บันเทิง

พูดคุยกับ  'เฌอปราง BNK48'

พูดคุยกับ 'เฌอปราง BNK48'

01 พ.ย. 2561

"เฌอปราง BNK 48" บอกเล่าเรื่องการมาแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก กับค่าย GDH559 ใน "HOMESTAY" (โฮมสเตย์) พร้อมความในใจที่มีให้กับเหล่าแฟนคลับ

         เรียกว่านาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักไอดอลสาววง “BNK 48” ซึ่งเป็นกลุ่มไอดอลที่ฮอตติดลมบน ล่าสุด “เฌอปราง BNK 48” เฌอปราง อารีย์กุล ซึ่งดอดมาชิมลางงานแสดงภาพยนตร์ให้แก่ค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง GDH559 เรื่อง “HOMESTAY” (โฮมสเตย์) แถมยังได้แสดงเป็นแฟนกับ “เจมส์” ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ งานนี้ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่ากับดราม่าจากเหล่าแฟนคลับ วันนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับนักแสดงสาวแบบพิเศษสุดๆ ซึ่งนักแสดงสาวป้ายแดงคนนี้ได้กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอว่า 

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

 

@ ภาพยนตร์เรื่องแรก 

          ดีใจมากที่ได้เล่นได้ทำงานตรงนี้ และก็ตื่นเต้นกับมันมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เกินความฝันของเราไปเยอะมากจริงๆ เพราะเฌอเป็นคนที่ชอบดูหนัง และในเมืองไทยค่ายจีดีเอชก็ถือว่าเป็นค่ายหนังที่มีชื่อเสียงมาก แล้วเราเป็นเด็กมาจากไหน คือเรารู้สึกว่าเราเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ ที่จู่ๆ ได้เข้ามาบีเอ็นเคด้วยความชอบของเรา พอเราไปแคสงานทางจีดีเอชก็ให้โอกาสเราในการแสดงภาพยนตร์ ซึ่งแค่เล่นภาพยนตร์เราก็อะเมซิ่งแล้วยิ่งเป็นของจีดีเอชอีก ซึ่งที่นี่ก็ขึ้นชื่อว่าคัดกันโหดเหมือนกัน เฌอเลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องสุดยอดเหนือความคาดหมายในชีวิตของเฌอมากๆ และเป็นเรื่องแรกของเฌอด้วย เมื่อได้โอกาสเราก็ทำเต็มที่

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

@ พอรู้ว่าได้แสดงบทนี้รู้สึกอย่างไร 

         รู้สึกแปลกใจ รู้สึกว่าเขาเห็นอะไรในตัวเฌอเหรอ มันใช่เราเหรอ ได้จริงเหรอ ไอ้คนที่ทำอะไรก็ไม่ได้วันนั้น เขาจะเอาหนูไปทำอะไร แล้วหนูจะไปเจออะไร แต่ในเมื่อเขาเลือกแล้ว เขาเชื่อบางอย่างในตัวเฌอ เฌอก็ลุยกับเขาเต็มที่เหมือนกัน

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

@ คิดไหมว่าเขาเลือกเรา เพราะเราคือบีเอ็นเค

          ไม่ใช่ เฌอเคยสงสัยเหมือนกันนะว่าเขาเลือกเราเพราะเราคือบีเอ็นเคหรือเปล่า เฌอก็เลยไปถามพี่โอ๋ตรงๆ เลยว่าที่เรียกเราไปแคสเพราะเราเป็นบีเอ็นเคใช่ไหม ซึ่งพี่โอ๋บอกว่าว่าไม่ใช่ เขาเรียกเราไปเพราะเห็นเราในหนังสือและรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของเรามันตรงกับคาแรกเตอร์ ไม่ได้เรียกเราเพราะบริษัทส่งไป ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้เราดีใจว่าภาพลักษณ์ของเรามันตรงกับคาแรกเตอร์ เขาเลือกเราที่เป็นเรา ไม่ได้เลือกเพราะเราเป็นบีเอ็นเค ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่และสำคัญเท่ากับการที่เฌอเลือกมาเป็นบีเอ็นเค เพราะบีเอ็นเคเลือกเพราะเฌอคือเฌอ ในขณะที่หนังเรื่องนี้เลือกให้เล่นเป็นพายเพราะเฌอเป็นเฌอเหมือนกัน 

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

@ ด้วยความเป็น บีเอ็นเค กฎระเบียบค่อนข้างเยอะ รู้สึกลำบากใจบ้างไหม

          ไม่ลำบากเลย บางอย่างมันทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยซ้ำ คนอาจจะมองว่ามันเป็นกฎ เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ แต่ถ้าเรามองให้นอกเหนือจากกฎหรือเข้าใจว่ากฎต่างๆ ทำมาเพื่ออะไร ก็จะเข้าใจว่ามันทำมาเพื่อพวกเรา แต่คนอาจจะยึดมากเกินไปหรือเปล่า แต่การทำงานในด้านอื่นไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรืออีเวนท์ก็จะเป็นกฎที่มีความแตกต่างกันไป ซึ่งการแสดงมันไม่มีกฎ เฌอแค่รู้สึกว่ากฎบางอย่างมีเหตุผลที่ต้องมี เข้าใจว่าทำไมต้องมี แต่ถ้าอะไรที่ดูเกินเหตุเกินไปก็ต้องใช้ระยะเวลาในการที่จะต้องแก้ไขเหมือนกัน

         ช่วงแรกๆ กว่าเราจะผ่านดราม่า กว่าจะตกตะกอนมาจนทุกวันนี้ ทำให้เราเข้าใจว่าขอบเขตควรอยู่ตรงไหน จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับความเชื่อใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ของเมมเบอร์และแฟนๆ รวมถึงคนรอบข้างของเมมเบอร์ เพราะสุดท้ายมันก็มีเหตุผล อย่างวันรับปริญญาถ่ายได้ไหม ในเมื่อมันสำคัญกับเมมเบอร์นั้นๆ ก็ควรให้เขาหน่อยไหม ซึ่งก็มีข้อยกเว้น เราก็พยายามเกลี่ยๆ กันไป อย่างหนังเรื่องนี้ก็เป็นการกะเทาะกำแพงบางอย่างเรื่องการแสดงของบีเอ็นเคเหมือนกัน น้องๆ ก็อาจจะสบายขึ้นในเรื่องการถูกเนื้อต้องตัว ซึ่งก็เริ่มสบายขึ้น อย่างพี่ๆ ที่ถ่ายรายการก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น อย่างบีเอ็นเคไปออกรายการจะสามารถถูกเนื้อต้องตัวหรือจับมือได้ เพราะมันเป็นการทำงานของเมมเบอร์ เป็นการโปรโมททำโน่นนี่ คือเขาเชิญเราไป ก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป และในอนาคตก็คงได้เรียนรู้กันอีกมากมาย ว่าอะไรคือสิ่งที่สมควรหรือเหมาะสมประมาณไหน แต่ทุกคนก็พยายามให้เกียรติแฟนคลับเพราะเรารู้ว่าทำไมถึงมีกฎนี้ เพราะมันมีอีเวนท์ที่แฟนได้มาเจอเรา ได้ถ่ายรูปเรา ซึ่งเราเข้าใจว่ามูลค่าของเรามันมากกว่าอะไรที่เป็นตัวเราแล้ว 

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

@ วันนี้เป็นบีเอ็นเคถ้าไม่ได้เป็นชีวิตจะเป็นอย่างไร

         ถ้าไม่ได้เป็นชีวิตก็เป็นเด็กเนิร์ดนั่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย เป็นผู้ช่วยสอนของอาจารย์ คือเฌอเป็นคนที่มีทางเลือกให้ชีวิตเยอะมาก เฌอรู้สึกว่าตัวเราไปทางไหนก็ได้ จะเป็นครูก็ได้ เฌอเชื่อว่าเฌอมีทางรอดแน่ๆ ถ้าในมหาวิทยาลัยเฌอก็จะเป็นผู้ช่วยอาจารย์ ก่อนหน้านี้เฌอก็เป็นผู้ช่วยวิจัย เฌอต้องหยุดงานวิจัยเพราะว่าเฌอมาทำบีเอ็นเค ไม่อย่างนั้นเฌอก็จะเป็นผู้ช่วยวิจัยต่อไป คือเฌอก็มีงานอีกทางที่ทำอยู่ แค่อันนี้เป็นอีกทางที่เฌอเลือกมาทำ เพราะความชอบของเฌอ ซึ่งมันทำให้เฌอได้เปิดโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิต ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ทำอย่างเช่นภาพยนตร์ เฌอได้ไปประเทศญี่ปุ่น ได้เจอคนที่เฌอชอบ ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ที่ในชีวิตนี้ถ้าไม่ได้เป็นบีเอ็นเคก็คงไม่ได้ทำ เรียกว่าเป็นกำไรชีวิต ซึ่งดีใจนะที่ได้รับโอกาสตรงนี้่ และจะทำโอกาสตรงนี้ให้ดีที่สุด รวมถึงเฌอก็จะใช้โอกาสตรงนี้ส่งเสริมสิ่งที่เฌอชอบอีกสายหนึ่งคือเรื่องวิทยาศาสตร์ด้วย คือเฌอทำแค่ความชอบของเฌอจริงๆ เฌอไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร 

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

@ แพลนอนาคตอย่างไรบ้าง

         ถ้าในอนาคตเราไม่ได้เป็นบีเอ็นเคแล้ว เฌอจะเรียนต่อป.โทแน่ๆ แต่เฌอก็ยังมีใจที่ยังอยากจะอยู่วงการต่อ ดังนั้นมันก็คงยากเหมือนกัน ถ้าจะเรียนป.โทจริงๆ เราก็ทุ่มให้กับมันเพื่อให้มันดี เฌอยังไม่ตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องเรียนป.โท แต่สิ่งหนึ่งที่เฌอตอบได้คือ เฌอแค่อยากเรียนต่อ อยากค้นหาข้อมูลเรื่อยๆ แค่นั้นเอง เพราะการที่เราเรียนต่อมันจะทำให้เราเข้าถึงข้อมูลบางอย่างได้มากกว่าคนธรรมดา หรือเรียนรู้ด้วยตัวเอง จริงๆ เราเรียนรู้ด้วยตัวเองก็ได้ แต่ก็ต้องแล้วแต่บริบท ซึ่งถ้าเฌอเรียนต่อป.โท เฌอจะเรียนที่ต่างประเทศ จะไปใช้ชีวิตไปศึกษาชีวิตคนอื่นข้างนอก เอาจริงๆ คืออยากออกไปสำรวจโลกในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ไปทำโน่นทำนี่ 

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\' (เจมส์และเฌอปราง พระ-นางจากภาพยนตร์เรื่อง โฮมสเตย์)

@ พอมาเป็นบีเอ็นเค เรื่องความรักทางค่ายเปิดกว้างแค่ไหน 

         เขาก็เปิดทุกอย่าง แค่รักษาภาพลักษณ์ของวงให้ดีแค่นั้นเอง เขาห่วงแค่นั้นจริงๆ นี่คือสิ่งที่บริษัทเขาพยายามจะบอกกับเราว่าคนที่อยู่ในวง คนที่ใช้นามสกุล BNK48 เรามีโอกาสหลายๆ อย่างเพราะนามสกุลนี้ เพราะฉะนั้นให้เกียรตินามสกุล ให้เกียรติฐานที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ด้วย  เอาตรงๆ ตอนนี้เฌอก็มีความรัก มีความรักกับพ่อแม่ มีความรักกับทุกคน มีความรักกับงาน กับเพื่อน กับพี่น้องและแฟนๆ มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ เขาให้เราเหมือนกับที่พ่อแม่ให้เราเลย เขาให้โดยที่เราไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรก็ทำได้แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีผลงานให้เขาชื่นใจให้สมกับที่เขาเชียร์เรา พูดแล้วจะร้องไห้ (น้ำตาคลอ) เพราะหนูไม่มีอะไรจริงๆ เราเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยู่ๆ เขาก็มาเชียร์ ก็เลยไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ก็ต้องให้ผ่านผลงานการแสดงบนเวที ผ่านผลงานที่จะให้เขาติดตามต่อไป ในระยะเวลาที่เป็นบีเอ็นเค 

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'

@ อยากบอกอะไรกับแฟนคลับบ้าง 

           เราก็ไม่รู้ว่าเขาติดตามเราเพราะอะไรนะ (หัวเราะ) เราก็แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน เขาจะเป็นอย่างไร หนูก็แค่ดีใจที่เขายังอยู่กับหนู ดีใจที่เขายังเห็นคุณค่าของเฌอต่อ บางคนเป็นแฟนคลับแล้วก็เลิกเป็น แต่คนที่ยังอยู่ก็ต้องขอบคุณมากที่ยังอยากดูเด็กคนนี้เติบโต อยากบอกว่าขอบคุณ ความรู้สึกเดียวกับที่อยากบอกแม่กับพ่อ หรือคนรอบตัวที่ให้โอกาสและสนับสนุนเฌอ เพราะรู้สึกว่าเขาให้เราโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้อะไรตอบแทนนอกจากความสุขที่มองเราเติบโต เหมือนแม่กับพ่อที่มองเราเติบโต บางคนอาจจะมองเราเป็นแฟน แต่แฟนก็อยากให้เรามีความสุข คนรักกันก็อยากให้คนที่เรารักมีความสุข เพราะเฌอเองก็เคยมีแฟน เฌอก็มองเขาอยากให้เขามีความสุข เป็นความเข้าใจของเขาและเรา แต่เฌอก็เลือกที่จะตัดตรงนั้นออกเพราะเรามีโอกาสได้ทำบีเอ็นเค ถ้าเขายอมรับเราได้จริงๆ เขาเข้าใจเราจริงๆ ไม่ว่าเขาจะรอหรือไม่รอก็ต้องแล้วแต่เขา จริงๆ เราก็รู้สึกดีกับเขานะไม่ใช่ไม่รู้สึกดีกับเขา แต่ถ้าวันนี้เขาเข้าใจ เราก็ต้องขอบคุณมาก 

ภาพ : เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล

รูป : ธนาชัย ประมาณพาณิชย์

พูดคุยกับ  \'เฌอปราง BNK48\'