(คลิป) 'แบงค์ แคลช' ยกสถานะ 'โอซา แวง' เป็น 'แฟน'

 ทีมบันเทิง  คมชัดลึก-เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์ไม่น้อยเมื่อแก๊งเพื่อนๆ ต่างพากันปล่อยภาพหวานของ "แบงค์ แคลช" และ "โอซา แวง" ออกมา จนหลายคนต่างสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ "สาวโอซา" ออกมายอมรับไปแล้ว ล่าสุดถึงคิวของนักร้องหนุ่มที่ตอบคำถามนี้ในงาน Meet & Greet  ดู หนัง ฟังเพลง อยู่ตรงนี้เสมอ ของวง "แคลช" ณ โรงภาพยนตร์ CENTURY THE MOVIE PLAZA อนุสาวรีย์ชัย

ถามเรื่องความรักตอนนี้
   "โอเคสิ"

ถามถึงสถานะหัวใจ
   "เป็นแฟนกันคบกัน เป็นแฟนกัน"

คุยกันมานานแค่ไหน
   "น่าจะ2-3เดือนนะประมาณนี้"

เคยเป็นเพื่อนกันแล้วห่างหายกันไปแล้วมาคุยกัน
   "เมื่อก่อน 11 ปีที่แล้วเราก็เป็นนางเอกเอ็มวีให้เรา เป็นแบบมิวสิคซีรีส์ 3-4เรื่องแล้วก็มาเจอกันใหม่ ผมไม่ได้เป็นเพื่อนแบบ กูมึงเหมือนเพื่อน เราก็เคารพเขาในฐานะที่เขามาช่วยเราทำงาน ให้เกียรติกันและรู้จักกันในงาน "

แล้วกลับมาเจอกันรอบนี้ได้อย่างไร
   "มันไม่ได้เป็นความตั้งอกตั้งใจเลยนะ จริงๆแล้วมันเริ่มมาจากนานา คือนัดกินข้าวกันแล้วเขาก็ถามสารทุกข์สุขดิบว่าจนรู้ว่าเราโสดมา2ปี แล้วเขาก็บอกว่ามีคนหนึ่งโสดเหมือนกันนะลองคุยไหม นานาบอกว่าลองคุยกันดูไม่เห็นเสียหายถ้ามันไม่เวิร์คก็ไม่ต้องคุยต่อ ลองกินข้าวกันเริ่มจากตรงนั้น แล้วก็อะไรก็ไม่รู้ (ยิ้ม) "

ตอนนั้นก็เปิดใจที่จะไปคุย
   "ก็ลองดู ตอนนั้นเราก็ค่อนข้างปิดนะแต่ว่าเรามีความไว้ใจ ว่าเราไม่ได้มุ่งร้ายอะไรต่อกัน เราก็อ่อลองไปกินข้าวกันดู ไปๆมาๆก็งงเหมือนกันเนอะ นั่งคุยกันว่า 11ปีที่แล้ว มีเครื่องย้อนเวลาแล้วนั่งมาถึงวันนี้มันคงยืนเกาหัวแล้วถามว่ามึงสองคนทำอะไรกันอยู่ มันไม่รู้อะ บอกไม่ถูก "

2 ปีที่เราโสดก่อนหน้านี้เราก็ปิดตัวเอง ทำไมถึงยอมเปิดใจให้คนนี้
   "ผมว่าชีวิตผมมันยังพอดี ดีพอที่จะมีใครเข้ามา ก็เลยรู้สึกว่าให้มันนิ่งก่อน เพราะมันยังนิ่งไม่จริง หมายถึงว่าข้างในนะ ก็เลยรู้สึกว่าพอเราอยู่คนเดียวได้อย่างดีแล้วเราไม่มีความทุกข์ แล้วค่อยมีเพราะถ้าเรายังทุกข์อยู่ เราก็จะส่งความทุกข์ให้คนอื่น ให้เรามีความสุขจริงๆก่อนแล้วค่อยเปิด แล้วชีวิตผมตอนนี้ก็มีความสุขเพราะถ้าเรายังไม่มีสติเต็ม 100 ถ้าเรายังรักตัวเองไม่เป็น เราก็รักคนอื่นไม่เป็นหรอก"

พอคุยกันแล้วความคิดเห็นก็ตรงกันหมด เลยสามารถคบกันได้
   "มันคงเป็นเรื่องของเคมีบางอย่างมั้ง ที่เรารู้สึก เพราะว่าบางทีเราก็รู้สึกว่ามันง่ายเกินไปหรือเปล่า ทำไมมันไม่มีปัญหาอะไรเลย ทำไมมันง่ายเหลือเกิน ซึ่งอันนี้ผมไม่ทราบผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกัน "

ชอบอะไรในตัวเขา
   "เขาเหมือนแม่ผม ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่จะรู้สึกดีกับเขาด้วย เขาต้องนิสัยเหมือนแม่ผม เขามีส่วนนั้นซึ่งผมอธิบายเป็นข้อๆไม่ชัด แต่ว่าผมว่าเขามีลักษณะนิสัยคล้ายแม่ผม"

นิสัยบางอย่างต้องปรับจูนไหม
   "ไม่ต้องเลย ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องแก้อะไรเลย มันคุยกันมาแล้วมันคลิกง่าย ซึ่งอนาคตอาจจะมีก็ได้นะ เพราะว่าคนเรามันต้องจูนบ้างหน่อยๆ "

พอคบกันเขาแล้วเปลี่ยนไปไหม
   "ก็ไม่เปลี่ยนนะชีวิตก็เหมือนเดิม เพราะว่าเราโตแล้วเราไม่ได้คุยกันแบบ ช้า5นาทีต้องโทรตามคือมันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของคนโตแล้วเขาคุยกันได้ "

เพื่อนคนอื่นๆ รู้ไหมว่าเรากลับมาคุยกัน
   "ไม่รู้ ก็เหวอกันหมดว่าคู่นี้มาเจอกันยังไง ซึ่งเขาอยู่แล้วว่าเรารู้จักกันมานาน แต่ว่ามันมาพัฒนาสถานะเป็นแบบนี้มันเป็นไปได้อย่างไร ส่วนจะสมใจแม่สื่อไหมต้องไปถามเขาเอง "

เปิดตัวแล้วหวานตลอดมีภาพสวีท
   "ผมไม่ได้ถ่ายเองไง ปัญหาคือโดรนตัวนั้นแหละ ก็ว่าจะแอบมันแอบไม่ได้"

คาดหวังกับความรักครั้งนี้ขนาดไหน
   "ถามวันนี้มันเร็วไปหน่อย แต่ถ้าจะตอบคงตอบว่าคงไม่มีใครที่ จู่ๆมาบอกว่าจะคบกันแล้วอีก5เดือนเลิกหรอก ผมว่าอายุก็ไม่ใช่20ต้น ถ้ามันดีไปเรื่อยๆก็จะยินดีมาก"

แบงค์ดูเป็นคนจริงจังกับความรัก
   “เราไม่อยากให้เขาเสียเวลากับเรา เราก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปพยายามที่จะเป็นใคร หรือพยายามที่จะต้องมีใครตลอดเวลา ถ้าไม่มันแท้พยายามไปสุดท้ายก็ไม่แท้ อยู่คนเดียวจะดีเสียกว่า ที่จะไปเอาใครเข้ามาในชีวิตให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่เหงา ผมอยู่กับตัวเอง 2 ปีครึ่ง ใช้เวลาศึกษาตัวเองพอสมควร ก็ไม่เหงาได้นะ ไม่เห็นต้องมีใครเลย เดี๋ยวถ้ามีก็มีเองแหละ”

พอมีเขาแล้วเติมเต็มเราไหม
   “ก็เติมในสิ่งที่หายไป แต่ชีวิตผมก็ยังเหมือนเดิม ไปไหนคนเดียว แค่มีเขามาเป็นเพื่อนเพิ่มมาไปด้วยกันในที่เดิมๆ อยู่ใกล้ๆบ้าน เพราะส่วนใหญ่งานจะอยู่ไกลบ้าน”

โอซาให้สัมภาษณ์ว่ามองไกลถึงเรื่องแต่งงาน แล้วเราล่ะ
   “เราก็คงไม่คบใครเล่นๆหรอก จริงจังหมด”

กดดันไหม
   “ไม่ได้กดดัน แต่ตอบไม่ถูก เพราะเคยมีแฟนอยู่คนเดียว ไม่เคยเจอแบบนี้”

รักครั้งนี้เพื่อนเชียร์ให้แต่งเลยไหม?
   “บางทีเขาก็เชียร์กันเกินไป แฟนคลับก็เชียร์”

แฟนคลับเขาแฮปปี้กับรักครั้งนี้ของเรามาก?
   “อาจจะเป็นเพราะเขาอินกับเพลงไปด้วย เคมีไปกันได้”

จะมีโอกาสดึงเขามาร่วมงานด้วยอีกครั้งไหม?
   “พอแล้ว ให้คนอื่นเล่นเถอะ”

เพราะอะไร คุยกันแล้ว?
   “ไม่ได้คุยอะไรเยอะ เอาชีวิตประจำวันให้โอเคก่อน”

แฮปปี้เนอะ?
   “แฮปปี้ครับ”

 

หลายคนแซวในโซเชียลว่าพกไมค์สำรองขึ้นคอนเสิร์ต
     "ไม่มีอะไรหรอก (หัวเราะ)"

โดนแซวเยอะๆ เขินไหม
     "ผมโยนกางเกงตัวนั้นทิ้งไปแล้ว จริงๆ ไม่ได้ใส่ครั้งแรก แต่ว่าไฟมันส่องลงมาพอดี มันก็เป็นแสงและเงา"

วันนั้นมีคนเตือนไหม
     "ไม่มีครับ"

ตอนที่เดินออกไปมีใครทักไหม
     "ไม่มี เพราะตอนนั้นไฟยังไม่มี (ยิ้ม) แล้วพอไลท์ติ้งแบบนั้นมันเกิดขึ้นปุ๊บผมก็รู้สึกว่าทำไมมันมีบางจังหวะที่ผมไม่ได้ทำอะไร แต่คนอยู่ดีๆ ก็กรี๊ด ผมก็คิดว่าคงเพราะแฮ็คกำลังโซโล่เดี่ยวอยู่ เราก็จะไปคิดถึงซีนเพื่อน ก็หันไปมองเพื่อนก็ไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า ไม่รู้จริงๆ มารู้ในโซเชียลนี่แหละ"

พอคนแชร์เยอะๆ เป็นยังไงบ้าง
     "เขินไหมล่ะ อายมั้ยล่ะ อายนะ ผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้"

วินาทีแรกที่เห็นคลิปรู้สึกยังไง
     "รู้สึกขำ แล้วก็ดูว่ามันคืออะไรวะ (ยิ้ม)"

กล้าย้อนดูไหมว่าจุดไหนที่คนโฟกัส
     "ไม่มีๆ ผมก็เป็นมนุษย์ปกติคนนึง (หัวเราะ) แต่คือเราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไง เราก็ไปอ่านคอมเม้นท์ว่าเขารู้สึกยังไง (หัวเราะ) แต่คอมเม้นท์ต่างๆ นี่พูดตรงนี้ไม่ได้เลยสักอย่าง (ยิ้ม)"

ต้องเซฟเพิ่มขึ้นไหม
     "ตอนนี้ใส่กางเกงแข็งๆ ตลอดเลย กางเกงนิ่มๆ เหี่ยวๆ ไม่ใส่แล้ว (ยิ้ม)"