'อ๊อด-โอภาส' หมดเงินหลายล้านรักษาโรครุมเร้า

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - เรียกว่าเปลี่ยนแปลงไปมากสำหรับ “อ๊อด” โอภาส นักร้องชื่อดังและเป็นอดีตสามี “แก้ว” อภิรดี หลังป่วยด้วยโรคข้อต่ออักเสบที่รักษามานานเป็น 10 ปี ซึ่งส่งผลให้เดินติดๆ ขัดๆ คล้ายกับหุ่นยนต์ในงานแถลงข่าว “His&Her Present รวมดาว 18 กะรัต The Concert" ที่ ศูนย์การค้าเกต ที่ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ว่า
 

    “มันเป็นโรคข้อต่ออักเสบชนิดหนึ่ง เสร็จแล้วมันมีปัญหา พอเริ่มรักษาไปจนดีขึ้นแล้วผมก็เกิดอุบัติเหตุ คือจอดรถอยู่ดีๆ แล้วคนมาชน ซึ่งอุบัติเหตุเกิดขึ้นมานานแล้ว หลังอุบัติเหตุผมก็ขายรถคันนั้นทิ้งเลย ทุกวันนี้ก็เลยต้องหารถใช้แบบที่เราขึ้นลงสะดวก แต่ผมก็ไปหาหมอรักษามาหลายปีแล้วนะ มันก็ดีขึ้นครับ เมื่อก่อนแย่กว่านี้อีก ก็ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นเบาหวาน ความดัน ไม่เป็นโรคอะไรร้ายแรง ผมว่าก็โอเคนะ เดินได้ก็พอแล้ว ทุกวันนี้ใช้ชีวิตไม่ยาก ใช้ชีวิตได้ปกติ เพียงแต่มันจะไม่คล่องตัวเท่านั้นเอง แต่ว่าทุกอย่างยังโอเค แข็งแรงดี"
    ที่ว่าข้อต่ออักเสบที่เป็นตรงไหน
    “ตอนนี้ที่คอมันติดกันแล้ว แล้วก็ที่สะโพก”
    ทำให้โรคของเรากลายเป็นเรื้อรัง
    “มันไปกระตุ้นโรคให้แรงขึ้น จริงๆ โรคข้อกระดูกของผมเป็นอยู่แล้ว แต่พอมีอุบัติเหตุก็เหมือนไปย้ำให้มันเป็นแรงขึ้น แต่ผมก็สู้ๆ อยู่แล้ว การไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐถูกแล้ว แต่เมื่อเราเป็นแล้วเราก็ต้องเรียนรู้อยู่กับมัน และคุณหมอก็บอกอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางหายขาด แต่จะเป็นๆ หายๆ แต่ก็ไม่ถึงกับพิการ ไม่ถึงกับชีวิต ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันครับ ก็ต้องหาหมอตลอดครับ แล้วยาแพงมาก ผมใช้ค่ารักษาเรื่องยาปีหนึ่งหลายล้านบาท”
    ตอนนี้ต้องดูแลสุขภาพอะไรเป็นพิเศษมั้ย
    "ไม่ต้องทำอะไร ออกกำลังบ้าง ทำกายภาพบำบัด เรื่องอาหารกินอะไรก็กินได้ครับ แต่ต้องนอนให้พอเท่านั้นเอง ออกกำลังกายได้ปกติ ผมก็ยังแข็งแรง เพราะผมเล่นกีฬามาตลอดตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้ว ก็เลยเป็นผลให้ตอนที่ไม่สบายหรืออายุเยอะขึ้น ผมก็ยังแข็งแรงอยู่ได้ ตอนนี้ทำกายภาพอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง หาหมอก็เดือนละครั้ง ซึ่งผมป่วยมาหลายปีแล้ว แต่ผมไม่ค่อยได้ออกสื่อก็เลยไม่ค่อยเห็นกัน แต่ก็หลายปีแล้ว” 
 

    หลายคนก็เป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า
    “มันก็แค่เดินติดๆ เหมือนหุ่นยนต์ แต่ผมแข็งแรงดีปกติ สุขภาพร่างกายโอเค ไม่มีความดัน เบาหวาน มะเร็งอะไรไม่มี เสียงก็เหมือนเดิม เพียงแต่ว่ายาที่ผมฉีดบางทีทันทำให้ง่วง ก็มีทั้งยาฉีด ยากินเยอะ เป็นกำมือเลย กินแล้วอิ่มแทนข้าวเลย แต่ก็ต้องติดตามตรงเวลา เช็คผลเลือดว่าร่างกายเราสู้ไหวมั้ย ถ้าเราสู้ยาไม่ไหวก็ต้องเบา ตอนนี้ผมลดยาฉีดลง เพราะว่ามันแพงมากจริงๆ" 
    ต้องรับงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมมั้ยเพราะค่ายาแพง
    "ไม่หรอก ทำเท่าที่เราทำไหว อย่างยาที่ผมใช้ก็เป็นยาชีวภาพที่สกัดจากสมองหนู ต้องแช่ตู้เย็น เวลาฉีดก็ฉีดเข้าที่พุง ที่แขน ต้องย้ายที่ไปเรื่อย ผมก็ฉีดเอง คือมันมีแบบที่ให้หมอฉีดกับแบบที่ฉีดเอง ที่ฉีดเองก็คือเราไม่สะดวกไปหาหมอถ้าต้องไปงาน ยาฉีดสมัยนี้ไม่ทันได้กลัวครับ จิ้มเข้าไปปุ๊บมันเด้งเข้าเลย"
    คือต้องดูแลแค่เรื่องพักผ่อนให้เพียงพอ
    "ทำยังไงก็ได้ให้นอนให้พอ แล้วก็ห้ามเครียดเด็ดขาด ถ้าเครียดเมื่อไหร่อาการจะหนักขึ้น ตอนนี้ก็ดีนะ มันก็เดี๋ยวดี เดี๋ยวไม่ดีอยู่อย่างนี้ มันจะไม่หายขาด 100% แต่เราใช้ชีวิตได้" 
    แต่ซ้อมคอนเสิร์ตได้ไม่มีปัญหาใช่มั้ย
    "ซ้อมได้ อัดเสียงอยู่ งานผมเต็มเลย รถก็ขับได้ แต่รถผมจะแปลกกว่ารถคนอื่นนิดนึง คือผมต้องเปลี่ยนมาใช้รถที่ผมขึ้นลงสะดวก ก็เป็นรถที่เราขับเอง ผมก็จะติดกล้องเยอะหน่อย เรียกว่าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายขวากล้องติดหมด เดินหน้าถอยหลังก็มีกล้อง มีรอบเลย คือมันเป็นเรื่องความปลอดภัย จริงๆ ไม่ต้องเป็นโรคแบบผมก็ติดแบบนี้ได้นะ เขาเรียกกล้อง 360 องศา”