(คลิป) อย่าเรียกว่าดราม่า!! 'ชมพู่' ถูกแซะ'รักลูกไม่เท่ากัน'

 

    เพิ่งเดินทางกลับมาจากเดินพรมแดงในเทศกาลหนังเวนิส อิตาลี พร้อมสามี "น็อต" วิศรุต และการไปครั้งนี้ยังเป็นการไปฉลองวันเกิดลูกแฝด “สายฟ้า-พายุ” ครบ 1 ขวบ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. อีกด้วย งานนี้พอมีโอกาสเจอ "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่มาร่วมงานเปิดตัวบัตรเครดิต “Citi Premier” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่  จึงถามถึงเรื่องนี้ เพิ่งกลับมาจากอิตาลีเป็นอย่างไรบ้าง
 

    “ก็ดีค่ะ ก็สนุกดี ก็ทำงานด้วย แล้วก็เที่ยวด้วย คือเราอยู่ต่อ เพราะจริงๆตารางงานมันใกล้วันเกิดลูกพอดี เลยคุยกันในบ้านว่าเอาเขาไปด้วยเลย เสร็จงานแล้วก็จะได้ฉลองวันเกิดด้วยกัน ซึ่งานนี้พี่น็อตเหมือนต้องไปทำงานด้วย นิดหนึ่ง เวลาดูลูกๆ เราก็มีทีม เราขนพี่เลี้ยงไปเต็มที่ค่ะ คือจริงๆ ทุกคนที่เราไปกันในทีม ไม่ว่าจะเป็นหวานเจี๊ยบ ช่างหน้าช่างผม พี่ป้อม อ.เอก คือสนิทกันกับครอบครัวเราอยู่แล้ว ไปไหนกันมาทั่วโลกแล้ว ก็ช่วยเลี้ยงได้หมดทุกคน ช่วยกันจับ คนหนึ่งทานข้าว คนหนึ่งจับน้อง ช่วยๆ กัน คนช่วยเลี้ยงเยอะ”
    บรรยากาศฉลองวันเกิดเป็นอย่างไรบ้าง
    “ไม่มีอะไรเลย เพราะเด็กๆ ยังไม่รู้เรื่องว่าวันเกิดคืออะไร เป่าเค้กทำไม จริงๆ เราคิดว่าเราอยากให้เขากลับมาดูแล้วเป็นความทรงจำที่ดีของเขา ตอนนี้เขายังไม่รู้หรอก แต่คิดว่าปีหน้าน่าจะแย่งกันเป่าแล้วแหละ”

 

 

    ครบ 1 ขวบแล้ว พัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง?
    “ตอนนี้คือต้องไล่จับ สายฟ้าจะวิ่งแล้ว เดินยังไม่แข็ง แต่ว่าเขาวิ่งแล้ว แล้วพายุก็เริ่มเดินแล้ว คืออย่างตอนแรกก็ยังวางพายุไว้ได้ สายฟ้าก็ไล่จับเอา แบบว่าตอนนี้คือมันคลาดสายตาไม่ได้จริงๆ ขนาดว่าพี่เลี้ยง 2 คน ก็ไม่พอ เพราะว่าต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตามากๆ ก็เป็นงานที่เหนื่อย(หัวเราะ)  แต่พยายามไม่ไปบล็อกเขามาก อยากให้เขามีอิสระ สังเกตเวลาที่ถ้าเราปล่อยเขาเดินในพื้นที่เป็นพรม หรือเป็นหญ้าที่เราไม่ต้องไปบล็อกเขา เขาจะมีความสุขมาก สุขจนกรี๊ด ดีใจว่าไม่มีคนมาห้าม อยากให้เขาเต็มที่ ก็มีส่วนให้พัฒนาการเขาไปเร็วด้วย แต่ว่าในขณะเดียวกันก็ต้องดู มันต้องมีความพอดี”
    เหมือนเราเลี้ยงปล่อยกับธรรมชาติ?
    “ปล่อยประมาณหนึ่ง บางทีก็ดูไม่คลาดสายตาแล้วนะ แต่ว่าเด็กมันก็จะมีจังหวะ อย่างบางทีก็ว่านั่งดูแล้วนะ อยู่ๆ เอาหัวโขกพื้น ก็นะเด็กอ่ะ”
 

 

    ล่าสุดไปออกรายการแล้วบ่นว่า เบื่อที่คนชอบถามเวลาอุ้มลูกคนนี้ แล้วอีกคนไปไหน แล้วที่บอกว่าอุ้มคนนี้มากกว่าเพราะรักมากกว่า?    
    “คือเขาถามว่าตอนนี้อะไรน่าเบื่อที่สุด ก็เป็นสิ่งแรกที่มันแว้บเข้ามาในหัวเลย เพราะว่าเพิ่งเจอมา ถามว่ามันเป็นดราม่าไหม ไม่อยากจะให้ถึงกับเรียกว่าเป็นดราม่านะคะ เพราะมันเป็นแค่คอมเมนต์ถูกไหม เราอย่าไปเรียกมันว่าดราม่าเลย ชมเชื่อว่าหัวอกคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ พอมาเป็นเองก็จะรู้ว่าบางทีคนจะมาแสดงความคิดเห็นว่า ทำไมเราไม่เลี้ยงแบบนั้น ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ คือชมว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วเข้าใจทุกคน ส่วนมากคนที่มาเมนต์น่าจะยังไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยงเองจริงๆ และเขาจะไม่รู้ว่าเลี้ยงเด็กมันไม่มีสูตรตายตัวนะ และมันมีข้อจำกัดในบริบทอะไรหลายๆ อย่าง ที่สำคัญสิ่งที่เราเห็นในโซเชียลกันก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตเรา”
    เจอคอมเมนต์แนวนี้บ่อยไหม
    “หลังๆ ก็มีน้อยลงแล้วนะหลังจากที่พูดในรายการไป (หัวเราะ) คือบางคนที่เขาไม่ได้อะไรกับเรา เขาก็ออกมาพูดว่า เออใช่ เห็นด้วยกับเรา คือเราไม่รู้หรอกว่าข้างหลังมันคืออะไร คือเราจะเอามาให้มันเป็นผลต่อการที่เราจะตัดสินใจจะเลี้ยงลูกยังไงมันไม่ได้ เพราะเขาคือลูกเรา สุดท้ายแล้วเขาคือลูกเรา เราคือคนที่ตัดสินใจว่าเราจะเลี้ยงยังไง เพราะฉะนั้นชมว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนแหละต้องมีโดนบ้าง ไม่ใช่จากประชาชนทั่วไป แต่บางทีเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนนู้นคนนี้ เพื่อนของเพื่อน คนข้างบ้าน หรือคนในหมู่บ้าน ทำไมบ้านนี้เลี้ยงลูกแบบนี้ มันมีเป็นเรื่องปกติ ต่อให้คุณไม่ได้เป็นดารา คุณก็ต้องเคยเจอ ถึงบอกว่าถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้วจะเข้าใจ มันทางใครทางมัน บ้านใครบ้านมัน”