'เจมส์ มาร์' ไม่หวั่นอาถรรพณ์เบญจเพส

         ใกล้เบญจเพสเต็มทีสำหรับ พระเอกหนุ่ม เจมส์ มาร์ ที่วันเกิดปีนี้จะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ได้สอบถามว่าหวั่นใจเรื่องอาถรรพ์เบญจเพสบ้างไหม ในงานแถลงข่าวเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 6 ที่ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท ได้ความว่า

          "ไม่ถึงกับกลัวแต่ก็ไม่ลบหลู่ผมพยายามคิดว่าช่วงเบญจเพศเป็นช่วงที่ทุกคนจะต้องเจอ ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าปีนี้ของผมจะออกมาเป็นรูปแบบไหนก็ตามก็จะใช้ชีวิตอย่างระวังให้มากที่สุด แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างระวังที่สุดไปในตลออชีวิต ไม่ใช่คิดว่าปีนี้เบญจเพศแล้วจะทำทุกอย่างให้มันแตกต่างกันไป ก็จะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม แต่อาจจะแตกต่างคือถ้ามีผู้ใหญ่ทักว่าควรจะไปวัดนี้ ไปแก้เคล็ดไปทำนู่นทำนี่เพื่อเป็นการแก้เคล็ดก็คงทำ (มีใครทักบ้าง) นี่เป็นกลุ่มแรกเลยที่มาทักเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องดีที่มีคนทักเราเรื่องเบญจเพศ มันทำให้เราได้เรียนรู้และได้เตือนตัวเองว่าเราควรจะใช้ชีวิตให้ควรระวัง เพราะส่วนใหญ่คนอายุ 25 เหมือนเป็นวัยรุ่นที่ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อาจจะมีการทำตัวหรือการใช้ชีวิตที่ไม่ลงตัว (เคยคุยเรื่องนี้กับพวกรุ่นพี่บ้างไหม) เอาจริงๆ ผมไม่เคยคุยเรื่องนี้กับใครเลย ไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคิดมากแต่ถ้าถามว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญไหม ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะว่ามีหลายเหตุการณ์ของหลายๆ ท่านที่ผมเคยได้ยินมาบ้างว่าช่วงเบญจเพศ บางท่านก็ประสบความสำเร็จ บางท่านก็เจออุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นถ้ามีผู้ใหญ่ท่านไหนทักว่าให้ไปทำบุญที่นี่ ให้ดูแลตัวเองอย่างนี้ เราก็คิดว่าการที่ทำไว้เป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าเกิดมีท่านไหนแนะนำเราก็ไปอยู่แล้ว"

         นักแสดงหนุ่มยังกล่าวต่อว่าปกติในวันเกิด ก็จะทำบุญกับที่บ้านก่อนในช่วงเช้า แล้วจึงไปทำงานช่วงบ่าย กลางคืนก็มากินข้าวกับที่บ้าน

         "ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าวันธรรมดา อาจจะมีพบปะกับแฟนคลับนิดหนึ่ง ขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรวันเกิดเราให้ทั่วถึงมากที่สุดไม่ว่าจะเพื่อนตอนสมัยเรียน ทีมงาน ทุกๆ คนในอินสตาแกรม ก็ขอบคุณทุกคน อย่างปีนี้ก็คงจะเหมือนปีที่ผ่านๆ มา เช้าทำบุญ ทำงานเสร็จก็กินข้าวกับพ่อแม่ (ปีนี้ตั้งใจซื้อของขวัญพิเศษให้กับตัวเองบ้างไหม) ยังไม่ได้คิดเลย ยังไม่มีว่าจะทำอะไรเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เรามีก็ค่อนข้างที่จะครบสำหรับการดำเนินชีวิตได้แล้ว (ขอพรให้มีคนดีๆเข้ามาในชีวิตบ้างไหม) อันนั้นขอทุกวันอยู่แล้ว (หัวเราะ) ขอให้เพื่อนๆที่ดี พี่ๆ น้องๆ ดีๆ เข้ามาในชีวิตจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันนานๆ ถ้าเราจะมีความรักทั้งทีก็อยากให้มีความรักที่ดี เราคงไม่อยากรีบร้อนกับเรื่องตรงนี้ ถ้ารีบร้อนแล้วเกิดผิดพลาดไปก็มีแต่ความเสียใจ ยอมรับว่าค่อนข้างกลัวจะเจอความรักที่ไม่ดีนะ ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะเจอแล้วเราไปเร่งจะทำให้ความรักครั้งนั้นไม่ดี เรารอก็ได้ เราอยู่คนเดียวก็ได้ เล่นกับแมวไปก่อนก็ได้ ด้วยนิสัยผมเองเป็นคนที่กลัวความผิดหวัง กลัวทำให้คนรอบข้างผิดหวังด้วย เป็นคนที่คิดเยอะเรื่องนี้มากๆ อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทุกวันนี้ยังโสดอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เราจะเก็บมาคิดทุกคืนนะ เป็นเรื่องที่นานๆจะคิดที ก็ยังเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่โอเคเพราะเรายังมีความสุขอยู่" เจมส์ กล่าว 

         เมื่อถามถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้มีหลายคนมีโฟกัสเรื่องนามสกุล ว่าเป็นครอบครัวมีฐานะถึงขั้นเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน ซึ่งหนุ่มเจมส์ตอบเรื่องนี้ว่า

          "คือหลายๆ ท่านอาจจะพอทราบเรื่องนามสกุลของผมบ้าง สาเหตุที่ผมไม่ได้ใช้นามสกุลนี้ในวงการบันเทิงเพราะว่า ตอนที่เข้าช่อง3 ตอนที่ไปเจอพี่เอ (ศุภชัย) การที่นักแสดงคนหนึ่งจะมีชื่อเรียกแล้วทุกคนจำได้มันเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะมีชื่อเล่นและก็ชื่อจริง แต่บังเอิญชื่อจริงของผมชื่อเจมส์ คือเรามีชื่อแล้วก็นามสกุลเลย พี่เอก็เลยถามว่านานสกุลจีนของพ่อคืออะไร เพราะฝั่งพ่อเป็นคนจีน ก็เลยบอกว่ามาร์ เขาก็เลยใช้ชื่อนี้ในวงการบันเทิง (มีคนถามเยอะไหม) นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนถาม ผมอยู่มาห้าปีไม่มีใครถามเรื่องนามสกุลผมเลย คือที่บ้านผมเป็นครอบครัวใหญ่ ได้ปรึกษากับพี่บ้าน พี่เอก็ได้คุยกับที่บ้านขออนุญาตใช้ชื่อนี้นะ เวลาไปทำอะไรก็ตามเราก็ไม่อยากให้ไปกระทบกับธุรกิจที่บ้าน ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่มากๆ ผมก็เหมือนเป็นหลานคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย 

          (หลายๆคนไปโฟกัสว่าเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่างเลย) อันนั้นก็เป็นส่วนที่ครอบครัวทำ แต่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง  ผมก็ทำงานด้วยตัวเองหาเงิน สร้างชีวิตด้วยตัวเอง ส่วนที่บ้านเราก็โชคดีที่ได้เกิดมาครอบครัวใหญ่ มีพี่น้องเยอะ นอกเหนือจากนั้นเราก็เป็นแค่หลานคนหนึ่ง พ่อทำธุรกิจจริงไหมจริง แต่ว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องเพราะฉะนั้นอย่าไปโฟกัส ผมก็เป็นผมแบบนี้มาห้าปีแล้ว" เจมส์มาร์ กล่าวปิดท้าย