(คลิป) 'เบนซ์-ปุณยาพร' เล่าวินาทีหวิด 'ตาบอด' 

    ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วง เมื่อ "เบนซ์" ปุณยาพร โพสต์รูปตัวเองนั่งอยู่บนรถเข็นพร้อมกับข้อความว่า "ต่อไปนู๋ปุณจะดูแลตาทั้งสองข้างให้ดีกว่านี้ ไม่เอาแล้วแบบนี้จะบอกเลยว่า โครตทรมาน คิดในใจว่า จะตาบอดหรือเปล่า คิดเยอะมากวันที่ลืมตาไม่ขึ้น จะลืมตานำ้ตาไหลตลอดเวลา รีบไปหาหมอ หมอบอกว่า เยื่อตาอักเสบกระจกตาถลอก ตอนนั่นใจไม่ดีแหละ กี่วันจะหาย ถ้าเป็นเดือนงานเข้าแน่ๆ โชคดีที่หมอบอกว่าไม่กี่วัน ตอนนี้อาการดีขึ้นเยอะเลย บอกกับตัวเองจะดูแลดวงตาให้ดีกว่า เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด เช็ดตาเบาๆ ..." 
 

    ล่าสุด "บันเทิง คมชัดลึก" มีโอกาสเจอสาวเบนซ์ในงาน ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอเปิดคอลเลคชั่น “The genesis of an immortal love ปฐมบทแห่งรักนิรันดร์ 2018” ณ ชั้นM เอ็มโพเรียม แกลเลอรี่ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม จึงขอถามถึงเรื่องนี้
    "เยื่อในดวงตาอักเสบทั้งสองข้าง สาเหตุมาจากที่เราเล่นโทรศัพท์มือถือโดยที่เราไม่ได้เปิดไฟ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือเราใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งปกติเราเป็นคนใส่แบบรายวันอยู่แล้ว และน่าจะมาจากมาสคาร่าด้วย และที่เราทาตรงใต้ขอบตา และเราเช็ดมันแรงเกินไป มันก็เป็นสาเหตุ และอีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะคอนแทคเลนส์เราบาด ด้วยบวกกับเล่นโทรศัพท์ในเวลากลางคืน ในที่มืดก็เลยทำให้เยื่อตาอักเสบ และก็เกิดภาวะการติดเชื้อ ตอนแรกคุณหมอก็บอกว่าถ้า 2 วันยังไม่ดีขึ้น ก็ต้องรักษากันเป็นเดือนเพราะวันนั้นที่ไปหาหมอคือเราลืมตาไม่ขึ้นเลย "
    หมอบอกไหมว่ามีสิทธิ์ที่จะตาบอด
    "ถ้าสมมติในระยะเวลาที่เรารักษาไม่ได้ก็มีสิทธิ์เหมือนกันนะคะ เพราะด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราเช็ดตาไม่สะอาด ทำให้ติดเชื้อก็ทำให้เกิดสภาวะแทรกซ้อน"

    เราใช้ชีวิตแบบนี้มานานแค่ไหนถึงเป็นแบบนี้
    "น่าจะนานอยู่นะคะประมาณ 3-4 สัปดาห์คือก่อนหน้านี้มันอาจจะสะสมด้วย เพราะว่าเราก็นอนไม่พอและเราเล่นโทรศัพท์มือถือในเวลากลางคืนโดยที่เราไม่เปิดไฟ เราคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนเรา แต่ว่าเราขอฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แล้วกันว่าอย่าเป็นแบบนี้เราควรจะเปิดไฟให้สว่างเวลาเล่นโทรศัพท์เพราะว่าถ้าเล่นในที่มืดแล้วก็จะใช้สายตาเพ่งมากขึ้นตลอดเวลา อันนี้ก็มีส่วนเหมือนกัน"
    จะหายเมื่อไหร่
    "ตอนนี้ก็ยังคงเคืองด้านขวานิดหนึ่งนะคะ ก็ใช้วิธีการหยอดน้ำตาเทียมเอาก็เป็นวิธีการช่วยรักษาแล้วเดี๋ยวเร็วๆ นี้จะให้คุณหมอเช็คกระจกตาอีกรอบหนึ่ง ว่ามันถลอกอยู่ไหมแต่ว่าตอนนี้มันก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ตอนนี้มันก็อยู่ที่ประมาณ 70% นะคะที่ดีขึ้นแต่ยังไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ว่าเราก็ต้องดูแลตัวเองเวลาที่เราแต่งหน้าแต่งตาทำอะไรบริเวณรอบดวงตาแล้วก็ต้องมีความระมัดระวัง แม้กระทั่งเวลาที่เราเช็ดทำความสะอาดเราก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ทำให้ดวงตาสะอาดหมอก็สอนเกี่ยวกับวิธีการเช็ดตาที่ถูกต้อง ว่าเราต้องเช็ดยังไง"

    งดรับงานเลยดีไหม
    "ไม่ได้นะคะต้องทำมาหากิน (หัวเราะ) อาชีพของเรามันหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแต่งตาไม่ได้อยู่แล้วแต่ว่าเราก็ต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองอย่างเช่นเช็ดรอบดวงตาให้สะอาด และการล้างดวงตาด้วยน้ําเกลือที่คุณหมอสอนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะอาชีพของเราก็ต้องเจอแสงไฟทุกวัน เราก็จะใช้วิธีการหลับตา 10 หรือ 15 นาที แล้วก็ลืมตามันก็จะช่วยผ่อนคลายดวงตาเราก็แต่งตาให้น้อยลงและเช็ดให้สะอาด" 
    ต้องดูและอะไรเป็นพิเศษไหม
    "ในช่วงแรกเขาก็ให้ดูแลดวงตาเป็นพิเศษเพราะเขาจะต้องดูระยะก่อนว่าเราหยอดตาไปแล้วเป็นยังไงบ้างถ้าเราดีขึ้นเราก็สามารถแต่งหน้าได้ปกติไม่มีปัญหา แต่ว่าเวลากลับบ้านไปเราก็ต้องเช็ดทำความสะอาด"
    เรามีความกังวลไหมเพราะยังต้องใช้ชีวิตแบบนี้
    "ทรมานมากค่ะ กังวลมากค่ะ ตอนนี้กลายเป็นคนที่มีวินัยในตัวเองตลอดในการดูแลรอบดวงตา มันทรมานจริงๆนะคะวันนั้นเป็นลืมตาไม่ได้ น้ำตาไหลตลอดเวลา มันเจ็บนะคะ แล้วเราก็กินข้าวไม่ได้ต้องมีคนป้อนให้"
    ใช้ชีวิตเหมือนคนตาบอด
    "ใช่ค่ะ มันมืดตลอดเวลา มันทรมานคืนนั้นเบนซ์นอนไม่ได้เลยมันเหมือนมีเม็ดทรายทิ่มตาตลอดเวลา" 
    จะหายร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม
    "ถ้าเราหมั่นดูแลตัวเองเช็คดวงตาให้สะอาด หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆไม่ปล่อยให้ตาแห้ง หลีกเลี่ยงการเล่นโทรศัพท์หรือใช้ดวงตาในที่แสงน้อย มันก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เราหายได้แต่ว่าเราก็ต้องดูแลตัวเองเยอะ"
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราเข็ดไหม
    "เข็ดจริงๆ มันเหมือนตอนนั้นเราก็จิตตก ตอนที่เราไปโรงพยาบาลเราก็จิตตกเพราะเป็นครั้งแรกที่เราเดินไม่ได้คือจริงๆมันเดินได้แต่มันมองไม่ชัดมันมืดเราต้องนั่งรถเข็น มันก็เลยทำให้มีความรู้สึกว่าอะไรไม่ได้แล้วเราจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ เราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ตอนนั้นกลัวตาบอด หมอบอกว่าถ้า 2 วันแรกกินยาแล้วไม่ดีขึ้นหมอให้พักยาวเลย ตอนที่ไปล้างน้ำเกลือที่คุณหมอเราดิ้นแรงมากเพราะมันแสบมากทรมานเราลืมตาไม่ได้แต่คุณหมอก็ต้องถ่างตาแล้วให้กว้างเพื่อล้างเราทรมานมาก เราก็เลยคิดว่าพอแล้วหลังจากนี้จะดูแลตัวเองให้ดี ตอนนั้นก็คิดว่าจะทำยังไงดีพัก 1 เดือนเงินจะต้องหายไป เราผ่อนบ้านอยู่ งานก็ต้องรับ เพราะมีภาระ เราจะพยายามดูแลตัวเองจ้างหนูเถอะนะ"