'ริท' ทุ่มเงินมากกว่า 30 ล้านซื้อบ้านพร้อมลิฟท์

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - ขึ้นรูปพาคุณพ่อคุณแม่มาดูบ้านหลังใหม่ที่ "หมอริท" เรืองฤทธิ์ ใช้เงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจ่าย ซึ่งบ้านหลังนี้มีมูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาท โดยเป็นบ้าน 5 ชั้นที่มีลิฟท์ในตัว ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอหนุ่มริทเลยถามถึงเรื่อง
 

     "พ่อแม่ปลื้มมากจริงๆ เขาก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าริทเป็นคนที่ทำงานเก็บเงินมาเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อาจจะมีซื้อรถคันหนึ่ง ซื้อบ้านหลังหนึ่ง ตอนที่เรียนอยู่ที่ขอนแก่น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ซื้ออะไรที่ใหญ่ๆ ก็เก็บเงิน ที่บ้านมาคิดออกว่าซื้ออะรไปบ้างก็มีอยู่ 2 อย่าง รถกับบ้านที่ขอนแก่น และบ้านหลังนี้คืออย่างที่สาม คือที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราตั้งใจเก็บเงินจะซื้อบ้าน แต่ด้วยความที่ริทเป็นคนที่เก็บเงินอยู่แล้ว วันหนึ่งที่เราเรียนจบแล้ว และกลับเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพจริงจังแล้ว และมาประเมินตัวเองว่าต่อไปเราคง ต้องใช้ชีวิตในอนาคตอยู่ที่กรุงเทพฯซึ่งบ้านริทเป็นครอบครัวต่างจังหวัดหมดเลย เราก็เลยแพนว่าจะซื้อบ้าน 1 หลังเพื่อที่จะเป็นที่อยู่ในอนาคตแหละ ซึ่งตอนนี้ริทอยู่คอนโดที่ซื้อตั้งแต่สมัย ออกจากเดอะสตาร์ใหม่ๆ ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรงคือคอนโดห้องค่อนข้างเล็ก เสื้อผ้าก็เยอะ ของก็เยอะซึ่งเล็กอยู่ทุกวันรู้สึกว่ามันเริ่มไม่เพียงพอ อย่างสมัยก่อน รีบไปกลับไปกลับ มันก็ไม่ค่อยเท่าไหร่เพราะมันใช้แค่นอน แต่ตอนนี้มันเป็นการใช้ชีวิตแล้ว ทำให้เราคิดว่าเราต้องมีบ้านได้แล้วคราวนี้ก็เลยมองว่าถ้าเกิดเราจะซื้อบ้านทั้งที เรากำลังเป็นคุณหมออยู่ด้วย ก็เลยอยากมีบ้านที่เป็นคลินิกได้ด้วย เราไม่ได้อยากได้แค่บ้านที่เป็นบ้าน เราอยากได้บ้านที่สามารถเป็นที่ประกอบวิชาชีพของเราได้ด้วย เพราะด้วยความที่เป็นคนขี้เกียจด้วยแหละเราไม่ชอบเดินทางระหว่างบ้านกับที่ทำงาน เราอยู่บนบ้านแล้วลงมาทำงานข้างล่าง มันก็สะดวกดีนะ ก็เลยเริ่มมองหาบ้าน ตอนแรกก็ยังไม่ได้ดูเงินในบัญชีว่ามีเท่าไหร่ ก็กะว่าจะหาบ้านซักประมาณหลักสิบต้นๆ พอไปดูหลัก10 ล้านต้นๆแล้วมันยังไม่ถูกใจ คือตัวบ้านโอเคนะแต่ทำเลมันยังไม่ได้ ก็เลยขยับสเกลมาเป็นประมาณ 10  ล้านปลายๆ พอมาเป็น10 ล้านปลายๆก็ยังไม่ถูกใจอีก ซื้อเราก็ดูและหาข้อมูลเยอะมากสุดท้ายก็มาเป็นบ้านหลังนี้ ที่ก็ยอมก็ยอมรับว่ามันค่อนข้างเป็นโปรเจ็คใหญ่สำหรับริทโอเคแหละเราคงไม่ได้ซื้อบ่อยๆ เราก็คิดว่าเป็นบ้านที่เราจะได้อยู่ยาว เราก็คิดว่าเราก็จะได้ประกอบอาชีพกับมันด้วย เพราะทำเลก็ดี ริทรู้สึกขอบคุณตัวเองที่เป็นคนไม่ได้สุรุ่ยสุร่ายไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง ไม่ซื้อของสะเปะสะปะไปเรื่อย"
 

    ซื้อบ้านราคามากกว่า 30 ล้านคนมองว่าริทรวยมาก
    "ก็เข้าใจแต่มันก็ไม่ได้ถือว่าคือคนมองว่าต้องรวยมาก เพราะราคาบ้านมันแพง คือจริงๆแล้วอาจจะดูเหมือนเป็นเด็กน้อย แต่ริททำงานมาเยอะมากแล้วเหมือนกันและด้วยความที่เป็นอาชีพหมอด้วย เรื่องภาษีทางด้านการเงินกับธนาคารมันจะดีกว่ากับการเป็นนักแสดงอย่างเดียวและขอบอกตรงนี้เลยนะครับว่าริทไม่ได้ซื้อเงินสด ก็คือทำงานแล้วผ่อนไปเรื่อยๆ เราไม่ได้จะเอาเงินไปจ่ายทีเดียวเลย"  
    คิดว่าการจ่ายซื้อบ้านในราคาเท่านี้มันคุ้มไหม
    "ริทว่าคุ้มอย่างที่บอกว่าเราศึกษามาค่อนข้างเยอะดูราคาเทียบราคาของบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ริทมีการคำนวณมาหมดแล้วและเรามองว่าตรงนี้จะเป็นพื้นที่ที่เราน่าจะอยู่ยาวๆในอนาคตแล้วก็เป็นพื้นที่ที่ฤทธิ์ทำมาหากินได้ด้วยเป็นคลินิกที่อยู่ไปอีกระยะหนึ่งเพราะจริงๆแล้วบ้านซื้อแล้วมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่ได้ หากซื้อแล้วไม่ถูกใจหรือซื้อแล้วไม่ตอบโจทย์ของเรามันก็ไม่มีความสุขในการอยู่ แต่ถ้ามันตอบโจทย์เรามันก็น่าจะแฮปปี้มันเป็นการลงทุนทีเดียวจริงๆถ้ารวมค่าตกแต่งและค่าอะไรอีกต่างๆนานาก็มากกว่า 30 ล้านบาท คือราคา 30 ล้านบาทเป็นแค่เริ่มต้นมันเป็นบ้านเปล่ามามีมีแค่ลิฟท์มาให้ ซึ่งเราจะต้องไปตกแต่งอะไรอีก คือบ้านหลังนี้มีทั้งหมด 5 ชั้น เอาเป็นว่าเรียกว่าเป็นตึกตึกหนึ่งแล้วกัน"
 

    บ้านหลังนี้ริทจะอยู่กับใคร 
    "ก็คือมีฤทธิ์อยู่คนเดียวคุณพ่อคุณแม่ก็คงยังไม่มาอยู่ด้วยเหมือนเดิมเพราะชินอยู่กับการอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็คงแวะไปแวะมา อย่างตอนนี้อยู่คอนโดพ่อแม่รีบมาหามันก็ค่อนข้างอึดอัด เพราะแค่ริทอยู่คนเดียวมันยังจุคนไม่พอเลย ถ้าพ่อแม่มาอยู่ด้วยอีก 2 คนเดินก็แทบจะเอียงไหล่ใส่กันแล้ว มันค่อนข้างอึดอัดเพราะที่มันแคบ ซึ่งพอเราขยายใหญ่ขึ้นเวลาพ่อแม่มาอยู่กรุงเทพด้วยก็จะมีระยะเวลาในการอยู่ด้วยกันนานขึ้น เพราะมีที่ที่ ให้เขาอยู่มีที่ที่ให้เขาเดิน และอีกอย่างแถวนั้นก็ของกินเยอะ ซึ่งบ้านหลังนี้น่าจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณต้นปีหน้า ก็สามารถเข้าไปอยู่ได้"
    อย่างพ่อแม่ไม่มาอยู่ด้วยจะต้องหาคนมาอยู่ด้วยไหม
    "ไม่รู้จะหาใคร คือจะบอกว่าตอนนี้แม่เครียดมากกลัวเราจะเป็นโรคจิต กับการอยู่คนเดียว (หัวเราะ) แม่กลัวจะเป็นโรคจิต เป็นโรคซึมเศร้า เพราะเราทำงานเยอะ แล้วก็ทำหลายอย่าง ทั้งเรื่องเรียนเรื่องงานในวงการแล้วเดี๋ยวก็จะเปิดคลินิกอีก แล้วตอนนี้มีภาระหนี้สินเรื่องบ้านมาอีก แล้วไม่มีคนช่วย แม่ก็เป็นห่วง "

    เคยคิดที่จะหาใครสักคนมาอยู่ด้วยไหม
    "หาใครล่ะชีวิตทุกวันนี้ก็อยู่แต่โรงพยาบาล ชีวิตก็วนเวียนเวียนอยู่แบบนี้เจอแต่คนหน้าเดิมๆ ไม่รู้สิ ถามว่าเหงาไหมทุกวันนี้ ก็รักคนดูแลเพื่อนๆชวนไปกินข้าวไปเที่ยวกันไปออกกำลังกายหากิจกรรมทำ เอาจริงๆนะแค่เวลาว่างส่วนตัว เพราะฉะนั้นคนที่จะมาเติมเวลาว่างของริทมันหาง่ายมาก เพราะมันมีเวลาว่างน้อยแล้วคนที่อยู่ในสังคมหมอด้วยการเวลาว่างมันตรงกันอยู่แล้ว"
    ทำงานหนักมีภาระไม่คิดจะหาคนมาเติมกำลังใจหน่อยหรอ
    "ถ้ามีมันก็มี คือบางทีเราก็ไม่ได้โฟกัสในเรื่องนี้ไงคือเราไม่ได้มีเป้าหมายเดียวเราก็ทำไปเรื่อยๆ ก็อยู่ไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็มีเองถ้ามันจะใช่มันก็ใช่เอง คือตอนนี้ L มีสิ่งที่ให้โฟกัส หลายอย่างมากทั้งงานในวงการบันเทิงที่เราก็ต้องทำให้มันดีสมัยนี้การแข่งขันมันก็สูง แล้วไหนจะต้องเรียนต่อต้องอ่านหนังสือต้องทำวิจัยอีก และต้องออกตรวจอีกทุกวันนี้ คือหลายอย่างมาก เอาเวลามาดูแลตัวเองดีกว่า เอาจริงๆทุกวันนี้รีดแทบไม่เหลือเวลาว่างเลย คือเวลาที่เป็นเวลาที่เรียกว่าว่างของคนอื่น ก็ต้องเอามานั่งทำวิจัยมานั่งทำ present  แค่นั้นมันก็หมดแล้ว เพราะมันเป็นงานที่ถ้าไม่ทำมันก็ค้างคาอยู่อย่างนั้น มันเลยกลายเป็นว่าตอนนี้แน่นทุกวันว่างก็เหมือนไม่ว่าง"