'ย้ง-ทรงยศ' ผกก.เฉลย 'คนฆ่าประเสริฐ' อยู่ในโปสเตอร์?

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  เรียกว่ากระแสตอบรับดีเยี่ยม สำหรับละครเรื่อง "เลือดข้นคนจาง" พร้อมกับคำถามที่ว่า "ใครฆ่าประเสริฐ" ล่าสุด "บันเทิง คมชัดลึก" มีโอกาสเจอ "ย้ง" ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับของละครเรื่องนี้ในงานแถลงข่าว  "one สนั่นจอ กันยายน"  จึงถามถึงเรื่องนี้
 

    "ฟีตแบคละครดีครับ ก็เลยตื่นเต้น และเกร็งมาก คุ้มค่ากับการไปขอเวลามา ยิ่งเกร็งยิ่งเครียดมากขึ้น พอคนคาดหวัง ความคาดหวังมันน่ากลัวแต่เราแฮปปี้  ไม่อยากให้คนดูผิดหวัง พอมันเกิดฟีดแบคอะไรก็ตาม มีกระแสการที่คนดูเก็บรายละเอียด มันเลยทำให้เราเอาฟีตแบคนั้นกลับมาตัดต่อตอนต่อไป พยายามทำให้มันเรียบร้อย พอมันมีฟีดแบคกลับมาทำให้เรารู้ว่าคนดูกำลังสนใจดูอะไรอยู่ เลยทำให้สิ่งเหล่านี้เวลาเราไปตัดต่อ มันเป็นการกำกับคนดู พอเขาสนใจสิ่งนี้ เราก็คิดว่าทำยังไงให้เขาสนุกกับการดู และการตัดต่อไปด้วย"
    แปลว่าในแต่ละตอนที่จะออนแอร์ในสัปดาห์ต่อไป ก็จะเป็นการตัดต่อใหม่ตามกระแสจากสัปดาห์ก่อนที่ออนแอร์ไปใช่ไหม
    "พอฟังฟีตแบคก็ไปตัดต่อ จริงๆ เราทำสิ่งนี้มาตั้งแต่ฮอร์โมน การตัดต่อแบบนี้มันเป็นการเช็คความรู้สึกคนดู คนดูมีฟีดแบคอะไร คนดูสนใจอะไร สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เรารู้แล้วว่าเราจะขยี้อะไร เราจะเน้นอะไร จะหลบอะไร จะเปิดเผยอะไร ทุกตอนมีการแก้แล้วแก้อีก เราส่งงานสัปดาห์ต่อสัปดาห์ครับ (หัวเราะ) เสียวอยู่กลัวจะส่งไม่ทันบ้างหรือเปล่า  พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) โหดถ้าส่งไม่ทันจะโดนปรับเยอะ (หัวเราะ) จะฉายวันศุกร์เราส่งวันพฤหัส (ไม่ใช่สัปดาห์ต่อสัปดาห์ นี่วันต่อวัน)"
    ยกตัวอย่างคนดูชอบตรงไหนก็ไปตัดเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลง? 
    "ตอนที่เขียนบท ตอนที่กำกับ เรารู้แล้วว่าคนดูจะเห็นใจภัสสร แต่เราไม่คิดว่าคนจะเห็นใจภัสสรขนาดนี้ อะไรก็ตามที่เล่นกับความรู้สึกคนดู คนดูจะสนุก พลังหญิงเห็นใจลูกผู้หญิง เราจะขยี้และเน้นพาร์ทนี้ เอาความรู้สึกออกมาให้ชัด เพราะคนมีอารมณ์ร่วมกับตัวละคร ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี"

 

 

    วางไว้แล้วใช่มั้ยว่าใครคือฆาตกร หรือยังสับขาหลอกอยู่? 
    "ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราแค่เอามาตัดต่อเรียกความสนใจของคนดู แต่เรื่องของการตัดต่อว่าคนดูสนใจอะไร เราขยี้สิ่งนั้น แต่จริงๆ บทมันสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวฆาตกรมีอยู่จริง เราก็ถ่ายทำกันตามปกติ ครบถ้วนหมด แต่ตอนตัดต่อมันเป็นแค่ความต้องการที่จะให้เห็นมุมไหนเห็นรายละเอียดอะไรบ้าง จริงๆ การตัดต่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการกำกับหรือควบคุมความรู้สึกของคนดู ตอนนี้คนดูอยู่ในกำมือเรา (หัวเราะ)"
    กลัวไหมว่าการขยี้ความรู้สึกคนดูมันจะต้องมีทั้งบวกและลบตามมา?
    "เราไม่ได้มองว่ากระแสในด้านดีหรือด้านอะไรก็ตามมันเป็นเรื่องไม่ดีนะ การทำละครกระแสจากคนดูไม่ว่าจะแง่ดีหรือลบ มันคือฟีดแบคที่ดีของคนทำงาน ถ้าเกิดฟีดแบคไม่ดีอะไรก็ตาม มันก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่เราจะต้องกลับมาเรียนรู้ บางอย่างเราไม่เห็น มันหลุดรอดจริงๆ เราก็กลับมาเรียนรู้ การที่คนดูมาสนใจดูรายละเอียดในงานของเรามันเป็นรายละเอียดที่ดี"
    ในทวิตเตอร์มีเงาคนหลุดออกมาคือ? 
    "อันนั้นเรายังบอกอะไรไม่ได้ เพราะมันจะเป็นการสปอย (ยืนยันว่าไม่ใช่เงาทีมงาน) ให้เรายืนยันใช่ไหม มันคือเงาทีมงาน (หัวเราะ)  ตอนแรกไม่เห็น มาเห็นตอนคนดูชี้ให้ดู จริงๆ มันมีเงาทีมงานอยู่บ้างที่มันลบเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ถ้าทำได้ก็อาจจะมาลบเอา เพราะบางครั้งการทำงานมันแก้ปัญหาไม่ได้ แต่อันนี้ไม่เห็น พอคนดูชี้ให้เห็นก็ส่งเข้ากรุ๊ปงาน ว่าคนดูเห็น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน"  

 

 

 

    หลังจากละครออนแอร์ไป ตอบคำถามใครฆ่าประเสริฐ เยอะแต่ไหน? 
    "เป็นครั้งแรกที่ลงมาทำละคร และพี่บอย (ถกลเกียรติ) ก็ให้เวลาไพร์มไทม์ จริงๆ ปกติที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนหรือเฮทเลิฟฯ ฟีดแบคคนรอบข้างคือมีแต่เด็กวัยรุ่นดู หรือคนทำงาน แต่เรื่องนี้ในฟีดเฟสบุ๊คเพื่อนแม่ เพื่อนพ่อ เพื่อนโรงเรียนเก่า และลงไปวัยรุ่นดูด้วย คือมันครอบคลุมกว่าที่เราเคยทำทุกเรื่อง  ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น เพราะเราไม่เคยได้รับผลลัพธ์แบบนี้ มันเหมือนย้อนกลับไปตอนเราทำแฟนฉัน กลายเป็นคนทุกเพศวัยดูเรื่องนี้ ใครๆ ก็ดู คือมันเป็นที่นิยมมากขึ้น ถึงมันแมสที่สุดเท่าที่ทำมา" 
    ละครเรื่องนี้เหมือนมีการสะท้อนเรื่องของวัฒนธรรมของคนจีนด้วย
    "คิดไว้คร่าวๆ คือเราก็ศึกษา เหมือนอย่างช่วงตอนละครบุพเพสันนิวาสที่เราก็สนใจรายละเอียดสิ่งนั้นในอดีต มันเป็นเรื่องที่เราคิดไว้ก่อนว่า คนน่าจะสนใจ แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะทำอะไรออกมาก็ได้แล้วคนจะสนใจ มันเหมือนเราก็ต้องทำให้มันละเอียด แล้วก็ต้องทำให้ครบ แต่เอาจริงๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันก็เกินกว่าที่คิดแหละ เพราะเรารู้สึกว่าวัฒนธรรมคนจีนทุกวันนี้ ต่อให้เป็นลูกคนจีนเอง สิ่งเหล่านี้ก็ค่อนข้างจางหายไปตามกาลเวลาบ้างแล้ว พี่สิน (ยงยุทธ ทองจินดา) ก็มีมาบอกว่า "กูลืมไปแล้วนะ ตั่วซุง หลานในหลานนอก" แต่พอเขากลับมาดู มันทำให้นึกถึงเราในวัยเด็ก มันทำให้นึกถึงเขาตอนอยู่บ้านเขา เราว่าสิ่งเหล่านี้มั้งที่ดึงความรู้สึกกลับมา อย่างที่เห็นว่าในทวิตเตอร์ไม่มีใครพูดถึงละครเลย ทุกคนจะพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง"
    ต้องไปหาข้อมูลยังไง
    "บ้านเราเป็นคนจีน แต่เราเองไม่ได้รู้ทุกดีเทล คนที่เราหาข้อมูลเยอะที่สุดในเรื่องนี้ คือม๊าเรา อะไรที่ไม่เข้าใจ เราก็โทรหา ม๊าๆๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งคือผิด ผิดแบบรุนแรงมาก โดนม๊าด่า (หัวเราะ) บทใกล้เสร็จแล้วด้วยนะ ตอนอากงเสียก็มีการทำกงเต๊กใช่ไหม พอประเสริฐเสีย ในบทเราก็มีทำกงเต๊ก เพราะเราคิดว่าก็ตายเราก็ทำกงเต็ก สุดท้ายเราก็โทรไปเล่าให้ม๊าฟังว่าอากงตายทำกงเต็ก ถ้าประเสริฐตายต้องทำกงเต็กยังไง พอโทรไปปุ๊บโดนด่าเลย  ม๊าก็จะบอกว่าการทำกงเต็ก เขาจะทำให้กับผู้ใหญ่ปู่ย่าตายายที่มีอายุเยอะๆ ที่เสียชีวิต โดยเป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ มันเป็นพิธีที่ดี เป็นการส่งเขาสู่สวรรค์ ส่วนมากก็จะเป็นคนอายุ 70-80 ปีขึ้นไป ดังนั้นใครที่มีอายุไม่ถึงหรือยังเด็ก และตายแบบไม่ดีเขาก็จะไม่ทำกงเต็กกัน ซึ่งในบทตอนนั้นเราเขียนใกล้จะเสร็จแล้วว่าทำกงเต็กให้กับประเสริฐที่โดนยิงเสียชีวิต เลยโดนแม่ด่าชุดใหญ่เลย เหมือนเราทำการหาข้อมูลมาไม่ดี เลยต้องมีการแก้บท"

 

 

    แต่เรื่องนี้ก็มีอีกประเด็นขึ้นมา คือการหยิบเค้าโครงของตระกูลดังอย่าง "ตระกูลธรรมวัฒนะ" มาทำ? 
    "จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่ไม่ได้เอามาจากเรื่องเหตุการณ์จริงที่เกิดเรื่องในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเลย อันนี้คือความจริง แต่เริ่มต้นไม่ได้อยากเล่าเรื่องฆาตกรรม ใจอยากเล่าเรื่องครอบครัว เรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวคือสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย อันนี้คือจุดเริ่มต้น ทำไมคนในครอบครัวทำไม่ดีต่อกันได้ ทำไมฆ่ากันได้ ก็เลยเริ่มศึกษาเหตุการณ์จริง ความเป็นคนแต่ละเหตุการณ์มีที่มาที่ไปอย่างไร อ่านข่าว ติดตามข้อมูล เอามาจากหลายๆ คดีแล้วเอามากองรวมกันสร้างเป็นละครเลือดข้นคนจาง"
    ยืนยันว่าไม่ได้เอาเรื่องคดีของครอบครัว "ธรรมวัฒนะ" มาเป็นพล็อตเรื่อง
    "ถ้าคนในครอบครัวธรรมวัฒนะมาดูเค้าจะรู้ว่ามันไม่ใช่ แต่ว่าเรื่องตัวละครอาจจะมีใกล้เคียงกันตรงเป็นครอบครัวใหญ่และมีเขยเป็นตำรวจ แต่สตอรี่ไม่ใช่เลย ถ้าเราจะเอาชีวิตใครมาทำ เราก็ต้องคุยกับเขานะ ต้องเคารพเรื่องของเขา แต่ว่าถ้าถามว่าเราลงไปศึกษาไหม เราลงไปศึกษาทุกเรื่อง ทุกข่าว เกี่ยวกับครอบครัวที่มีปัญหา เราอยากลงไปทำความเข้าใจก่อน ถ้าเราอยากทำเรื่องนี้ เราต้องลงไปทำความเข้าใจ"
    คนเอาไปเทียบกับ "ไอ เฮท ยู ไอ เลิฟ ยู" ว่าเดี๋ยวก็เหมือนตอนนานะที่ตายฟรี ฆาตรกรก็ลอยนวล
    "เรามีบทเรียนจากเรื่องนั้น (หัวเราะ) มันไม่ปลายเปิดขนาดนั้น อย่างนานะตอนนั้นเราคิดว่ามันเป็นคอนเทนต์ออริจินัลในไลน์ทีวี มันเฉพาะกลุ่ม มันเป็นการสื่อสารกับคนเฉพาะกลุ่ม เราเลยตั้งชื่อว่า "ไอ เฮท ยู ไอ เลิฟ ยู" เป็นภาษาอังกฤษ ไม่แคร์ความแมสเลย เราอยากลองว่าถ้าทำซีรีส์กับคนต้องภาษาไทยเท่านั้น อันนั้นเป็นการทดลอง แต่เรามาทำไพร์มไทม์ช่องวันนะ เราต้องมีตอนจบเหมือนละครทั่วไป ต้องมีบทสรุป มันมีการเรียนรู้ มันมีการเติบโต มีการให้อภัย ประเสริฐไม่ตายฟรีแน่นอน"
    คิดไหมว่าถ้าตอนจบไม่เป็นอย่างที่คนดูหวัง จะเป็นยังไง
    "ถ้าถามว่ากลัวไหม ก็กลัวนะ กดดันไหม กดดัน แต่ก็โดนทุกเรื่อง (หัวเราะ) แต่เราว่ามันสนุกนะ เพราะแปลว่าคนดูสนุกกับเรื่องราวของเรา เขาอินกับเรื่องราว อินกับตัวละคร เขาก็มีความคาดหวัง แล้วถ้าผลลัพท์ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด มันก็ต้องมีความรู้สึกที่ตอบกลับมา ซึ่งเราว่าไม่แปลกมันเป็นปกติ แค่ทำความเข้าใจมัน แต่เราเชื่อว่าคนดูเข้าใจนะ ถ้าสุดท้ายไม่เป็นอย่างที่เขาคาด แต่ได้คำตอบ เราว่าเขาโอเค แต่ที่ผ่านมา มันอาจจะเป็นว่าเราให้คำตอบที่ไม่โอเคกับเขาก็ได้ เขาเลยไม่โอเค แต่สิ่งที่เรากลัวคือ เวลามีความคาดหวัง นั่นแปลว่ามันมีคำตอบเยอะไง แล้วเราจะไปตอบตามความคาดหวังของทุกคนให้เหมือนกันมันก็ไม่ได้ เราอาจจะไม่ได้ตอบใครเลย แต่เอาแบบนี้แล้วกัน เรื่องนี้มีบทสรุปมันไม่ได้ปลายเปิดแบบนานะ พอเราลงมาทำตรงนี้เรารู้ว่าเราลงมาทำละครนะ มาสื่อสารกับคนวงการกว้างนะ"
    คำถามสุดท้าย คิดว่าคนฆ่าประเสริฐที่เลือกมาเป็นคนที่ดีสุด
    "คนที่กระทำคือคนที่มีแรงจูงใจที่สุด ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าใครเป็คนทำก็ต้องไปดูว่าใครคือคนที่มีแรงจูงใจ ก็คนหนึ่งในโปสเตอร์นั่นแหละ (ฮู้!!!) ลองดูกันนะครับ"