บันเทิง

'อรBNK48' เคลียร์ดราม่าแบบนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อรBNK48"พัศชนันท์ เจียจิรโชติ แจงดราม่าตอบคำถามโอตะแค่หยอกแฟนคลับ รับเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ลั่นจะระวังการโพสต์คำพูดให้มากกว่านี้ 

         เป็นดราม่าพักใหญ่หลังจากที่ "อร BNK48" พัศชนันท์ เจียจิรโชติ ตอบคำถามที่แฟนคลับในไอจีสตอรี่ถามว่า “พี่อรน้ำหนักเท่าไหร่” ซึ่งนักร้องสาวได้ตอบกลับไปว่า “ตอบแล้ว น้องจะได้เกรด 4 ยันเรียนจบมั้ยจ๊ะ” ทำให้หลายคนที่เห็นข้อความดังกล่าวเข้ามาแสดงความเห็นว่าสาว ‘อร’ น่าจะเลือกคำพูดที่ดีกว่านี้หรือเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเลยก็ได้ ซึ่งสาวอรได้ตอบประเด็นดราม่าดังกล่าวในรอบสือภาพยนตร์เรื่อง “App War แอปชนแอป” ที่ โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 สยามพารากอน ว่า

'อรBNK48' เคลียร์ดราม่าแบบนี้

         “เอาตรงๆ หนูยังไม่คิดว่ามันเป็นดราม่า มันเป็นการหยอกล้อกับแฟนคลับ เนื่องจากฟีเจอร์ใหม่ในไอจีสตอรี่ก็จะเห็นว่ามีใครถามอะไรเข้ามาบ้าง พอเห็นว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือเป็นน้องผู้ชายที่ชอบแซวเรื่องนี้เป็นประจำ เลยหยอกกลับไปแบบไม่ทันคิด ก็ขอโทษละกัน หนูอาจจะใช้คำสองแง่สองง่ามที่ทำให้ใครเข้าใจเจตนาผิดไปได้ วันหลังก็จะรอบคอบมากกว่านี้ พอเป็นดรา่ม่าขึ้นมาแบบนี้ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน คือวันแรกหลังจากที่เล่นไปยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอวันที่สองกระแสดราม่าก็เริ่มมา เอาจริงๆ ตอนนั้นคนในค่ายยังไม่รู้เรื่องเลยจนวันที่สามเริ่มหนักขึ้นเพราะมีประเด็นข่าวออกมาก็ค่อนข้างงงอย่างที่บอกว่าตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเป็นดราม่า เพราะเราก็ตอบไปปกติเลย

        (มีโอกาสอธิบายให้กับน้องคนที่เราตอบกลับไปแบบนั้นเข้าใจเจตนาจริงๆ ไหม) เนื่องจากเป็นกฎของค่าย ศิลปินจะไม่มีการตอบหลังไมค์ได้อยู่แล้ว แต่เราจะเห็นข้อความ เราก็เห็นว่าน้องก็ได้มาขอโทษหลังไมค์ว่าผมจะไม่แซวเรื่องนี้แล้วครับ (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าน้องคนนี้จะแซวเรื่องนี้มาก่อนหน้าอยู่แล้ว หนูก็เป็นสไตล์ชอบกวนชอบเล่นหยอกล้อกับแฟนคลับครั้งนี้ก็อาจจะแรงไปสำหรับคนอื่น คือเราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีและไม่คิดว่าเรื่องนี้จะออกมาเป็นประเด็นดราม่า แต่ก็คิดว่าออกมาขอโทษดีกว่าเราไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ถามว่าเครียดไหม เครียดนะ ตอนนั้นไม่เข้าทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก ไม่เข้าอะไรเลย คือจะฟังจากปากคนอื่นมากกว่าว่ามันถึงจุดนี้แล้วนะ สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยไปเพราะว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่เหนือการควบคุม ถ้าเกิดหนูยิ่งแบบไปตอบว่าไม่ใช่ ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นอย่างนี้ อาจจะยิ่งไปสุมไฟได้เพราะช่วงนั้นคนก็ร้อนกันมาก"

'อรBNK48' เคลียร์ดราม่าแบบนี้

 

         เมื่อถามต่อว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้ใหญ่เรียกคุยเรื่องนี้ไหม ซึ่งนักร้องสาวแจง่ว่า "ไม่มีเลย แต่หนูเป็นคนชอบร้อนตัวก็ไปขอโทษผู้ใหญ่ก่อนเลย ซึ่งผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขามองว่าจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะดราม่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยากๆ คือเขาจะเป็นห่วงเรามากกว่าที่เจอคนเข้ามาด่าขนาดนี้ กลัวว่าหนูจะทำงานไม่ได้ ถึงขั้นถามว่าหรือจะให้เว้นช่วงการทำงานไปก่อน หนูก็บอกว่าไม่เป็นไรรับงานได้ปกติ หลังจากนี้ต้องระมัดระวังเวลาจะหยอกล้อกับแฟนคลับก็ต้องระวังนิดหนึ่ง คงต้องบอกแฟนคลับให้เข้าใจว่าวันนี้มันไม่ได้มีพื้นที่แค่เรากับแฟนคลับแล้ว เอาไว้รอไปเล่นกันในงานจับมือหรือตามอีเวนต์ดีกว่า แต่ทางโซเชียลก็ต้องเว้นเอาไว้ก่อนเพราะมันก็เป็นดาบสองคม คือเราก็ไม่รู้ว่าเวลาเราพิมพ์อะไรลงไปคนอื่นคิดอะไรอย่างไร อยากอีโมชั่นที่เป็นหน้าแสยะยิ้ม คือหมายถึง “ฮิฮิ อิอิ” ตั้งใจจะสื่อแบบนี้จริงๆ แต่บางคนก็คิดว่าหนูไปแซะเขา เดี๋ยวนี้เลยค่อนข้างที่จะระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม ด้วยความที่เราเป็นคนของประชาชน ก็จะระมัดระวัง” นักร้องสาวแจง 

 

'อรBNK48' เคลียร์ดราม่าแบบนี้

         เมื่อถามต่อว่าแบบนี้จะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขี้อ้อนมุ้งมิ้งของฉายา “อรอุ๋ง” ไหม สาวอรแจงว่า "เอาจริงๆ ก่อนจะเป็นอรอุ๋งก็จะมีดราม่านิดหนึ่งว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เอาจริงคือมันเป็นการอ้อนแฟนคลับ บางคนก็ชอบให้หนูเป็นแบบอุ๋งอุ๋ง คือหนูเป็นคนหลายบุคลิกแต่ไม่ได้เป็นไบโพล่าร์นะ (หัวเราะ) อย่างที่บอกไปหลายครั้งว่าพวกเรา BNK48 ไม่ได้ขายว่าต้องเป๊ะหรือสมบูรณ์แบบ แต่ละคนมีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเอง อย่างหนูก็จะตัวเล็กจะขี้อ้อนก็ได้ หรือจะเผ็ดๆ ก็ได้ แต่อรก็คืออรซึ่งแฟนคลับจะเข้าใจ (สบายใจขึ้นไหมที่ออกมาพูดวันนี้) ใช่ค่ะ ก็มีโอกาสได้ออกมาพูดสักที อึดอัดมาก ขอบคุณที่ให้หนูได้ระบาย(หัวเราะ) ช่วงที่ผ่านมาก็ต้องอดทนเพราะทุกอย่างมันอยู่เหนือการควบคุม แต่หนูก็เชื่อว่ามันจะมีเวลาที่เหมาะสมของมัน ในการที่จะออกมาบอกกล่าวถึงมุมของหนูบ้าง”

'อรBNK48' เคลียร์ดราม่าแบบนี้

(สาวๆ BNK48 มาให้กำลังใจสาวอรในหนังเรื่องแรก)

         ถามถึงเรื่องที่โดนเปรียบเทียบกับพี่เฌอปราง ซึ่งกำลังจะมีงานหนังเหมือนกัน?“หนูก็มีโอกาสได้คุยเรื่องนี้กับพี่เฌอ หนังของพี่เขาถ่ายก่อน แต่ของหนูถ่ายทีหลัง ตอนนั้นก็ไปปรึกษาว่าจะต้องทำยังไงเพราะไม่เคยเล่นหนังมาก่อน การที่เราเล่นหนังกันคนละค่ายไม่ได้หมายความว่าจะต้องแข่งกันมันไม่จำเป็น อีกอย่างพล็อตหนังก็คนละอย่างเลย มันเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าก็เตรียมใจมาบ้างว่าจะต้องมีคนเปรียบเทียบ ยังคุยเล่นกันอยู่เลยว่าจะมีคนเปรียบเทียบมั้ย ซึ่งก็มีจริงๆ ด้วย แต่ว่าเราสองคนก็ได้ตอบคำถามก่อนหน้านั้นไปแล้ว” อร กล่าวปิดท้าย 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ