"ธัญญ่า" ธัญเรศ เองตระกูล แจงไปเยี่ยม "เอ" อัญชลี และ "ดาร์ลิ่ง" อารดา อารยวุฒิ แล้ว เตรียมไปปิดกรรม "รวมหัวใจไปให้สุดที่แดนใต้" ที่เบตง
ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วงหลัง “เอ” อัญชลี หัสดีวิจิตร และ "ดาร์ลิ่ง"อารดา อารยวุฒิ ประสบอุบัติเหตุจักรยานล้มขณะร่วมกิจกรรม“รวมหัวใจไปให้สุดที่แดนใต้” ได้สอบถาม “ธัญญ่า” ธัญเรศ เองตระกูล ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย ได้ความว่า
"ก็ไปเยี่ยมเอ (อัญชลี หัสดีวิจิตร) กับดาร์ลิ่ง (อารดา อารยวุฒิ) มาแล้ว ตอนนี้หมอให้เอนอนนิ่งๆ จะต้องใช้เวลาประมาณ 10 วันให้กระดูกสมานและเดี๋ยวต้องดูอีกทีว่าจะต้องนอนโรงพยาบาลต่อหรือเปล่า ส่วนเหตุการณ์ในวันนั้นเราไม่ได้อยู่ด้วย คือเขามีการไลน์กันในกรุ๊ป ซึ่งเราก็ตกใจว่าเหตุการณ์รุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ เพราะเราไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะรุนแรงมาก ตอนแรกคิดว่าแค่จักรยานล้มธรรมดา สุดท้ายเราก็มารู้ว่าน้องดารลิ่งล้มก่อนแล้วเอมาทับดาร์ลิ่งอีกทีแล้วก็กระเด็น ก็เป็นห่วงทั้งคู่ แต่ว่าน้องดาร์ลิ่งเป็นแผลบริเวณหน้า แล้วก็มีการสแกนสมองเรียบร้อยแล้ว สรุปว่าตอนนี้ปลอดภัยไม่เป็นอะไร ส่วนเอนั้นกระดูกบอบบางนิดหนึ่ง (ให้กำลังใจเออย่างไรเพราะเขาตั้งใจปั่นให้จบโครงการ) ก็สงสารเพราะเห็นเขาร้องห่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬาและเป็นตัวยืน แตาเขาไม่สามารถทำได้ตามฝัน ทุกคนก็ให้กำลังใจว่าไม่เป็นไร เพราะยังมีโย มีรักปั่นคนอื่นที่ยังจะไปต่อจนสุด ไม่เป็นไรเดี๋ยวโครงการหน้าเดี๋ยวให้เอมาปั่นให้จบ" ธัญญ่า กล่าว
เมื่อถามถึงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ซึ่งทางธัญญ่ากล่าวแจงว่า "ทางทิพยประกันภัยจัดการ เพราะทางทิพยก็เมตตากับทั้งกลุ่ม คือให้ประกันภัยทุกคนอยู่แล้ว ส่วนมาตราการการป้องกันอุบัติเหตุนั้น จริงๆ เเรามีรถนำขบวน รถปิดท้ายขบวน มีรถตำรวจขนาบข้าง และมีแอมบูแลนซ์ (รถพยาบาล) ตามอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัย คือนักปั่นเขาก็ปั่นตามๆ กันอยู่ พอมีคนมาล้มตรงหน้าเอก็หลบไม่ทัน ก็เลยเกิดอุบัติเหตุ ถามว่าจะมีการจัดระบบความปลอดภัยหรือเปล่านั้น จริงๆ ตอนนี้ระบบความปลอดภัยทุกอย่างมันเต็มที่อยู่แล้ว เพียงแต่มันเกิด ณ จุดนั้น เราทำอะไรไม่ได้ ความปลอดภัยทุกอย่างยังเหมือนเดิม (ในคลิปมันปั่นใกล้กันมาก) ใช่ จริงๆ แล้วเวลาที่เราปั่นจะปั่นชิดกัน แต่จะห่างกันเมตรหนึ่ง เพื่อที่จะช่วยต้านลมกัน แล้วมันจะปั่นได้ง่ายขึ้น เพราะเวลาโดนลมต้านมันจะเหนื่อย แต่เขาจะให้คนที่เก่งๆนำหน้า แล้วเราตามหลังก็จะง่ายขึ้น อันนี้เป็นการปั่นของทุกที่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันเกิดอุบัติเหตุเราจะหลบทันหรือไม่ทันซึ่งมันยากที่จะทัน (เราต้องระวังตัวแค่ไหนถ้าจะปั่น) เอาจริงๆ แค่เราซ้อม เรายังได้แผลจากการล้มเลย แต่มันไม่ได้เกิดจากการปั่นนะ แต่เกิดจากการใส่ตัวคีท คือมันจะเป็นรองเท้าที่ติดกับจักรยานแล้วเราด้วยความสะเพร่าเราเองที่ลืม ก็เลยไม่ชินมันก็ทำให้เราล้มแบบโง่ๆ เลย" (หัวเราะ)
เมื่อถามต่อว่ามีแพลนจะไปปั่นด้วยเมื่อไหร่ ซึ่งธัญญ่ากล่าวว่า ตอนแรกแพลนจะเดินทางวันที่ 19 ส.ค. แต่จะปั่นหรือไม่ปั่นต้องดูอีกที เพราะว่าพอมันเกิดอุบัติเหตุแล้วเราก็กลัวเราเราไม่ใช่นักปั่นมืออาชีพเราจะทำให้เขามันข้า ต้องให้เขามากังวลเรา แต่เรื่องไปให้กำลังใจเราให้อยู่แล้ว แต่คิดว่าไม่น่าจะไปปั่นเพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุเราไม่อยากเป็นตัวถ่วง (จะเป็นช่วงจังหวัดไหน) จะไปจบที่เบตง ซึ่งช่วงนั้นเป็นสันเขา ซึ่งนักปั่นเขาชอบอยู่แล้วแต่อย่างเราไปไม่น่าจะไหว ซึ่งโครงการจะจบในวันที่ 20 ส.ค. ส่วนยอดบริจาคตอนนี้ยังได้ไม่มากเท่าไหร่ ล่าสุดที่ทราบอยู่ที่ 2 ล้าน 7 คือเราไม่มีตั้งเป้าว่ายอดจะต้องมากแค่ไหน แต่เราอยากให้ได้เงินสำหรับนำไปช่วย 3 ชายแดนใต้มากที่สุด เพื่อจะเอาเงินไปให้น้องๆ ให้ได้มากที่สุด
ส่วนฟิตแบคละครเรื่อง “ศึก 2 แสบ” ก็ดี คนก็เฝ้ารอดู พอได้ดูแล้วแขาก็บอกว่าสนุก บางคนอาจจะคิดว่าจะต้องตบตีกันหรือเปล่า คือมันเป็นดรากคอมเมดี้ เราต้องจิกกัดกันและบทยาวมาก เราอ่านบทไปยังขำกันเลย คือกัดกันได้ทุกประโยคและบทยาวมาก ก็กัดกันขำๆ ทุกประโยชน์ ฟิตแบคดีมาก (คนมองว่าเฟค) เราคิดว่ามันต้องมีกระแสอยู่แล้วล่ะ เพราะหลายคนคงไม่เชื่อว่าเรามาด้วยใจจริงๆ มันต้องมีเฟคกันบ้างแหละ ซึ่งเราก็อยากบอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราตัดสินใจมาทำแล้ว เราถามตัวเองถี่ถ้วนแล้วว่าเราโอเคจริงไหม เพราะไม่โอเคแล้วเราต้องเรามาทำร่วมกันทั้งโครงการ มันต้องฝืนความรู้สึกมากๆ แต่เราโอเคมากๆ และน้องก็โอเคมากๆ ก็มีการโทรคุย ไลน์คุยกัน อย่างตัวพิ้งกี้ก็อยู่ปั่นตั้งแต่วันแรก เขาไม่ใช่นักปั่นเขาเก่งมากๆ ถามว่าจะมีการต่อยอดเรื่องละครหรือเปล่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีนะ คือเราก็มีบอกพี่เป๊กว่า ศึก 2 แสบ สนุกนะทำไมไม่ทำเป็นซิทคอม ซึ่งเขาก็คิดอยู่ ต่อไปอาจจะมีให้เราได้ดูได้สานต่อแต่มันไม่ชัวร์ มันเป็นแค่ความคิดที่เราเสนอไป" ธัญญ่า กล่าวปิดท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง