โหมทำงานหนัก'โอ๊ต'กลัวใหลตาย!! (คลิป) 

         เรียกว่าเป็นปีทองของพ่อหมีขาวเสียงดีอย่าง  “โอ๊ต”ปราโมทย์  ที่ดูเหมือนว่าเงินทองไหลมาเทมา  ทว่ากลับทำให้เจ้าตัวประสบปัญหาเรื่องสุขภาพ ล่าสุดเจอหนุ่มโอ๊ตใน งานแถลงข่าว Chang Music Connection Presents OAT Pramote Show “The Uncensored" @Lobby GMM GRAMMY PLACEจึงต้องถามไถ่  

 

 

     

         “ผมมีปัญหาเรื่องขาตอนนี้ก็ยังเดินกะเผลกอยู่ คือที่เห็นก็คือไปฉีดสเตียรอยด์มาที่ส้นเท้ามันเป็นถุงน้ำที่เป็นจอยซ์ระหว่างเอ็นร้อยหวายกับกระดูกส้นเท้า ที่มันอักเสบ ซึ่งถามว่ามันเกิดจากอะไร ผมว่าแตะบอลก็ไม่ใช่ เพราะว่าเราก็ไม่เคยเจ็บตรงนี้ มันมาจากช่วงที่เราเคยทำงานหนักผมยืนถ่ายรายการ บางที 15 ชั่วโมงหรือ 14 ชั่วโมงแล้วก็รองเท้ามันกดไปตรงนั้น แล้วเราเป็นคนไฮเปอร์ อยู่นิ่งได้ที่ไหน เราก็โวยๆ ตลอดเวลามันก็เลยอักเสบขึ้นมา ร่างกายมันก็เลยฟ้องว่าเราทำงานหนักเกินไป (เป็นทั้งสองข้างเลยไหม?)ข้างขวาข้างเดียว  ผมว่าก็อาจจะเป็นไปได้ แล้วทรมานมาก เมื่อวันก่อนก็ถ่ายรายการที่เวิร์คพ้อยท์ก็ยืนไป 15 ชั่วโมง เมื่อวานไปเชียงใหม่อีก ผมเดินแล้วจะขอวิวแชร์ก็อายเขา (ยิ้ม) ผมเดินลากขาไปขึ้นเครื่อง แล้วขึ้นลงก็เดินลากไปอย่างนั้น โอ้โหลำบากมาก แล้วก็เอาเงินมารักษาขาตรงนี้ได้เลย”

@@ ในการรักษาคุณหมอว่ายังไงบ้าง? 

         “คุณหมอบอกว่าถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ เป็นเดือนกว่าจะหาย แต่ถ้าพักก็ประมาณอาทิตย์หนึ่ง ตอนนี้ก็กินยาแล้วก็พ่นยาด้วย จริงๆ หมอบอกไม่ได้เกี่ยวกับน้ำหนักมาก เพราะมันเกี่ยวกับรองเท้าที่เราใส่ด้วย หรือบางทีไลฟ์ไสต์ของเราด้วย อันนี้ก็เกิดจากการยืนของเราด้วย ตอนนี่พยายามอยู่  แบบอันไหนพอพักนั่งได้ เราก็พยายามนั่งก่อน (เรากังวลไหม?) เออว่ะ ปกติใส่รองเท้าตลอด  กังวลไหมผมว่ามันหายทัน ผมว่าอาทิตย์สองอาทิตย์ก็หายแล้ว แต่งานในเดือนนี้มันแน่น แบบแน่นมาก 31 วันเลย หยุดไม่ได้นะ  เราก็พยายามจะคุยกับพี่เขาก่อน ว่าผมเจ็บขานะ อะไรที่มันหนักกันไปพี่ก็พยายามเลี่ยงให้ผมหน่อย ซึ่งถามว่ามันกระทบกับงานไหม ก็กระทบมาก ผมร้องเพลงเชียงใหม่เมื่อวาน มันเหมือนคนพิการยืนเท้า แล้วเวลาจะขยับก็เจ็บคือเย็นเฉยๆ ก็ไม่เจ็บๆ แต่พอมีการขยับไอถุงนั้นอ่ะจะเจ็บ” 

@@แฟนเราว่ายังไงบ้าง? 

         “เขาทราบนะ  ทุกคนทราบหมด แต่เราทำงานด้วยไง แต่ว่าก็คือเราทำงานด้วยไงก็เลยไม่มีเวลา ดูแลตัวเองก็ลำบาก (กลัวไหม? ว่าสุดท้ายทำงานหนักจะทำให้เอาเงินมารักษาตัวเองหรือเปล่า?) กลัวนะ  กลัวมาก ตอนนี้เริ่มกลัวตายทำงานหนักจนกลัวนอนใหลตาย แต่ว่าทำไงได้ผมรอมาตั้งนานตั้ง 10 ปี กว่าจะมีวันนี้ ว่าเห้ยมันเป็นช่วงที่เราต้องทำให้เต็มที่ จากคอนเสิร์ต ซึ่งถามว่าเหนื่อยไหมต้องบอกว่าเหนื่อยมาก เพราะต้องล็อคงานหนึ่งเดือนเพื่อซ้อมคอนเสิร์ต แต่ตอนนี้อายุขนาดนี้เรายังมีแรงทำงานอยู่ เพราะอีกปี สองปีที่ผมทำงานหนัก ไม่มีแรงทำคอนเสิร์ตใหญ่ก็ได้ ก็เลยรรีบทำก่อน (ตอนนี้เรามีแคนเซิลงานอะไรบ้าง?) ไม่มีเลยนะ  แค่ไม่รับเพิ่มเท่านั้นเองครับ สำหรับตอนนี้ (ในด้านของยาสเตียรอยด์ เรากลัวว่ามันมีฟีคแบคอะไรภายหลังไหม?) กลัวนะ แต่ทำอะไรไม่ได้ ผมต้องใช้กับร่างกาย มันต้องฉีดไปก่อน แต่พยายามไม่ฉีดบ่อยๆ แต่คุณหมอ เขาบอกให้เบาหน่อยๆ  กลัวจะไม่ได้ใช่ตังค์เพราะว่าครั้งหน้ามาอย่าถึงขนาดตัดขาเลยหมอเขาหวง ซึ่งหมอกลายเป็นว่ารู้จักเราด้วย และมีเล่นด้วยนี้นะ ก็อย่าไปขับรถเยอะ เลยเป็นยังงี้ อะไรอย่างงี้นะ  เออหมอน่ารักมากเลยนะ  แต่ผมคิดว่ามันอาจจะมาจากรองเท้าวิ่งหรือ ช่วงนี้ผมเริ่มวิ่งสายพาน เริ่มมาเดินสายพาน เริ่มมาวิ่งใกล้คอนเสิร์ต ผมก็อยากให้มันฟิตหน่อย อาจจะเป็นจากรองเท้าวิ่งที่มันกดมากเกินไป แต่มันไม่ได้เป็นเลยไง มันวิ่งเสร็จ 2 ชั่วโมงแล้วค่อยเป็น ซึ่งตอนนี้ก็ยังปวดอยู่ 

@@ ส่วนตัวเรามีลดน้ำหนักไหม? 

         “อยาก อยาก ผมอยากลดน้ำหนักมาก แต่ไม่ลดเยอะนะ  ตอนนี้ก็พยายามจ้างเทรนเนอร์ มาเทรนที่บ้าน แต่ปัญหาก็คือผม ไม่มีเวลาที่จะเทรนมาก เพราะเดือนนี้มันแน่นมาก เพราะเดือนหน้า ผมจะหยุดไง มันก็เลยอัดเดือนนี้ ให้มันสต็อกเอาไว้(ที่บ้านว่ายังไงบ้าง?) คือก็บ่นๆ กันอ่ะ   บ่นๆ ว่าทำไมต้องทำงานหนักขนาดนี้ แม่ก็ด่ามากกว่า แม่ด่าว่าทำไมถึงแบบลำบากเหรอ เป็นหนี้เหรอ ทำงานอะไรหนักขนาดนี้ ซึ่งเราก็สนุกกับการทำงาน ซึ่งแม่เราก็เป็น ผมก็เลยบอกแม่ ว่าแม่ก็เป็นแบบนี้นะ แม่อย่าด่าเลย (ทำงานเก็บเงินแต่งงานไหม?) ยังนะ  ยังยัง ขอทำงานก่อน งานมันแน่นมากเลย”

 

 @@ล่าสุดเราทำงานเยอะแฟนเราว่ายังไงบ้าง? 

          “คือมันก็มีห่างกันบ้างเพราะผมทำงานหนักมาก หนักมากแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย ผมแบบกลับบ้านหลับ คือบางทีไม่ได้คุยกันสามวันสี่วันไม่ได้คุยเลย แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย ซึ่งทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ เพราะโทรศัพท์แทบไม่ได้คุยเลย แค่ไลน์ว่าออกจากบ้าน ทำงานแล้ว ถึงบ้านแล้วแค่นี้เลย  ( ล่าสุดข่าวลือว่าห่างกันเลิกกัน? )  คือถามว่ามีทะเลาะกันบ้างไหม ก็มีทะเลาะกัน เพราะผมเองทำงานหนัก เรารู้สึกว่าเราอยากทำตรงนี้ให้มันสมบูรณ์ คือถ้าอะไรที่ผมได้รับผิดชอบแล้ว ผมอยากทำให้มันดี ไม่ค่อยเลาะและ ผมเลยรู้สึกว่าบางทีเราบ้างานมากเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาทั้งคู่เลย ถามว่ากลัวจะมีผลกระทบไหม  เออกลัวจะกระทบไหมเหรอ มันมีอยู่แล้ว เพราะมันทำงานหนัก จะพูดว่าไม่กระทบไม่ได้หรอก มันกระทบอยู่แล้ว แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าเขาจะเข้าใจหรือเปล่า (แล่วเขาเข้าใจไหม?) ก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เป็นเรื่องปกติ” 

@@ แต่ก็ยังรักกันดี ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือ?

          “ใช่ๆๆไม่ได้เลิกกัน แต่มีทะเลาะกันบ้าง มีห่างกันบ้าง (อย่างคู่เราจะมีแต่งงาน ไหม?) เออมีนะ  แต่ผมอยากทำงานก่อน คือถ้ามีอะไร ถ้ามีงานแต่งงาน ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขา เพราะทุกวันนี้ผมอยากเลี้ยงหมามาก แต่ผมไม่มีเวลาให้มัน ผมรู้สึกว่าถ้าผมว่าง เดี๋ยวผมจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอยู่ด้วยกันและอยากใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะๆ ไม่ใช่ผมแต่งงานแล้วออกไปทำงาน ผมจะแต่งงานทำไม ฉะนั้นควรให้ชีวิตมันเซ็ตตัวกว่านี้ หรือรอให้งานมันเบากว่านี้ อีกสักปี สองปี ก็ว่ากัน  (หมายถึง 2-3 ปี อาจจะปลีกตัวจากงานในวงการ?) คือตอนนี้ผมอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ หลังจากเสร็จ อาจจะคิดว่าต่อไปจะทำไรดี จนวันนึงเรารู้สึกว่าเราพอแล้ว เราไม่ต้องมีโกล์และเราก็ค่อยคุยกันว่าจะเอายังไงดี ซึ่งผมมองว่าเรื่องแต่งงาน เป็นรูปธรรมคือใครก็แต่งงานกันได้แต่ว่าคนที่จะอยู่กันได้นานๆการแต่งงานมันไม่ใช่จุดสุดท้ายขอชีวิตคนแต่งงานเลิกกันก็เยอะแยะ ขนาดคนมีลูกเลิกกันก็มี ผมเลยรู้สึกว่าเอาทุกวันนี้ให้มีความสุขดีกว่า”