'ดา เอ็นโดรฟิน' ลุกมาสลัดคราบร็อกเกอร์เป็นสาวมั่นสุดเซ็กซี่

    เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งรักหวานที่น่าอิจฉา สำหรับ "ดา เอ็นโดรฟิน" กับแฟนหนุ่ม "อเล็กซ์" ที่จะมีช็อตหวานมาให้คนโสดได้จี๊ดใจกันเป็นแถวๆ แถมล่าสุดสาวดาก็สลัดลุคส์ร็อกเกอร์สาวมั่นมาโชว์ความเซ็กซี่ลงนิตยสาร PlayBoy ทำเอาฮือฮากันยกใหญ่ พอมีโอกาสเจอสาวดาในงานกาล่ารอบปฐมทัศน์ ละครเวที “แฟนจ๋า เดอะมิวสิคัล” ณ โรงละคร เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ จึงถามถึงเรื่องนี้

 

ถามถึงฟีดแบคหลังจากถ่ายหนังสือ Play Boy 
อเล็กซ์ : “I love it (ยิ้ม)”
ดา : “ก็จริงๆแล้วเขาเคยถามๆมาแล้ว แต่ว่าตอนนั้นเราบอกว่าเดี๋ยว 30 ค่อยมาถามใหม่ แล้วพอ 31 พี่ๆเขาก็ไม่ลืมที่จะกลับมาถาม คือเราคิดว่าถ้าได้ถ่ายตอนเมื่อ 2 ปีที่แล้วอาจจะยังเด็กไป”

เราตัดสินใจนานขนาดไหน กว่าจะยอมถ่าย
ดา : ดาว่า Play Boy เป็นแมกกาซีนที่มี 2 มุม มันมีความสวย เซ็กซี่ แล้วก็มีความอาร์ตในนั้น พูดตรงๆว่าที่ดารับ เป็นเพราะพี่ใหญ่ อมาตย์ด้วย แล้วก็ยังเป็นครบรอบ 5 ปีของเขาด้วย”

เรามีลิมิตไหม ว่าต้องเซ็กซี่ยังไง ได้ขนาดไหน
ดา : “ดาว่าพี่ใหญ่ทราบค่ะ คือความเป็นตากล้อง พี่ใหญ่จะต้องทำการบ้านประมาณหนึ่ง แล้วก็ถ่ายออกมาให้เห็นว่าเรามีแท็ททูนะ โชว์หลัง โชว์หน้าได้นิดหน่อย เพราะว่าหน้าก็ไม่มีโชว์เยอะอยู่แล้ว ก็กำลังดี”

พองานมันออกมาแล้ว เราพอใจขนาดไหน
ดา : “ชอบค่ะ คือบอกแล้วว่าถ้าดาทำตอนนี้ แล้วมันดูดี มันโอเค ดาดีใจ แล้วภาพสวยเพราะพี่ใหญ่ แล้วก็เป็น 5 ปีของ Play Boy แต่ถ้าเกิดตอน 40 มาทำ มันอาจจะมีส่วนที่เกินและขาดอีกเยอะ ตอนนี้ทำกราฟฟิกน่าจะง่ายกว่า(หัวเราะ)”

เรามั่นใจในความเซ็กซี่ของเราไหม เพราะถ้านึกถึง Play Boy คนก็ต้องนึกถึงผู้หญิงที่มีหน้าอก
อเล็กซ์ : “สำหรับผมคิดว่าผู้หญิงที่มีความมั่นใจเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่”

 

 

 

พอหนังสือออกมาแล้วคนฮือฮา เรารู้สึกอย่างไรบ้าง
ดา : “ดาว่ามันต้องฮือฮาในมุมที่เป็นแบบ เราไม่ใช่สาวร็อคที่เขารู้จักอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ดาคิดว่าผู้หญิงเวลามันถึงความเป็นผู้หญิงเต็มตัว หรือว่าช่วงอายุ 30 มันเป็นช่วงเวลาที่รักตัวเองมากที่สุด รู้จักตัวเองมากที่สุด ผู้หญิงทุกคนอยากจะทำให้เห็นถึงความสวยงามของตัวเอง แต่จะโชว์มาในรูปแบบแบบไหนเท่านั้นเอง”

หลังจากนี้มีถ่ายอีกไหม
ดา : “พอก่อน เอาประมาณหนึ่ง ดาว่าถ่าย Play Boy ไปแล้ว อยากลองแบบสปอร์ตๆดูบ้าง”

ทุกคนไม่คาดคิดว่าดาจะมาถ่าย Play Boy ค่อนข้างเก็บเงียบเหมือนกัน
ดา : “เก็บๆ เก็บไว้ 2 ปีเอง(หัวเราะ) ถามว่าก่อนถ่ายต้องเตรียมตัวขนาดไหน ก็ไดเอ็ตมาประมาณอาทิตย์หนึ่ง เข้ายิมตลอด ตอนเช้าก็ไม่กินข้าวเยอะ จะได้ไม่ต้องแขม่วมาก”

หลายคนมองว่าก่อนถ่ายเซ็กซี่ต้องไปอัปไซส์หน้าอกก่อนไหม
ดา : “ไม่ ให้พี่ใหญ่อัปให้ค่ะ อัปไซส์นิดหนึ่ง(หัวเราะ) คอมมันต้องมีคอมพิวเตอร์กราฟฟิกนิดหน่อยอยู่แล้วค่ะเพื่อความเนียน พี่ใหญ่ก็ให้มากำลังดี ไม่ได้ใหญ่เกินเบอร์ ก็ขอบคุณมาก(ยิ้ม) แต่จริงๆเราก็มีอยู่บ้างนิดหนึ่ง”

 

 

 

 

วันนี้ควงกันมาออกงานคู่เลย
ดา : “ก็มาออกด้วยกันบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ออกงานด้วยกันมานาน แถมงานนี้เป็นงานเกี่ยวกับมิวสิคัล ซึ่งอเล็กซ์เขาก็ทำงานร่วมกับศิลปินไทยอยู่แล้ว ดาเลยคิดว่ามันน่าจะเหมาะหากจะให้เขาได้มาชมมิวสิคัลของไทยที่โปรดักชั่นเด็ดไม่แพ้กับเมืองนอก”

สำหรับอเล็กซ์การใช้ชีวิตอยู่ในไทยแบบนี้ ได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาไทยบ้างหรือยัง 
อเล็กซ์ : “ยังครับ ยังเรียนช้าๆ อยู่ ใจเย็น (หัวเราะ)”
ดา : “คือดามองว่าถ้าหากเขาจะต้องทำงานกับศิลปินไทยอยู่เรื่อยๆ แบบนี้ ก็คงต้องมีการเรียนอย่างจริงจังแล้วล่ะค่ะ เพราะล่าสุดเขาเองก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ คุณโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นโปรเจกต์ใหม่ในอัลบั้มเดี่ยวของโต๋ รวมถึงตัวเขาเองก็ตั้งใจจะทำเพลงของตัวเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งยังอยู่ในขึ้นตอนของการพูดคุยรายละเอียดกับหลายๆ ช่องทางที่เป็นสตรีมมิ่ง”

เหมือนว่าเราเองก็ตั้งใจจะทำงานในไทยจริงจัง แบบนี้มีแพลนจะอยู่ถาวรเลยหรือเปล่า 
อเล็กซ์ : “แน่นอนครับ คือผมมีครอบครัวอยู่ที่กรุงเทพอยู่แล้ว ครอบครัวแฟน (หัวเราะ)”

ความรักก็หวานกันมาก เมื่อไหร่จะแต่งงาน
ดา : “เราก็ผ่านเรื่องต่างๆด้วยกันในทุกๆวัน เรามีทะเลาะกันบ้าง คบกันมา 3 ปี มันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะบ้าง แต่สุดท้ายก็จะมานั่งจับเข่าคุยกัน ว่าถ้าคุณเป็นแบบนี้ เราเป็นแบบนี้ต้องใจเย็นๆ เรื่องแต่งงานก็ยังไม่แต่งค่ะ”
อเล็กซ์ : “ยังๆ ชิลๆ เรื่องแต่งงานยังครับ ช้าๆ (พูดภาษาไทย)”

 

 

 

ที่บ้านว่าอย่างไรบ้างกับเรื่องการแต่งงาน
ดา : “ที่บ้านเราเขาก็แฮปปี้แหละ เขาบอกว่าถ้าเราเจอคนดี ก็อยากให้อยู่กันนานๆมากกว่า”

ตอนนี้เหมือนเดินกันมาครึ่งทางแล้ว เพราะปกติดาเป็นคนไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรัก
ดา : “ดาว่าดีค่ะ เราเป็น Best friend เราก็เลยรู้สึกว่าสบายๆ เพราะว่าเพื่อนๆเราก็ยังไม่มีใครแต่งเลย มีลิเดียคนเดียว”

ลิเดีย เขาก็มีลูกแล้ว นำเราไปไกลแล้ว เราไม่อยากมีบ้างเหรอ
ดา : “เราไปเล่นกับดีแลนก่อน ถ้าเรายังมีเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่ ก็อยากจะเรียนรู้กันไปก่อน ถ้ามันนิ่งพอ แล้วความเป็นผู้ใหญ่มันจะทำให้เราอยากมีเอง”

เรากังวลไหมว่าถ้าปล่อยไปนานๆ จะทำให้มีปัญหาเรื่องการมีน้อง 
ดา : “ก็...ต้องถามคุณหมอแล้วแหละ แต่เอาจริงๆ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆ มันพัฒนาไปมากแล้ว มีทั้งการฝากไข่ต่างๆ นานา ซึ่งดาคิดว่าผู้หญิงที่ชอบทำงานหรือรักในการทำงานหลายๆ คน ก็น่าจะต้องทำเพื่อเป็นการเซฟตัวเองไว้ แต่สำหรับดา ดายังไม่ได้ฝากนะ เพราะอายุดายังไม่ได้เยอะมาก”

ที่เราบอกว่าเราไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน อันนี้คือไม่มีในแพลน หรือว่าไม่ได้คิดไว้เลย 
ดา : “ดารู้สึกว่าการที่เราอยู่ด้วยกันเป็นพาร์ตเนอร์กันแบบนี้ หรือเวลาใครมีปัญหาอะไรเราก็ช่วยเหลือกัน คือมันก็ยังแฮปปี้ดีอยู่ แต่ถ้าจะให้คิดถึงการแต่งงานแบบที่มีงานเช้า-งานเย็น ดายังไม่ได้คิดถึงเรื่องตรงนั้นเลยค่ะ เพราะดารู้สึกว่าถ้าเราสองคนยังคบกันแบบนี้ และได้ทำตามความฝันของกันและกันไปแบบนี้ เราก็มีความสุขได้เหมือนกัน ยิ่งเรามีความสุขกับการทำงานมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ของเราก็จะยิ่งมีความสุขตามไปด้วย”

แสดงว่าเราก็ยอมรับสถานะหากจะใช้คำว่า อยู่ก่อนแต่ง 
ดา : “ใช่ค่ะ แต่ถามว่าคุณพ่อคุณแม่ดาอยากให้ดาแต่งงานไหม แน่นอนค่ะเขาอยากให้ดาแต่งอยู่แล้ว แต่อย่างที่ทุกคนทราบ ด้วยความที่ดาโตขึ้นมาด้วยกันทำงานตั้งแต่เด็ก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ท่านก็เลยค่อนข้างที่จะเชื่อและเคารพในการตัดสินใจของเรา เพราะถ้าสุดท้ายแล้วเราล้ม เราก็ต้องลุกขึ้นด้วยตัวเอง”

 

 

อัปเดตความคืบหน้าเรื่องฟาร์มไก่ข้างบ้าน หลังจากที่เราออกมาโพสต์ลงอินสตาแกรม ฟีดแบคเป็นอย่างไรบ้าง 
ดา : “คือเราก็ต้องคุยกันนั่นแหละค่ะ เพราะดาก็เข้าใจในมุมของเขา และเราเองก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นถ้าหากเราหาจุดกึ่งกลางได้ หรือคุยกันได้ มันก็น่าจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น เพราะตัวดาเองก็ไม่ได้ห้ามอาชีพเขา แต่เราแค่อยากขอความร่วมมือเฉยๆ”

ทิศทางหลังจากที่ได้เคลียร์เป็นไปในทิศทางไหน ดีขึ้นหรือเปล่า 
ดา : “ก็คือความตั้งใจของเขา เขาอยากจะทำให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ดีมากๆ และถ้าหากในอนาคตเราสามารถคุยกันได้ ดาก็อาจจะมีไข่ออแกนิกออกมาให้ทุกคนชิมก็ได้ (ยิ้ม)”

ตอนที่มีข่าวออกไป ทางฝ่ายนั้นเขาเป็นคนติดต่อกลับมาหาเราเองเลยหรือเปล่า 
ดา : “ดายกหน้าที่การดูแลตรงนี้ให้เป็นของทีมนิติหมู่บ้านค่ะ แต่ที่ดาโพสต์เหมือนดาแค่อยากขอความช่วยเหลือจากคอมเมนต์ของแฟนๆ ว่าเขามีแนวคิด หรือวิธีการแก้ไขยังไงบ้างก็เท่านั้นเอง”