ ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น”

 

    รายละเอียดเกี่ยวกับอาการของเปี่ยม
    “น้องเครียด เราก็อยากให้น้องได้พักผ่อน ส่วนสาเหตุของความเครียดเกิดจากหลายๆ อย่างรวมกัน อาจจะรับกับคอมเม้นต์หลายๆรูปแบบไม่ไหว ในช่วงระหว่างเดียวกันเราก็ให้คุณหมอเข้าไปช่วยดูแลน้อง รวมทั้งให้เขาพักผ่อนจากโซเชียลมีเดีย”

    คุณหมอบอกเกี่ยวกับอาการเปี่ยมยังไง และต้องดูแลยังไงบ้าง
    “น้องเครียด หลักการก็คือคือ ต้องเอาน้องออกมาก่อน”
    คนมองว่าเปี่ยมเป็นโรคซึมเศร้า
    “อาจจะยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราก็ต้องมองว่าอะไรจะทำให้น้องมีทิศทางที่เครียดมากเกินไปเราก็ไม่จำเป็นต้องให้น้องไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ ก็แค่ดึงเขาออกมาและให้พักผ่อน ตัวน้องเองยังอยากทำกิจกรรมหลายๆอย่างของเราอยู่ แต่ผมคิดว่าน้องต้องการเวลาพักผ่อน”

 

    2 เดือนที่ให้หยุด คือ ให้รักษาตัวหรือพักอย่างเดียวเลย
    “ทั้งสองอย่าง น้องอาจจะ อยากมาซ้อมด้วยก็ได้ เพียงแต่ว่ายังไม่พร้อมจะเจอโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งน้องก็ยังเด็กอยู่ อะไรที่มีความเครียดแบบนั้นเราก็อยากให้น้องออกมา”

    ภาวะความเครียดของเปี่ยมที่สัมผัสได้คืออะไร 
    “เรื่องสีหน้าสีตาก็ชัดเจน” 
    ทางครอบครัวเปี่ยมว่ายังไงบ้างกับเรื่องนี้ 
    “ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าอยากให้น้องพักผ่อน”

 

    การพักคราวนี้แค่พัก ไม่ใช่หยุดเลยใช่ไหม?
    “ไม่ ๆ น้องไม่ได้มีความผิดอะไร น้องยังเป็นน้องที่น่ารักเหมือนเดิม น้องที่อยากจะฝึกอยากจะทำงาน เพียงแต่เขายังต้องการพักกายและพักใจ”
 

 

 

"เปี่ยม" รินรดา

    ณ ตอนนี้สภาพจิตใจของเด็กๆคนอื่นเป็นยังไงบ้าง?”
    “เราประเมินอยู่ตลอดเวลา ใครที่เราคิดว่าเหนื่อยหนักเกินไปเราก็ให้พัก แต่หลายคนอย่างคนที่โตแล้วและทำงานค่อนข้างเยอะ อาจจะไม่มีเวลาคิดถึงความเครียดเลยด้วยซ้ำเพราะทำงานเยอะ คือเราก็ประเมินตลอดเวลา และมีเจ้าหน้าที่ จิตแพทย์และด้านอื่นๆ ของโรงพยาบาลดูแล ซึ่งตอนนี้น้องๆ คนอื่นยังไม่มีแวว"

 

    เวลามีดราม่าต่างๆ เกิดขึ้่นกับน้องๆ ต้องคุยกันยังไง
    “ในแง่หนึ่ง เรามองว่าความเครียดอยู่กับคนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหนก็ตาม การเรียนก็มีความเครียด การอยู่ในสังคมแต่ละสังคมที่ไม่เหมือนกัน อย่างในญี่ปุ่นก็เครียดมากแต่การจะผ่านความเครียดพวกนี้ได้ ความฝันต้องชัดเจน ความมุ่งมั่นต้องชัดเจน ระหว่างเดินทางจะมีสิ่งที่ทำให้เขาต้องพัฒนาตัวเองไปด้วย"

 

    ในอนาคตจะมีแนวโน้มวางแผนงานให้น้องๆ ใหม่ไหม หลังมีเหตุการณ์แบบนี้
    “ในปีนี้เขาจะมีโอกาสมากกว่าเรื่องเพลง อย่างตอนนี้ก็มีโอกาสเรื่องของซีรีส์ และจะมีการแถลงเร็วๆนี้เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ภาพยนต์ เพราะฉะนั้นน้องๆจะมีโอกาสหลากหลายมากขึ้น”

    งานที่หลากหลายจะมีผลกระทบกับกฏกติกาที่วางไว้สำหรับวง
    “ผมว่าแฟนๆ เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเรื่องที่เฌอปรางหรือ น้องอรไปเล่นภาพยนต์ ปีนี้จะเยอะขึ้นอย่างชัดเจน ปีที่แล้วก็จะได้เห็นว่าเฌอปรางไปเล่นภาพยนต์ที่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายได้ ตอนนั้นก็เกิดดราม่าต่างๆมากมายแต่ก็ผ่านมันมาได้ สุดท้ายแฟนๆก็เข้าใจว่านั่นคือหนัง ผมว่าเรื่องไอดอล เป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย สิ่งที่ต้องไปด้วยกันคือการเรียนรู้”

 

 

    เรื่องความประพฤติของน้องๆ ต้องควบคุมมากขนาดไหน
     “เราดูแลน้องตลอดเวลา เรามีทีมเออาร์ มีทีมครู ผู้จัดการวงคอยดูแลน้องตลอด รวมถึงเรื่องของเปี่ยม แค่น้องมีความรู้สึกเครียดเราก็หยุดเลย เราจะไม่รอให้เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นเราดูแลน้องอย่างใกล้ชิด”

    อย่างที่เกิดดราม่ากับ "ติ๊ก" เจษฎาพร คนเป็นห่วงในเรื่องของพฤติกรรมน้องๆ 
    “จริงๆ ดราม่ามันเป็นแค่ช่วงเหตุการณ์หนึ่ง แต่เหตุการณ์ก่อนและหลังไม่มีใครเห็น เพราะก่อนจะทำรายการ พี่ติ๊กก็บอกกับน้องว่าสบายๆ สนุกๆนะ เพราะน้องๆเกร็ง พี่ติ๊กเขาก็ทำให้รีแลกซ์ พอเกิดปัญหาขึ้น พี่ติ๊กเขาโทรมาว่ามันเกิดอะไร เขาอยากจะช่วยน้อง และไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เด็กของเราต้องเข้าใจว่า ต่อให้พี่เขาพูดแบบนั้น แต่ในฐานะเด็กไทย เรื่องความเกรงใจเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงตัวกันต่อไป น้องๆได้เรียนรู้จากทุกอย่างที่ผ่านมา”

    เมื่อก่อนทางบริษัทค่อนข้างเคร่งครัดการใช้โซเชี่ยลของเด็กๆ ตอนนี้จะกลับไปเคร่งครัดแบบเดิมไหม?
    “วิธีการที่น้องสร้างเกราะคุ้มครองน้องจากความเครียดทางโซเชี่ยลสำหรับเราก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เราสอนเด็กๆว่า แค่น้องคิดดี ทำดี พูดดี นำเสนอแต่เรื่องดีๆแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ไปแซะ ไปว่าไปโหน หรือ แซวคนอื่น ถ้ามีเรื่องที่เขาอยากจะนำเสนอก็ให้นำเสนอในกรอบนี้ แล้วจะไม่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาก็ต้องเรียนรู้กันไป”
    

 

 

คุณ จิรัฐ บวรวัฒนะ  

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้ เอท ออฟฟิศ จำกัด