บันเทิง

ครอบครัวตั้งโต๊ะแถลง 'เสก โลโซ' เป็นไบโพล่าห์ขั้นรุนแรง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมียเก่า-เมียใหม่ พร้อมลูกชาย "เสก โลโซ" เปิดใจหลังจับมือกันพาร็อคสตาร์ส่งโรงพยาบาลหลังเป็นไบโพล่าห์ขั้นวิกฤต

          จากก่อนหน้านี้ที่ร็อคสตาร์ชื่อดัง “เสก โลโซ” หรือ นายเสกสรร ศุขพิมาย ได้ทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวติดกันเป็นเวลากว่า 7 วัน พร้อมอาการผิดปกติ ทั้งร้องไห้ ทั้งหวาดระแวง เกรียวกราด จนล่าสุด นาง วิภากร หรือ กานต์ อดีตภรรยาพร้อมลูกชายคนโต นายเสฏกานต์ ศุขพิมาย หรือ เสือ ได้วางแผนร่วมกับ น.ส.อภิสร์ญา หรือ อีฟ ภรรยาใหม่ของนายเสกสรร เพื่อนำตัวร็อกเกอร์ชื่อดังส่งรพ. ซึ่งทั้งสองคนได้เปิดใจหลังบันทึกรายการ “คุยแซ่บShow” ณ ชั้น 3 GMM Studio กับกองทัพสื่อมวลชนที่มาร่วมรอทำข่าวดังนี้

 

          ครอบครัวตั้งโต๊ะแถลง 'เสก โลโซ' เป็นไบโพล่าห์ขั้นรุนแรง

         อยากให้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ตัดสินใจพาพี่เสกไปโรงพยาบาล ?

กานต์ : “คือเริ่มจากที่พวกแฟนคลับมาบอกว่าพี่เสกอาการหนักแล้ว ตอนแรกเราไม่รู้เพราะไม่ได้ไปส่อง พอประมาณ 2-3 วันผ่านไป เราเลยเข้าไปดู จึงเห็นว่าอาการหนักจริง อีฟเขาก็ทักไปทางคนรู้จักอีกคนหนึ่ง และก็ทักไปทางบี บีก็เลยมาผสานกับทางนี้ พี่ก็บอกน้องเสือ เลยได้ร่วมวางแผนการที่จะพาไปรักษา”

        อาการหนักขนาดไหน อีฟถึงตัดสินใจติดต่อคนข้างนอก ?

อีฟ : “ก็ตั้งแต่ที่เขาเริ่มไลฟ์ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ค่ะ เราก็อยู่ด้วยตลอดเวลา เบื้องต้นเราทราบอยู่แล้วว่าเขาเป็นโรคไบโพลาร์แต่ไม่ได้หนัก พีคสุดก็ตอนที่เขาไลฟ์นี่แหละค่ะ ตอนแรกก่อนหน้านี้ไม่มีนะคะอาการร้องไห้ เห็นน่ากลัวก็ตอนที่เขาร้อวไห้ผ่านไลฟ์นี่แหละค่ะ อีฟก็ไปตามเก็บมีดและของมีคมในบ้านให้หมด คือจริงๆ อีฟกลัวเขาจะทำร้ายตัวเองมากกว่า”

ครอบครัวตั้งโต๊ะแถลง 'เสก โลโซ' เป็นไบโพล่าห์ขั้นรุนแรง

        ช่วงที่เขาไลฟ์ติดต่อกันหลายวัน เราเคยมีเบรกๆ ให้เขาหยุดพักบ้างไหม ?

อีฟ : “พูดค่ะ แต่เขาบอกว่ามีแฟนคลับเรียกร้องให้เขาไลฟ์ (หัวเราะ) บางทีในเครื่องเขาจะมีเครื่องรับบริจาคก็จะมีคนแอดมาได้ตลอด จะทักมาถามว่าพี่เสกตื่นหรือยัง ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งนอนไปได้ตอนเที่ยงคืน อีฟก็จะไปแอบลบ แอบบล็อคไปเลยคนนั้น”

         เห็นบอกว่าเก็บมีดด้วย ?

อีฟ : “ค่ะ เก็บวันที่เขาไลฟ์แล้วร้องไห้ตอนเช้า กลัวเขาทำร้ายตัวเอง สาเหตุที่เขาร้องไห้ไม่ได้เสียใจอะไร แต่เป็นช่วงอารมณ์ที่เขาเปิดเพลงเศร้าๆ ฟังแล้วก็ร้องไห้ออกมา”

         อาการของเสกเป็นมานานแค่ไหนแล้ว เท่าที่เราเห็นและคิดว่าไม่ไหวแล้ว ?

อีฟ : “เป็นช่วงที่เขาว่างนี่แหละค่ะ ช่วงที่ไม่ได้ไปออกคอนเสิร์ต ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาคือช่วงที่พีคสุด แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้หนักขนาดนี้เลยค่ะ น่าจะเป็นอาการปกติของคนที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีอะไรที่รุนแรง”

         ตอนนั้นสิ่งที่เรากลัวที่สุดคืออะไร ?

อีฟ : “กลัวเขาทำร้ายตัวเองมากกว่า”

         ก่อนที่เขาจะมาเริ่มไลฟ์ เขาได้มีปฏิกิริยาอาการอะไรมาก่อนไหม ?

อีฟ : “ไม่มีนะคะ อยากไลฟ์ก็ไลฟ์เลย”

         เขาเคยพูดไหมว่าอยากตาย หรืออยากทำร้ายร่างกายตัวเอง ?

อีฟ : “ไม่เคยพูดนะคะ”

         เราอยู่กับเขาในบ้าน 24 ชั่วโมง แอบกลัวไหม เพราะเขาไม่สบายอาจทำอะไรโดยไม่รู้ตัว ?

อีฟ : “ก็มีบ้างนะคะ คืออีฟจะมีกลุ่มที่คอยศึกษาข้อมูลอยู่ว่าต้องทำยังไง เป็นยังไงสำหรับคนที่เป็นโรคนี้ แต่ที่อีฟกลัวที่สุดก็ตอนที่เขาร้องไห้ค่ะ คือคนในกลุ่มก็จะทักมาว่า เขาร้องไห้แล้วนะ อาการต้องพาไปรักษาด่วน”

         ในบ้านหลังนั้นคือเราอยู่กับเสกแค่ 2 คนใช่ไหม ?

อีฟ : “ใช่ค่ะ”

       เขามียากินไหม เช่น ยานอนหลับ หรือยาคลายเครียด ?

         อีฟ : “ไม่มีค่ะ ไม่ได้กินยาอะไรเลย คือเขาเคยไปหาหมอครั้งสุดท้ายก็เมื่อปีที่แล้ว และหมอบอกว่าเขาใกล้จะหายแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเลย ไม่ได้กินยาเลย”

         ย้อนไปถึงวันที่จะนำตัวเสกมาโรงพยาบาล ทราบว่ามีอุปสรรคหลายๆอย่าง เล่าให้ฟังหน่อยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สำเร็จได้ด้วยวิธีไหน

อีฟ : เริ่มแรกเลยก็มีปัญหาที่ยามค่ะ เขาไม่ให้เข้าบ้าน เพราะพี่เสกสั่งไว้ คือปัญหามันมีทุกด้านเลย ทั้งยาม ทั้งนิติ และคนที่จะต้องเขาไปจับเขา”

เสือ : “แผนการแรกเลยนะครับ คือว่าเราอยากจะวางยาให่เขาหลับ ยาที่ต้องว่าก็เป็นยาน้ำผสมน้ำ แต่ว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เขาก็ไม่มียาน้ำ มีแต่ยาเม็ด ต้องบดเอา มันก็ไม่เวิร์ค เป็นยานอนหลับคนกินธรรมดา มันก็ออกฤทธิ์ไม่แรงเท่ายาสลบ ก็เลยลองสั่งยาสลบมา(หัวเราะ) สั่งมาจากเว็บอะไรไม่รู้ มันก็ไม่เวิร์ค เขาดื่มไปก็ยังตื่นมาไลฟ์ หลับไปแต่ครึ่งชั่วโมง”

อีฟ : “ไม่ๆ ยาสลบเขาไม่ได้กินนะ”

กานต์ : “อ้าว...ไม่ได้เอาวางเหรอ ยาน้ำที่พี่บอกว่ามันเป็นยานอนหลับ แต่มันเป็นยาสลบไม่ได้กินเหรอ”

อีฟ : “ไม่ได้กิน”

กานต์ : “อ้าว...แล้วทำไมไม่ใส่ล่ะ (หัวเราะ)”

อีฟ : “ก็คือไม่ได้กิน เพราะว่าอีฟไม่กล้าทำ”

         สรุปที่มันไม่ได้ผลเพราะว่าไม่ได้กินใช่ไหม

อีฟ : “ใช่”

ทุกคน : “(หัวเราะ)”

อีฟ : “คือแบบนั้นอีฟไม่กล้าทำ ถ้าจะทำแบบนั้นให้มาจับเขาไปตอนที่เขามีสติดีกว่า เพราะว่าถ้าวางยาสลบกลัวเขาเป็นอันตราย”

กานต์ : “กลัวตายใช่ไหม(หัวเราะ)”

อีฟ : “ใช่ กลัวเป็นอันตรายกับเขา(หัวเราะ)

เสือ : “อันนั้นคือแผนการแรกนะครับ วันนั้นคือวันที่ 16 เราไปรอหน้าบ้าน รอตามแผนการนี้ แต่ว่าก็อีฟไม่ได้วางยา(หัวเราะ) มันก็เลยไม่ได้ แล้วยามก็ไม่ให้เข้า ”

กานต์ : “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าไม่ได้วางยา (หัวเราะ) หลอกเรา”

เสือ : “ก็ผ่านไปอีก 2 วัน คือวันที่ 18 เราก็คุยกับนิติ คุยกับหัวหน้ารปภ.เขาก็ให้เข้า แต่เราเข้าไปคืนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม เขาก็ยังไม่ให้เข้า เราก็เลยต้องเปลี่ยนแผนตอนนั้นเลย ก็คือให้รถตู้บอกว่าเป็นมูลนิธิมารับบริจาคของ ยามก็โทรไปหาพ่อทางไลน์ เขาก็ให้เข้า พอเข้าไป ก็เป็นทางพี่อีฟจัดการ ภาพที่หลอกถ่ายรูปที่มี 3 คนอยู่ข้างๆที่พ่อนั่งอยู่ นั้นก็คือ 3 คนที่เข้าไปเอาตัวพ่อ ล๊อกเข้ามาในรถได้ครับ”

         เหตุการณ์ในบ้านตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

อีฟ : “ตอนแรกเขาก็ตกใจค่ะ เพราะว่าเข้าไปถึงในบ้าน เขาเข้าใจว่าเป็นมูลนิธิ”

เข้าไปกี่คน

อีฟ : “3 คนค่ะ”

         ตอนนั้นเสกไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเป็นแผนการของพวกเราที่จะพาตัวเขาไปโรงพยาบาล ไปรักษา ก่อนที่จะฝช้แผนนี้ เรามีการบอกเขาไหมว่าอยากให้เขาไปหาหมอ ไปรักษา

อีฟ : “เรารู้อยู่แล้วค่ะ ว่าเขาไม่ไป”

กานต์ : “บอกไม่ได้หรอกค่ะ บอกไม่ได้ บอกเขาก็ไม่ทำ จะด่าด้วย(หัวเราะ)”

         เห็นบอกว่าเสกขัดขืนด้วย ขัดขืนแบบไหน

อีฟ : “ก็ขัดขืนเฉยๆค่ะ แต่พอสู้ไม่ได้เขาก็ต้องยอม (เขาโกรธอีฟไหม?) ตอนนี้ยังไม่รู้เลยค่ะ (หัวเราะ)”

ตอนนี้เสกก็ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าทุกคนวางแผนการกันอีฟ : “ยังค่ะ”

         ได้ไปเจอเสกหลังจากพาไปโรงพยาบาลหรือยัง

เสือ : “ยัง”

อีฟ : “ยัง”

กานต์ : “กำลังจะไปเย็นนี้แหละ”

         หลังจากนี้มีแผนการในการดูแลเขาต่อไปหรือยัง

กานต์ : “ยังไม่มีแผนอะไร ก็ต้องปรึกษาหมอก่อนค่ะ ว่าหมอจะแนะนำให้ทำอะไรบ้าง เพราะว่าตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมองเราว่าหวังดีหรือหวังร้าย อันนี้มันก็เสี่ยงๆอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเขาหาย เขาก็น่าจะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ ที่เราทำ”

         หมอบอกว่าเสกเป็นอะไรบ้าง

กานต์ : “ตอนนี้เพิ่งเขาไปวันนี้วันที่ 3 เองค่ะ ก็ยังไม่มีอะไร เขาก็ไม่ได้ดื้ออะไร”

         หมอบอกไหมว่าเป็นไบโพลาร์ระดับไหน

เสือ : “ระดับแย่เลยครับ คือไบโพลาร์มันมี 3 ระดับนี้ครับ เขาอยู่ระดับที่ 3 แต่มันไม่ใช่ระดับที่เป็นโรคจิตอยากจะทำร้ายตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย มันยังไม่ถึง แต่ว่าหมอบอกว่าถ้าไม่รักษามัยจะเป็นถึงโรคจิตได้”

กานต์ : “มันเป็นโรคอารมณ์ ไบโพลาร์เป็รโรคอารมณ์ไม่ใช่โรคจิต”

         ถ้ารักษาก็จะหายได้ใช่ไหม

เสือ : “ใช่ครับ”

         3 วันที่เข้าโรงพยาบาล เขาดีขึ้นแค่ไหน

กานต์ : “ยังหรอกค่ะ เพราะว่าก็ควต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ เพราะว่าหมอที่นี่เขาจะดูก่อนว่าผู้ป่วยอาการไหน ค่อยๆป้อนยาทีละนิด ไม่ค่อยฮาร์ดคอ”

        ตอนนี้คือยังไม่ได้เจอเสกเลยใช่ไหม ตั้งแต่เขาเข้าโรงพยาบาล

กานต์ : “ไม่ค่ะ เราอยากให้เขาได้อยู่กับตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าเราต้องโผล่ไปตลอด”

อีฟ : “ให้เขาได้พัก” 

        เห็นพี่กานต์บอกว่าเสกจะออกโรงพยาบาลวันนี้?

กานต์ : “บ้า พี่บอกว่าวันนี้จะไปเยี่ยม เดี๋ยวจะไปหลังจากนี้”

       มีไลฟ์เสกตรวจฉี่โชว์ว่าไม่ได้ยุ่งกับยาเสพย์ติด จริงๆแล้วไม่มีใช่ไหม?

กานต์ : “ไม่มีค่ะ โทรเช็คกับ รพ.แล้วไม่มีสารเสพย์ติด ก็แสดงว่าเขาเป็นไบโพลาร์จริงๆ”

        หมอบอกแนวทางการรักษาไหม?

กานต์ : “หมอบอกต้องค่อยๆ ดู หมอยังบอกไม่ได้เพราะมันอยู่ที่ผู้ป่วย แต่หมอบอกให้เชื่อใจหมอ หมอไม่กล้าคอนเฟิร์มอะไร”

        พวกเราเตรียมตัวรับมือยังไง เพราะเขายังไม่รู้ว่าพวกเราวางแผนพาเขาไป รพ.?

กานต์ : “ก็กลัวว่าเขาจะคิดไปยังไง เพราะเราหวังดีจริงๆที่ทำแบบนั้น ตอนแรกเราก็ไม่ได้อยากช่วยเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา แต่แฟนคลับที่หวังดีกับเขาขอให้ช่วย เพราะมันหนักเกินไป กลังเกิดอันตรายเพราะที่เขาเป็นมันขั้นสักท้ายแล้ว เราก็เลยช่วย เราบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้ต้องการอะไร แต่ถ้าเขาคิดว่าเราเป็นคนไม่ดี ก็คงไม่เอาแล้ว ก็จบกันไป ถ้ามาด่าเราก็จะด่ากลับ”

       เดี๋ยวเสือต้องบินกลับไปต่างประเทศ เราจะสื่อสารกับพ่อยังไง?

เสือ : “ก็ต้องติดตามจากหมอ และคุณแม่ ตอนนี้ผมเป็นเจ้าของไข้ ก็ต้องรู้ทุกอย่าง แต่เรื่องเอกสารผมมอบอำนาจให้คุณแม่ชั่วคราวได้”

       อีฟต้องเตรียมดูแลเขายังไงบ้าง?

         อีฟ : “หมอคงแนะนำเพราะเราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ก็จะดูแลเขาต่อไป”

กานต์ : “โรคนี้ต้องมีการเรียนรู้ว่าจะต้องดูแลผู้ป่วยยังไง ถ้าคนดูแลทำไม่เป็น เวลาอยู่กับเขาก็จะบ้าก่อน (หัวเราะ) เพราะอยู่กับเขามันเครียดมาก เรายังคิดเลยว่าอีฟอยู่ได้ยังไง กานต์อยู่กับเสกมาก่อนเป็นสิบปี เครียดมาก”

       ช่วงก่อนหน้านี้มีงานติดต่อเสกมาไหม?

อีฟ : ”มีนะคะ แต่ด้วยเขาเป็นโรคนี้ มีอาการหวาดระแวงเลยไม่ได้รับงานมาตั้งแต่เดือน มี.ค.”

        อีฟเคยคิดอยากจะหนีจากเสกไหม?

อีฟ : ”ก็มีนะคะ แต่สุดท้ายก็กลับไปเพราะเขาอยู่คนเดียว ห่วงเขา ถ้าทิ้งเขาออกมาเราก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่”

        เรารับมือกับเขายังไงเวลาเขามีอาการ?

อีฟ : “ก็ปล่อยเขา แต่เราก็ดูอยู่ห่าง ๆ เราเองก็ยอมรับว่าเครียด ไม่ได้คุยกับใครเลย ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะบางทีเราคุยโทรศัพท์กับใครเขาก็ระแวง”

        เขาหลอนไหม?

อีฟ : ”ก็มีตามอาการของโรคนี้เลย เช่นสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆที่เขาชอบพูด”

กานต์ : “เขาเป็นไบโพลาร์ขั้นสุดท้ายแล้ว คือขั้นหลอน ระแวง ถ้าไม่รักษา หมอบอกว่าก็คงจบ”

       เห็นว่ารุนแรงถึงขั้นฆ่าตัวตายได้?

เสือ : “มันคงยังไม่ถึงตอนนี้ แต่มันก็เป็นไปได้ เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาจะคิดอะไร”

      คุณหมอบอว่าต้องใช้เวลาอยู่รพ.นานแค่ไหน

         เสือ : “เขาไม่ได้บอก แต่ว่าเขาคงอยู่ไม่นานมาก เพราะว่าอันนี้เขาเป็นไบโพล่าห์ ถ้าเขาตั้งใจรักษา ตั้งใจกินยา เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องอยู่นาน แต่ว่าจะอยู่นานแค่ไหน อยู่กี่วันกี่เดือน”

        ตัวเสกรู้ไหมว่าเขาเป็นไบโพล่าห์

“เขารู้ แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นหนักหรือเปล่า คนเป็นไบโพล่าห์ชอบคิดว่าตัวเองสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร แต่ความจริงแล้วไบโพล่าห์ที่เขาเป็นตอนนี้มันหนัก คือมันหนักจริงๆ เรื่องนี้หมอคอนเฟิร์มได้”

กานต์ : "เขาเป็นไบโพล่าห์ที่อยู่ในขั้นที่รู้สึกว่าสนุกสนานอยู่ไง เขาคิดว่าตอนนี้เขาสนุก เขาก็เลยไม่อยากจะหาย เขารู้ว่าเขาเป็นไบโพล่าห์ เขาสนุกมีคนมาดูไลฟ์เขาเป็นหมื่นไง (อีฟเสริมขึ้น "ใช่คนมาดูไลฟ์เขาเยอะ)"

        ในเรื่องของการทำธุรกรรมการเงิน เขาส่งเสียเลี้ยงดูได้ปกติไหม

กานต์ : “หายไปเลย หายมาหลายเดือนแล้ว คือเขาสามารถทำธุรกรรมได้ แต่ว่าอารมณ์เขาแปรปรวน คือบางทีอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ”

อีฟ : “อย่างบางทีเขาให้อีฟเอาเช็คมาเซ็นให้ พอเขียนให้เขา และเขาก็เซ็น แต่พออีกอารมณ์เขาก็ฉีกทิ้งอะไรอย่างนี้ อารมณ์เขาแปรปรวน”

กานต์ : “ก็คือแบบว่าในหนึ่งชั่วโมงสามารถมีได้ 3-4 อารมณ์ ในตอนที่พี่อยู่ตอนนั้น แต่เค้าหายได้สิคะ ถ้าเค้ากินยาและรักษาตัวสม่ำเสมอ แล้วก็พบแพทย์ตามนัด แต่ว่าโรคนี้ขอบอกว่าต้องพบแพทย์ตลอดชีวิตค่ะ ถ้าเค้าไม่กินยามันก็กลับมาอีก นี่เค้าก็เป็นมานานแล้วนะคะ ถ้าไม่กินยาอย่างต่อเนื่อง เราก็กลัวจะเป็นอีก”

        อธิบายให้ลูกอีก 2 คนฟัง เข้าใจยังไง?

กานต์ : “ไม่บอกค่ะ ก็บอกแต่น้องกวาง ลอนดอนเค้าไม่รู้ บอกน้องกวางว่าเป็นอย่างนี้นะ ไม่ต้องเครียดนะ เพราะว่าเค้ารับการรักษาแล้ว”

        เวลาพี่เสกเค้าอารมณ์ขึ้นลง เค้าเคยจะทำร้ายอีฟบ้างมั้ย?

อีฟ : “ยังไม่ถึงขั้นนั้นเลยค่ะ”

       ตัวเสือเอง ได้มีโอกาสสื่อสารกับน้องอีก 2 คนมั้ย น้องกวางเขาจะโตหน่อย?

เสือ : “เรื่องนี้เหรอครับ ไม่ครับ เลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้ครับ”

        เดี๋ยวเสือจะไม่อยู่ เป็นห่วงคุณพ่อมั้ย เพราะเราอยู่ไกล และเป็นเจ้าของคนไข้?

เสือ : “ก็เป็นห่วงครับ แต่ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว เพราะคุณหมอเค้าดูแลอยู่”

       กระทบผลการเรียนและการดำรงชีวิตเรามั้ย?

เสือ : “ไม่หรอกครับ คือผมมีเรื่องพ่อเรื่องแม่มานานหลายปีมากแล้วครับ มันไม่เคยมากระทบผลงาน การเรียนของเสือเลย เพราะว่าเสือจะชอบผลักเรื่องนี้ออกไปก่อน แล้วให้แม่เค้าจัดการ แต่ตอนนี้ใกล้เรียนจบแล้วครับ เหลืออีก 1 ปี ถ้าเรื่องนี้มาอีก ผมก็ต้องดูแลมาขึ้น ก็จะมาดูแลครอบครัวเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างเต็มตัวครับ คือผมตั้งใจที่จะเรียนเสร็จมาช่วยคุณแม่ทำงาน หาเงินส่งน้องเรียนครับ”

 

ครอบครัวตั้งโต๊ะแถลง 'เสก โลโซ' เป็นไบโพล่าห์ขั้นรุนแรง

 

 

       สถานะทางการเงินของ เสก ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ไม่ส่งเงินมานานแล้วใช่มั้ย?

กานต์ : “กานต์คิดว่ากานต์ไม่รู้อีฟจะยังไง แต่คิดว่าการที่เค้าไม่ได้รับคอนเสิร์ตมานานขนาดนี้เกือบปี ก็กระทบบ้าง ซึ่งมีผลกับเรามาก เพราะเราต้องทำงานหนัก และเหนื่อยขึ้นในการที่จะส่งลูก 3 คนเรียน ถ้าเกิดพี่เสกมีวินัยในการส่งเสียลูก มันก็จะไม่เหนื่อยสำหรับเรา แต่อันนี้มันเหมือนจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่า”

        แต่เราเข้าใจใช่มั้ย?

กานต์ : “ตอนนี้เข้าใจแต่ถ้าออกมานะยังไม่จ่าย โดนแน่(หัวเราะ)”

       ตอนนี้สถานะการเงินของพี่เสก เป็นยังไงบ้าง?

อีฟ : “ก็คือมีรายจ่าย ไม่มีรายรับ เพราะไม่ได้รับงานเลย”

       แต่ยังคือไปได้ ใช้ชีวิตได้?

อีฟ : “ก็ไม่เห็นจะติดขัดอะไรนะคะ(ยิ้ม) ส่งนธุรกิจตอนนี้หยุดชะงักไว้ก่อนค่ะ เพราะมีปัญหาเรื่องพนักงาน ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลยค่ะ คือตอนนี้ไม่มีเงินเข้ามาเลย”

เสือ ปัญหาครอบครัวเรารับทราบมาเป็น 10 ปี เราน้อยใจมั้ยว่าทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้?

เสือ : “คือผมเกิดมาชีวิตนี้ เราก็ต้องรู้ว่าเราอยู่ธรรมดาไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องมาตลอด คือถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันมันเรื่องปกติใช่มั้ยครับ แต่ เสก โลโซ ทะเลาะ กานต์ มันก็เป็นเรื่องใหญ่ บางครั้งผมก็รำคาญนะครับ ว่าทำไมต้องทะเลาะเยอะขนาดนี้ ทำไมต้องซีเรียสอย่างนี้ แต่ว่าผมชินแล้ว เพราะอยู่มาทั้งชีวิตแล้ว ไม่ค่อยเครียด ไม่น้อยใจอะไร แต่ผมกังวลเรื่องน้องๆ มากกว่า เค้าอาจจะยังเด็กอยู่ ส่วนข่าวพ่อแม่ ก็ไม่ค่อยได้ตามครับ”

         อย่างที่ เสก พาดพิงถึงบุคคลที่สาม เราได้ติดต่อไปยังไง?

กานต์ : “อ๋อ เสือเค้าได้ขอโทษคุณพานทองแท้ และอากู๋ไปแล้ว”

เสือ : “ก็อยากจะฝากบอกคนที่คุณพ่อเค้าด้าไป คือเค้าป่วยจริง เค้าไม่ได้คิดในแง่ดี เค้าคิดว่าทุดคนเป็นศัตรู ก็เลยด่า เพราะอยากจะปกป้องตัวเองโดยการด่า แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเค้าป่วย แต่ผมไม่ได้คุยกับทุกคนที่เค้าด่า แต่ส่วนมากน่าจะเข้าใจครับ”

        ความสัมพันธ์ของเรากับคุณพ่อ คุยกันบ่อยมั้ย สนิทกันมั้ย?

เสือ : “คุยกันก็บ่อยพอสมควรครับ แต่ผมกับคุณพ่อไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ผมก็อยู่กับคุณแม่กับน้องๆ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ก็ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสเจอกัน ก็ไม่ได้สนิทกับเค้ามาก ตอนอยู่โน่นก็แค่ถามว่าเป็นยังไงบ้างแค่นั้นเอง ปกติคุยกันทางไลน์ ซึ่งเค้าก็คุยปกติ” 

ครอบครัวตั้งโต๊ะแถลง 'เสก โลโซ' เป็นไบโพล่าห์ขั้นรุนแรง

        คิดว่าใครจะช่วยให้พี่เสกเป็นปกติได้?

เสือ : “ก็น่าจะเป็นเสือ พี่อีฟด้วยครับ แล้วตอนนี้ก็เป็นคุณหมอครับ”

         ก่อนหน้านี้ เสก เขาพาดพิงถึง อีฟ เราเสียใจมั้ย?

อีฟ : “ก็ไม่นะคะ อีฟเข้าใจอยู่แล้วเค้าเป็นไบโพล่า อะไรที่เค้าพูดไม่ดี เราก็พยายามคิดว่าไม่ใช่ตัวตนเค้า เพราะตัวตนเค้าเป็นคนดี เป็นอีกแบบค่ะ”

         อีฟอยากจะบอกอะไรกับคนที่เข้าใจผิด?

อีฟ : “เหมือนตอนนี้คนน่าจะรู้แล้วค่ะ ที่พี่เสกเค้าพูดอย่างนั้น เพราะเค้าป่วย ตอนแรกก็มีโกรธบ้าง แต่สุดท้ายคือเข้าใจเค้าค่ะ”

         กลัวมั้ยว่า การที่เราออกมาพูดอย่างนี้ จะทำให้คนไม่กล้ามาจ้างงานพี่เสกอีก?

อีฟ : “แต่จริงๆ ก็มีคนติดต่องานมาเยอะเหมือนกันนะคะ คือตอนนี้ป่วยอาจจะยังไม่มีค่ะ แต่ถ้ารักษาหายก็จะกลับมาค่ะ”

กานต์ : “คือตอนนี้อย่างเพิ่งพูดถึงเรื่องงาน เรื่องเงินดีกว่า เพราะว่าให้เค้าหายดีก่อน เราค่อยรับงาน ค่อยเอาเงินจะดีกว่ามั้ย มากลัวว่าไม่มีรายรับ มันไม่ใช่ เรื่องเงิน พี่เอาแน่ แต่ว่ารอหายก่อน ไม่ใช่จะยกให้”

ครอบครัวตั้งโต๊ะแถลง 'เสก โลโซ' เป็นไบโพล่าห์ขั้นรุนแรง

         อยากพูดอะไรกับคนที่รับข่าวของเรากับพี่เสก เพราะมีเรื่องน่าตกใจตลอด?

กานต์ : “อันนี้เดี๋ยวฝากเค้า ถ้าหายดีแล้วให้มาดูแถลงข่าวด้วยนะ เพราะตัวเองไม่สบาย เป็นไบโพล่า ให้พบแพทย์บ่อยๆ หน่อย แล้วก็กินยาให้เป็นวินัย เพราะสิ่งที่กระทบจากโรคนี้ มันทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน แล้วถ้าเกิดคนที่เค้าไประราน เค้าเอาเรื่องขึ้นมา เอาเงินหมดตัว มีปัญญาจ่ายมั้ย อยากพูดถึงตัวเสก ให้คุมโรคนี้ให้ได้ แล้วไปดูย้อนหลังไลฟ์ของคุณ แล้วจะรู้ว่า คุณทำอะไรลงไป ตอนที่หายดี แล้วฝากขอโทษกับทุกคนว่า เค้าป่วยจริงๆ ไม่มีสารเสพติด เป็นโรคนี้ขั้นรุนแรง กำลังจะเป็นโรคจิตแล้ว มันอยู่ในขั้นหลอน ระแวง อารมณ์ ต้องให้โอกาสเค้า ถ้าเป็นแฟนคลับ แฟนเพลงที่เค้ารัก ก็ให้อภัยเขาด้วยค่ะ” 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ