"บิ๊ก"ศรุต วิจิตรานนท์ ยันไม่เคยปิดเรื่องมีลูกชาย เผยไม่อยากพูดเยอะเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนหวั่นกระทบจิตใจ
เรียกว่ากระแสยังแรงดีไม่มีตกล่าสุดได้พูดในรายการ “ตีท้ายครัว” ซึ่ง “บิ๊ก”ศรุต วิจิตรานนท์ ได้เปิดเผยในรายการว่ามีลูกชายอายุ 15 แถมหล่อมากด้วย งานนี้ทำเอาแฟนๆ บางส่วนถึงกับแปลกใจเพราะไม่ทราบว่าหนุ่มบิ๊กมีลูกมาก่อน ได้สอบถามเรื่องเรื่องลูกชายในงาน “The Forgotten Sow ครั้งที่ 7” ที่ไบเทคบางนา ได้ความว่า
"เรื่องลูกผมไม่ได้ไม่ยอมรับ ผมยอมรับมาตั้งแต่แรกแล้วแต่ว่าไม่มีใครพูดถึงแล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ผมก็ไม่อยากพูดอะไรที่มันจะไปกระทบจิตใจกับตัวปิ๊ก (ลูกชาย) แต่ว่าปิ๊กโตแล้ว ตอนนี้น่าจะพูดอะไรได้เยอะแล้ว เพราะว่าในเรื่องของความเป็นจริง สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกแล้วก็มันก็ไม่ได้มีความเป็นครอบครัว มันไม่ได้มี (ยิ้ม) พูดไปแล้วอาจจะแรงหน่อย แต่ก็ขอพูดตรงๆว่า มันไม่ใช่แม้แต่คำว่าแฟนด้วยซ้ำ คำว่าคบยังไม่เคยคบเลย แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นผมก็ยอมรับและได้ทำตามที่ศาลกำหนดข้อตกลงว่า เรามีการจ่ายเงินเดือนให้ปิ๊กทุกเดือน รับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายในเรื่องของเงินเดือน ซึ่งเงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นตามอายุ ตามช่วงเวลาที่เขาโตขึ้นแล้วก็เรื่องของค่าเล่าเรียนแล้วก็เซ็นรับรองบุตรเพราะว่าถ้ารู้ จะรู้ปิ๊กใช้นามสกุลเดียวกับผม" บิ๊ก กล่าว
เมื่อถามต่อเรื่องอายุของลูกชาย ซึ่งนักแสดงหนุ่มแจงว่าลูกชายอายุ 15 ปีแล้ว ถามว่าสนิทกับเขาไหม คือจริงๆ ผมก็เจอเขานะ เจอแต่ว่าไม่ได้เจอบ่อย
"ด้วยความที่ เอ่อ ผมไม่ค่อยได้คุยกับคุณแม่ของเขาแล้วก็เขาก็ไม่ค่อยอนุญาติให้ผมเจอด้วยซึ่งผมก็โอเค มันเป็นสิทธิ์ของเขา ก็แล้วแต่ คือต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป ผมก็ถือว่า ปิ๊กเป็นเด็กผู้ชาย เท่าที่ผมเคยเจอเคยคุยเขาเป็นเด็กที่ไม่มีปัญหาอะไร เป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องแล้วก็เค้าเป็นคนที่มีความคิดที่ดี ผมเชื่อว่าในวันหนึ่งข้างหน้าได้เจอกันก็จะไม่มีปัญหา เราเจอกันไม่บ่อยเลย ก็คือช่วงที่เป็นข่าวมาตั้งแต่แรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตัวเองก็เด็ก ความคิดความอ่านของเรามันยังไม่ดีพอที่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ว่าเวลานี้มันผ่านมา 15 ปี แล้ว ผมก็ 46 จะ 50 แล้วมันก็ผ่านอะไรมาเยอะแล้วมันไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะต้องมานั่งนึกถึงเรื่องอดีตว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือมันเป็นอะไรคือแบบมันน่าจะนึกถึงปัจจุบันแล้วสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นข้างหน้าดีกว่า เพราะตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าผมมีแฟน ถูกมั้ย? แล้วก็มันก็มีชีวิตของผม ปิ๊กก็มีชีวิตของเขา ตัวคุณแม่ของปิ้กเขาก็มีชีวิตของเขาซึ่งเราก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตกันไป
ถามว่าลูกเข้าใจไหม เขาเข้าใจนะ ผมเคยคุยกัน เคยมีรูปหนึ่งที่เคยลงในเฟสบุ๊คตัวเองแล้วก็ลงในอินสตาแกรมที่บอกว่าไปปั่นจักรยานด้วยกัน ก็ไปรับที่บ้านแล้วไปปั่นจักรยานก็มีการคุยกันในรถแต่ว่าไม่ลงรายละเอียดแล้วกัน แต่ว่าก็คุยกันซึ่งผมก็รับรู้ได้ว่าเขาเป็นเด็กดี (พอมีข่าวออกมาหลายคนอยากเห็นรูปลูกหน้าของคุณพี่บิ๊กบ้าง) ไปดูในอินสตาแกรมเลย มีอยู่ในอินสตาแกรม เคยลงไว้ในอินสตาแกรมแล้วก็เฟสบุ๊คด้วย
เจอกันกับลูกชายล่าสุดตอนไหน
เจอกันล่าสุด ผมไม่รู้กี่เดือนละไปปั่นจักรยานกัน ที่สุวรรณภูมิก็มีคุยบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยแล้ว เพราะแม่เขาไม่ให้คุย แม่เขาก็ไม่ได้กีดกันนะ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมพยายามแล้วนะ พยายามที่จะคุย พยายามติดต่อ แต่ว่าแบบทุกครั้งที่ติดต่อหาเขา ก็จะกลายเป็นแม่เขามาตอบผมบ้าง มาด่าผมบ้าง มาอะไรอย่างนี้ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือมันมากเกินไปสำหรับผม ผมรู้สึกว่าก้าวก่ายมากเกินไปแล้วก็ไม่เคารพกันมากเกินไป เพราะฉะนั้นในเมื่อ ผมติดต่อไปหาปิ๊กแต่แม่ปิ๊กกลับมาพิมพ์ในข้อความในส่วนตัวของปิ๊กที่พิมพ์กลับมาหาผมแบบนี้ เพราะฉะนั้นผมจึงเลือกที่จะบล๊อคและเลือกที่จะไม่คุย"
เมื่อถามต่อว่าลูกชายเข้ากับแฟนคนปัจจุบันได้หรือไม่ นักแสดงรุ่นใหญ่แจงว่าไม่มีปัญหาหรือส่งผลกระทบอะไร เพราะว่าเวลาผมคบกับแฟนผม เขาก็รู้แต่แรกแล้ว แล้วค่าใช้จ่ายในเรื่องของเงินเดือนของปิ๊กผมก็โอนให้แฟนผม แล้วแฟนผมก็จะเป็นคนโอนต่ออีกทีทีหนึ่ง
ในตัวน้องเองมีปฎิสัมพันธ์มากน้อยขนาดไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา
"น้อย เพราะว่าเราเจอกันน้อย มันแทบไม่ได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ เจอกันไม่กี่ครั้งแต่ว่าด้วยความเป็นผู้ชายกับผู้ชายผมว่ามันคุยกันง่าย คืออย่าไปคิดว่ามันจะยากเป็นดราม่าอะไร คือผู้ชายกับผู้ชายมันคุยกันง่ายแล้วก็คือยุคนี้มันเป็นยุคที่เราต้องอยู่กับความจริง นึกออกไหม คืออะไรก็แล้วแต่คือจะมานั่งคิดอะไรที่แบบเพ้อฝันหรือว่าอะไรที่มันจะเป็นความสวยงามทั้งหมด มันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะว่าชีวิตทุกวันนี้มันก็เป็นอย่างที่เราเห็นถูกไหมครับ คือผมคุยกับเขา เราก็ยอมรับกันได้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นสิ่งที่มันเป็น
ผลักดันน้องในด้านไหนบ้างคะ ด้านการเรียน ด้านไหนๆบ้าง
"ผมเคยบอกเคยคุยกับเขาว่า ผมเคยถามเขาว่าอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร เขาบอกว่า ก็ด้วยความเด็ก เขาก็ยังตอบอะไรไม่ได้ผมก็เลยบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ อยากเป็นอะไรก็เป็นไม่บังคับแต่ว่าสิ่งเดียวที่ขอเลยคืออย่ายุ่งยาเสพติด ปิ้กอยากไปเที่ยว อยากไปทำนู้นทำนี่ก็ไปคือก็เป็นเด็กผู้ชายก็นั้น แค่นั้นเองครับที่บอกไว้ ส่วนอนาคต เขาก็อยากจะเป็นอะไร ผมไม่ยุ่ง แต่ว่ามีอะไรที่ช่วยได้ก็จะช่วย (อย่างที่ส่งเสียกำหนดไว้อายุเท่าไหร่) 20 ในเรื่องของเงินเดือนมันคือ 20 ก็ในเรื่องของค่าเล่าเรียนก็ถึงจบปริญญาตรี" บิ๊กกล่าวปิดท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง