บันเทิง

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บี" พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา  ผู้บริหาร "ทรูโฟร์ยู" เผยถึงเรตติ้ง "My Girl 18 มงกุฎสุดที่รัก" ที่ได้ 0.0 ว่าไร้ผลกระทบ เพราะขายตลาดต่างประเทศได้รับการตอบรับที่ดี

 

    ทีมบันเทิง  คมชัดลึก -  กลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อมีการปล่อยเรตติ้งซีรีส์ "My Girl 18 มงกุฎสุดที่รัก ( My Girl Thailand)" ที่ออกอากาศทางช่อง "ทรูโฟร์ยู" ออกมาว่าได้เรตติ้ง 0.0 จนกลายเป็นที่โจษจันต์ว่าทำไมได้เพียงแค่นั้น  งานนี้ "บันเทิง คมชัดลึก" มีโอกาสเจอ "บี" พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหาร และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (ผู้บริหารช่อง ทรูโฟร์ยู) จึงถามถึงเรื่องนี้ดังกล่าว

 

   เรตติ้งละคร "ทรู" ไม่เข้าเป้า 
    “ต้องบอกแบบนี้ว่าตลาดสื่อในประเทศไทยเราจะเห็นว่าหดลงๆ อัตราการใช้ในอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทย 3 ปีก่อนคือราวๆ 140,000 ล้าน ณ ปีที่แล้ว พ.ศ. 2560 หดลงเหลือราวๆ 70,000 ล้าน ซึ่งแปลว่าใน 3-4 ปีนี้หดเกือบครึ่งหนึ่ง ทิศทางอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทย ถ้าเผื่อเราสร้างคอนเทนต์สำหรับตลาดไทย มันก็สวนทางกับการลงทุนการสร้างในสิ่งที่เป็นคุณภาพในระดับนานาชาติ เราจะได้ยินคนในวงการเครียดเรื่อวเกี่ยวกับการคุมงบประมาณให้ถูกลงๆ การเล่าเรื่องที่ง่ายๆ ขึ้นง่ายๆ ขึ้น การสร้างคอนเทนต์ที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์การขยายอุตสาหกรรม มันจำเป็นที่ต้องมีใครสักคนทำอะไรที่สวนทาง เผื่อสร้างในอนาคต สร้างในสิ่งใหม่ คือตลาดสื่อในประเทศไทย ณ วันนี้คือเดี๋ยวมาเดี๋ยวหายไป ซึ่งเราต้องมุ่งมั่นและเข็มแข็งทำให้วิสัยทัศน์ของเราเกิดขึ้นได้จริง พูดจริงๆ ทั้งองค์กรและผมเองก็ต้องต่อสู้จริงๆ จะพูดว่าทรูอยู่ในวงการนี้มายาวนานในมุมหนึ่งก็ใช่ แต่เราอยู่ในวงการของเพลย์ทีวี ตลาดเพลย์ทีวีที่เป็นสมาชิกรายเดือน แตกต่างจากตลาดฟรีทีวีมากมาย ผู้บริโภคที่จ่ายรายเดือนแสวงหาคอนเทนต์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก และยินดีเป็นกลุ่มน้อยที่จ่ายตังค์เพื่อได้ดูสิ่งที่ดีที่สุด จะเรียกว่าอันนี้เป็นกลุ่มย่อยก็ได้ องค์กรเราเติบโตและมีความรู้จากแนวนั้น วงการนั้น อุตสาหกรรมนั้นไม่เหมือนกับฟรีทีวี ซึ่งเป็นตลาดสื่อส่วนใหญ่ ตอนนี้เป็นภาระหนักจริงๆ สำหรับผู้ประกอบการสื่อฟรีทีวี ตอนนี้ก็ต้องพูดได้ว่าแต่ละที่ก็มีผลประกอบการที่ไม่ดี แล้วยังหาช่องทางที่จะไปหรือพลิกสถานการณ์ไม่ค่อยได้ บางช่องก็พลิกตัวเองขายครีม บางช่องก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่ออยู่รอด

 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

 


    การที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นบริษัทไทยที่เป็นบริษัทข้ามชาติ (international company) เรามีมุมมองที่โดยวัฒนธรรมของเรามีวิชั่นที่กว้างกว่า ทั้งเรื่องการบริหารและประสบการณ์ของเราที่ทำงานข้ามชาติ เรามีการทำธุรกิจหลายๆ ประเทศ จะเห็นว่าเรามีการขยายธุรกิจไปนานาชาติ และการที่เราเข้าสู่ตลาดนานาชาติทำให้เรามีโอกาส ทำให้เราเป็นบริษัทหนึ่งที่เป็นบริษัทส่งออกของธุรกิจไทย เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ของไทยสู่ตลาดโลก เพราะฉะนั้นเราก็มีแนวคิดว่าทำไมอุตสาหกรรมคอนเทนต์ทีวีที่เราทำเป็นแบบนั้นไม่ได้ มันไม่ควรเป็นอย่างนั้นหรือ แล้วถ้าเกิดเราไม่ทำ ใครจะทำ เพระานอกเหนือจากเครือเจริญโภคภัณฑ์แล้วก็ทรู ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ส่วนมากก็ไม่ได้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจข้ามชาติ เราก็ต้องเป็นพลังเป็นหัวหอกในการผลักดัน ให้อุตสาหกรรมไทย มีมุมมองอื่นๆ และมีโอกาสอื่นๆ ให้ได้ ตัวอย่างที่ดี ณ วันนี้อย่างทีวีซีรีส์เรื่อง มายเกิร์ลฯ ซึ่งมายเกิร์ลคือทีวีซีรีส์แรกของประเทศไทย ที่ฉายพร้อมกัน  6 ประเทศ รวมประเทศไทย นั่นคือประเทศจีน (Tencent กับ Youku), ฮ่องกง, มาเก๊า, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย โดยเป็นการถ่ายทอดพร้อมกัน วันเดียว เวลาเดียวกัน ที่เราทำแบบนี้เพราะทรูวิชั่นเป็นเจ้าแรกในการนำเสนอคอนเทนต์นานาชาติ ฉายประเทศไทยพร้อมกับอเมริกา เราเลยมีมุมมองว่านี่แหละคือสิ่งที่เราควรไป สิ่งที่เราควรเป็น ไม่ใช่ว่าเรามีศักยภาพพอเพียง คือเรายังไม่มี แต่อย่างน้อยเรามีมุมมอง เรามีเส้นทางที่เราจะเพิ่มศักยภาพของเรา   ทราบไหมครับว่าละครหรือซีรีส์ของประเทศไทยได้เรตติ้งเฉลี่ย ถ้าที่ประสบความสำเร็จก็น่าจะได้ราวๆ สัก เรตติ้ง 4 ซึ่งเรตติ้ง 4 ก็ไม่กี่ล้านผู้ชม ไม่กี่แสนครัวเรือน แต่มายเกิร์ลต่อตอนมีคนจีนที่ชมพร้อมกับประเทศไทย 160 ล้านคน"

 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 
 

    ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องของเรตติ้ง “มายเกิร์ล” ที่ออกมาได้ 0.0 มันมีผลกระทบไหม
    "เรตติ้งในประเทศไทยแน่นอนว่ามันเกี่ยวกับว่ามีอะไรฉาย ณ ตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเราต้องเชียร์ผูัที่ชนะ ในประเทศไทยเป็นแนวทางที่บริษัทอื่นๆ มีการสร้างคอนเทนต์เพื่อจะตอบโจทย์ในตลาดไทย เราก็มีความหวังดีว่าแต่ละเจ้า แต่ละบริษัทจะประสบความสำเร็จ นั่นคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ตลาดนานาชาติ บางทีมันไม่ได้เป็นจริตที่ตลาดความนิยมในประเทศไทย สิ่งที่ตลาดความนิยมในประเทศไทย คนต่างชาติไม่ได้เติบโตในประเทศไทย และไม่เข้าใจในกระแส อะไรคือสิ่งที่อยู่ในกระแสในประเทศไทย แปลว่าสิ่งที่อยู่ในกระแสประเทศไทย คนต่างชาติอาจจะไม่เข้าใจ สิ่งที่เขาถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่เขาชื่นชม อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ตลาดความนิยมในประเทศไทยชื่นชม  ณ วันนี้ อย่าลืมว่าในวงการบันเทิงของเรา วงการคอนเทนต์ของเรามันมีเรื่องของแนวโน้มทิศทางการเปลี่ยนแปลง เหมือน เกม ออฟ ทรอน  ดังที่อเมริกาก่อนถึงมาดังที่ประเทศไทย มันมีที่ตลาดบางตลาดนำเทรนด์ นำสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับวิธีการทำโปรดั๊กชั่น วิธีการเล่าเรื่อง และองค์ประกอบมากมาย เขาจะนำร่อง เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราจะตอบโจทย์และเปิดทางตลาดนานาชาติ เราต้องไปไกลกว่าสิ่งที่เป็นตลาดไทยสักนิดหนึ่ง ไปไกลกว่าเพื่อโชว์ศักยภาพว่า สิ่งที่คนไทยสร้างได้ ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เป็นคุณภาพในระดับนานาชาติ เพราะว่าผู้ซื้อคอนเทนต์ตลาดนานาชาติคือคนนานาชาติ เขาเห็นคอนเทนต์ฮอลีวู้ด เขาเห็นคอนเทนต์อังกฤษ เขาเห็นคอนเทนต์ไต้หวันญี่ปุ่นเกาหลี แล้วเขาก็ได้เห็นของๆ คนไทยที่เรานำเสนอ แต่ถ้าของๆ เราดูสเมือนของล้าสมัย หรือของที่ไม่ทันเทรนด์ มุมมองของผู้ซื้อก็จะมีความทรงจำว่าของๆ คนไทยไม่ได้มีคุณภาพในระดับนานาชาติ มันเป็นการเปิดตลาดว่าเราต้องไปจุดไหนถึงจะสร้างช่องทางออกในอุตสาหกรรมของเราที่คนต่างชาติหรือตลาดต่างชาติจะยอมรับ เพราะว่าเขาซื้อคอนเทนต์ของเราเอาไปเผยแพร่ให้คนที่ประเทศของเขาดู มันมีความเสี่ยงสูง แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องการสติและความมั่นใจในสิ่งที่ต้องทำ และความอดทนที่ว่าสิ่งที่สร้างสรรไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่าย"

 

 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 


    แปลว่าทรูไม่ได้มองตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก มองตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
    “ใช่ครับ เพราะว่าเราต้องการหาเม็ดเงินเพิ่มเติม เกินอุสาหกรรมสื่อในประเทศไทยจะมี เพื่อพัฒนา ถ้าเกิดเราไม่เล่าเรื่องด้วยวิธีการนี้ และถ้าเกิดเราโดนตีความด้วยวิธีชี้วัดด้วยนาทีนี้วันนี้เท่านั้นไม่ได้มองไปที่อนาคต คิดดูซิว่าอนาคตของวงการเราจะไปทางไหนได้ อย่างเรื่อง มายเกิร์ล ตลาดต่างประเทศที่เรานำไปฉายกระแสตอบรับ รวมถึงเรตติ้งดีกว่าประเทศไทย อย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้ว่า 160 ล้านคนในประเทศจีน พลเมืองจีนราวๆ พันกว่าล้านคน ก็แปลว่ามีคนชมเยอะ ในอดีตเราได้สร้างพริ้นเซสอาวส์ หรือฟูลเฮ้าส์ ที่จริงๆ แล้วเป็นการเปิดทางในการส่งออก ตอนพริ้นเซสอาวส์ก็ถ่ายทอดพร้อมกันที่ประเทศจีน คราวนี้ผลงานต่อไปก็คือจากประเทศจีนไปสู่ประเทศอื่นๆ มันเป็นการสร้างเครดิตให้กับผู้ผลิตในประเทศไทย จะผู้ถึง ฮาโล (ผู้จัด) หรือทรู ผู้สนับสนุนหรือใครก็ตาม จากการขายของเป็นการเผยแพร่พร้อมกันในประเทศและต่างประเทศ ผมเชื่อว่าผู้ผลิตในประเทศไทยเห็นตัวอย่างนี้ ผมได้ยินข่าวว่ามีโปรเจ็คอื่นๆ ของผู้ผลิตอื่นๆว่า ฉันอยากจะเผยแพร่พร้อมกัน 12 ประเทศ อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเรากำลังบุกไปทางนั้น และพาอุตสาหกรรมของเราไปข้างหน้า”   
    แต่ว่าถ้าในตลาดต่างประเทศโอเคเรื่องเรตติ้งในเมืองไทยก็ไม่มีผลใช่ไหม
    “เราพยายามไปในแนวทางของตลาดอินเตอร์ซึ่งเราจะไปในแนวทางนี้ต่อไปเรามีซีรีย์ที่ยังไม่ได้ฉายชื่อว่า Oh My Ghost ซึ่งเรื่องนี้เราขายล่วงหน้าให้กับทาง netflix ไปแล้ว มันเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยนี้ใช่ไหมที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน1 คือส่วนที่ดูจอทีวีและส่วนที่ 2 คือส่วนที่ดูย้อนหลังเพราะฉะนั้นหลังจากใช้บนทีวีปุ๊บอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นก็จะได้ดูผ่าน netflix ซึ่งก็เป็นวิธีใหม่เป็นการทดสอบหลายๆรูปแบบเราก็พยายามหาช่องทางในการเผยแพร่ที่ใช่ netflix คืออีกแนวทางหนึ่งที่เราจะทดสอบ”
    แต่ว่าเรื่องเรตติ้งที่มันน้อยมากในประเทศไทยไม่มีผลต่อการยึดที่จะเดินแนวทางนี้
    "คือ...ผมคงต้องพูดถึง Global Trend หรือ แนวโน้มและทิศทางการ เปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ซึ่ง Global Trend ที่สำคัญในวงการของเราก็คือ 2 เทรนด์ เทรนแรกก็คือ Event Content ของอเมริกา เดี๋ยวนี้รายได้ของฮอลิวู้ด ส่วนมาก 65 เปอร์เซ็นต์มาจากนอกอเมริกาเพราะฉะนั้นตลาดต่างประเทศจึงเป็นตลาดที่เติบโตเพราะว่าช่องทางต่างๆมันหลากหลายและมีแต่ละสิ่งแต่ละอย่างเกิดขึ้นในยุคของดิจิตอลและมีผลตอบแพลตฟอร์มในการเผยแพร่ทั่วโลกทันที ตลาด Content ในยุค Digital ก็เลยจะเป็นจะเป็น platform ในระดับนานาชาติและเป็นวิธีการที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างและมากที่สุด"

 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

'ทรู' ยันไร้ผล 'มายเกิร์ล' ได้เรตติ้งแค่ 0.0 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ