ช่วงวิกฤติ 'มิ้งโป๊ะแตก'  'กัปตัน' กลับบ้านไม่ได้

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  จากเรื่องราวสนั่นเมืองของ “กัปตัน” ชลธร  และ “มิ้ง” ศวภัทร จนเกิดคำขนานนามกรณีนี้ว่า “มิ้งโป๊ะแตก” ซึ่งหลังจากเรื่องราวคลี่คลาย ก็ทำให้นักแสดงหนุ่มวัยรุ่นพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งปวงในสังคม แต่กว่าจะผ่านเรื่องนี้มาได้ ใครจะไปรู้ว่า “กัปตัน” เจออะไร ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอกับนักแสดงหนุ่มจึงขอย้อนถามถึงเรื่องราวที่ผ่านมา 
 

    “ผมก็ดูฟีดแบ็กบ้าง แค่รู้สึกว่าเวลาเขาชมหรือติเราในการทำงาน จริงๆ ค่อนข้างพอใจก่อนสำหรับตัวเราเองค่อนข้างพอใจกับชิ้นงาน ส่วนฟีดแบ็กก็ได้รับหลายเสียง มีทั้งติบ้าง มีทั้งคำชม ผมคิดว่ามันเป็นผลงานที่ดีชิ้นหนึ่งเลย แค่นี้ก็มีแรงในการทำงานต่อ ถามว่ากลัวคนจะเอาข่าวมาตัดสินผลงานไหม ก็มีกลัวบ้าง คือเรามาอยู่ในโปรเจกต์แล้ว แล้วมีพี่ๆ ทีมงานเป็น 10-20 คน เราพลาดไม่ได้ เราต้องตั้งใจ ถามว่าก่อนละครออนแอร์กลัวคนจะแอนตี้มั้ย ยอมรับตามตรงว่าเราก็มีกลัว แต่ทุกคนก็เป็นกำลังใจให้ แต่เราถอยหลังไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าเท่านั้น ต้องโฟกัสและทำให้ดีที่สุด (รู้สึกอย่างไรบ้าง กว่าจะดังต้องมีอุปสรรคตลอด) คงเป็นเรื่องของชีวิต ชีวิตทุกคนต้องมีเรื่องอะไรเข้ามา เพียงแต่เราจะข้ามผ่านมัน หรือมีวิธีรับปัญหากับมันอย่างไร ทุกอย่างที่เข้ามาถึงมีอะไรร้ายๆ แต่ผมเชื่อว่าทุกปัญหามีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ ถ้าเราข้ามผ่านมันไปได้ ทุกคนจะโตขึ้นและน่าจะมีอะไรหลายๆ อย่างสำหรับตัวเองที่เปลี่ยนไปด้วย ผมรู้สึกว่ามีคนที่เป็นกำลังใจคนที่คอยอยู่กับเราเยอะอยู่เหมือนกัน เขาไม่ทิ้งเรา เขาไม่ได้ทำร้ายเรา เขามีแต่ความหวังดีให้ ทำให้เรารู้สึกว่า คนพวกนี้รักเราจริงๆ คนจะบอกว่าผมเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แต่ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนตายหรอก แค่รู้สึกเหมือนล้ม แล้วลุกขึ้นมาเดินต่อไป ก็อาจจะล้มดังกว่าคนอื่น”

    ถามถึงสภาพจิตใจของครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง
    “ยอมรับว่าทุกคนเหนื่อยไปหมด ได้แต่คอยเป็นกำลังใจ พราะเราต้องรักครอบครัวไว้ก่อน ตอนนี้แม่ก็ดีขึ้น เริ่มใช้ชีวิตปกติ เอาจริงๆ ที่ผ่านมาเหมือนเขาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราก็ได้แต่คอยอยู่ข้างๆ เขา เราก็ค่อยๆ ปรับ ตอนนี้เราก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ช่วงนั้นสภาพคนในบ้านค่อนข้างเงียบ ช่วงนี้ผมไม่ได้อยู่กับแม่เลย ผมไปอยู่บ้านญาติ ถ้าเกิดอยู่ด้วยกันมันไม่มีคนดึงขึ้นมั้ง ทุกคนอึมครึมกันไปหมดทั้งบ้าน ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านปกติแล้ว ตอนนี้ได้เห็นรอยยิ้มแม่อีกครั้ง รู้สึกดีใจ ที่ทุกคนกลับมารักกัน เป็นห่วงกันมากขึ้น เราก็ได้คุยอะไรหลายๆ อย่างกับแม่และทั้งครอบครัวมากขึ้นด้วย เราค่อยๆ ปรับจนเดินไปด้วยกันได้ ถามว่าหลังจากนี้ได้วางแผนเรื่องความรักไว้อย่างไรบ้าง ความจริงความรักเป็นเรื่องที่พูดยาก ทุกคนก็มีความรู้สึก มันไม่สามารถห้ามกันได้ แค่เราต้องระมัดระวัง  หลังจากผ่านเหตุการณ์เริ่มดูคนค่อนข้างออก เริ่มสกรีนได้แล้ว ระวังนะๆ (หัวเราะ) กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากขอบคุณคนรอบข้างมากกว่า ทุกคนให้คำแนะนำ ให้ความคิดกับเรา แต่เราก็มากลั่นกรองว่าอันไหนเป็นทางที่เราจะรักจริงๆ ต้องขอบคุณคนข้างนอกมากกว่า”