บันเทิง

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"มาร์กี้" ราศรี บาเลนซิเอก้า จิราธิวัฒน์ เปิดใจกับหลายบทบาทหน้าที่ หลังการแต่งงานกับ "ป็อก" ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์

    หายจากงานละครมาพักใหญ่ หลังจากแต่งงาน ล่าสุดละครเรื่อง “บ่วงรักซาตาน” ที่ “มาร์กี้” ราศรี บาเลนซิเอก้า จิราธิวัฒน์ เล่นร่วมกับ “โดม” ปกรณ์ ลัม ก็ลงจอให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง แถมความพิเศษของเรื่องนี้คือ “มาร์กี้” ต้องแสดงร่วมกันกับ “ป็อก” ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ สามีหนุ่มอีกด้วย วันนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับสาวมาร์กี้ถึงการเล่นละครเรื่องนี้

    @@การทำงานร่วมกับ “โดม”เป็นยังไงบ้าง
    “เป็นครั้งแรกที่เราทำงานร่วมกับพี่โดมเคยเจอพี่โดมจัดอีเว้นยังไม่เคยถ่ายละครด้วยกันเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกซึ่งการทำงานก็สนุกดีนะเราเคยเห็นแต่ในข่าว แล้วก็ได้ดูพี่โดมที่เล่นละครเราก็อยากรู้เหมือนกันนะ ว่าเป็นเหมือนในข่าวหรือเปล่า ที่บอกว่าพี่โดมเล่นแข็ง ซึ่งตอนที่เราได้ดูผลงานพี่โดมเราก็ได้ดูผ่านผ่านแล้วอีกอย่างเราเองก็ไม่ใช่เป็นนักแสดงที่ เก่งกาจขนาดนั้นเราก็ดูแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าพี่เขาแข็ง เราก็รู้สึกว่าพี่เขาก็เล่นโอเค แล้วพอได้มาทำงานด้วยกันจริงๆที่โดมเล่นดีกว่าที่เราเคยดูด้วยซ้ำ เขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆมันก็เลยทำให้เราสนุกเวลาทำงานร่วมกัน พอพี่โดมเขาเป็นคนที่มีความตั้งใจ กับการแสดง แล้วพี่โดมเขาก็ไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) ด้วย คือเขาเตรียมพร้อมเพื่อการนี้”
    @@ การทำงานเข้าขากันได้ดีใช่ไหม
    “หนูว่าดีนะเพราะเราไม่มีกรอบด้วยกันทั้งคู่ ตอนแรกเราก็ยอมรับว่าเราค่อนข้างกังวลว่าพี่โดมเขาจะขี้เกียจไหม เขาจะมีก่อเป็นของตัวเองที่ทำให้เราเข้าถึงยากหรือเปล่าแต่พอได้ร่วมงานด้วยได้เล่นด้วยแล้วเขาไม่มีเขาเป็นนักแสดงปกติ และถือเป็นนักแสดงที่มีความเป็นมืออาชีพคนหนึ่ง”

 

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

 


    @@ แต่ในกอง เรามีโดมเป็นพระเอกในจอแต่ก็มีพระเอกนอกจอร่วมงานด้วย งงไหม
    “งงนะเพราะมันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องทำงานอะไรแบบนี้ ที่เราต้องทำงานกับคนที่เราเป็นแฟนด้วย และในเรื่องเขาเล่นเป็นตัวร้ายด้วย ซึ่งมันก็ยากแต่หนูว่ามันง่ายกว่าการที่เราจะเล่นเป็นพระเอกนางเอกด้วยกัน คือเราไม่ชอบหนูเป็นคนไม่ชอบทำงานกับคนที่เราสนิทมากๆ ทั้งเพื่อนที่สนิทมากๆหรือเป็นแฟนกันเราจะไม่ชอบทำงานด้วยนอกจากจะเป็นละครแนวคอมเมดี้ แล้วก็ห้ามเล่นเป็นพระเอกนางเอกด้วยกัน เล่นแบบรักกัน เราไม่ชอบ ตรงนั้น แต่สมมุติว่าถ้าในเรื่องเล่นเป็นเพื่อนกัน หรือเป็นแนวคอมเมดี้ มันดีเพราะว่าเรารู้จักเราสนิทกันแล้ว มันจะเข้าขารับส่งกัน แต่ถ้าเล่นเป็นแบบหวานๆ หรือเล่นตีกันหรือเล่นอะไรประมาณนี้ เรารู้สึกว่าสมาธิไม่ได้มันจะยาก 
    ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้หนูเล่นยากเวลาที่ต้องเข้าฉากกับเขา (ป็อก) เพราะว่าเราต้องสมาธิตัวเอง 1 2 คือการแบ่งสมาธิอีกส่วนหนึ่งไปดูเขาว่าเขาเล่นเป็นอะไร เหมือนเราต้องวิเคราะห์ ว่าเขาเล่นเป็นยังไงและต้องแก้ตรงไหนแล้วก็ต้องคอยมาบอกเขาเหมือนทำ 2 หน้าที่ เพราะเราก็อยากให้เขาทำผลงานออกมาดี ถ้าเราช่วยได้เราก็อยากช่วย ทำให้เราต้องทำหลายหน้าที่มันเลยเป็นเรื่องยากสำหรับเรา เพราะมันต้องทำ 2 หน้าที่ในหนึ่งเดียว โดยปกติเวลาเราเล่นกับนักแสดงใหม่ๆเราก็จะคอยช่วยบอกในสิ่งที่เราเคยได้รับประสบการณ์จากรุ่นพี่นักแสดงคนอื่นๆตอนที่เราร่วมงานแต่กลับหรอกเราแค่ดูแลเป็นพิเศษหน่อยและอีกอย่างหนึ่งคือละครเรื่องนี้ไม่มีแอ็คติ้งโค้ช ถ้าสมมุติว่าละครเรื่องไหนที่มีแอ็คติ้งโค้ช เราก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ แอ็คติ้งโค้ช เราก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือทำงานทับซ้อนกับคนอื่นอยู่แล้วแต่ด้วยความที่เรื่องนี้ไม่มีแอ็คติ้งโค้ช มันเลยต้องกลายเป็นว่าเราต้องช่วยเขาไปด้วย เขาก็มีฟังบ้างเถียงบ้างเหมือนกันมีแอบดื้อนิดหน่อยๆแต่ก็เป็นปกติ”

 

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

    @@ มีแนะนำให้แบบส่วนตัวไหม
    “ก็จะมีบางทีที่เขาต้องเข้าฉากโดยที่ไม่มีเราก็จะเทรนเขามาจากที่บ้าน ก็จะเอาบทมาดูว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องถ่ายฉากไหนเล่นยังไงบ้าง ถ้าฉากไหนที่ยากจริงๆเราก็จะมีการจำลองจะจำลองเหมือนถ่ายจริงมีบล็อกกิ้งให้เลย ถ้าในฉากต้องมีคนเล่นด้วยกันกับเขาเราก็จะเป็นเล่นเป็นคนๆนั้นให้เรียกว่าจำลองแบบเหมือนจริงไปเลย เพราะว่าเราอยากให้เขาชินกับการแสดงเพราะการเล่นละคร ไม่ใช่แค่ว่าจำบทได้ แต่มันมีหลายอย่างคือคุณต้องมีสติมาก คืออย่างแรกต้องจำบทให้ได้ต่อมาคือคุณต้องเชื่อในสิ่งที่พูดออกมาจริงๆโดยไม่ได้พูดจากความจำ แต่มันต้องพูดจากความรู้สึกมันต้องมีจังหวะ”
     @@ มาถึงหน้าที่ของการเป็นภรรยาบ้าง
    “ก็ปกติไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากเหมือนเดิม เพราะว่าเราอยู่ด้วยกันทุกวัน มีทำงานด้วยกันด้วยซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะเราก็แบ่งหน้าที่กันชัดเจนเพราะคนเราถนัดไม่เหมือนกันก็เลยแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจนเรื่องของ เรื่องของการแต่งงานไม่มีผลต่อชีวิตกี้ แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย ยังเหมือนเดิม แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำอะไรทุกอย่างด้วยกันพร้อมกัน มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าธรรมชาติของคนไม่ได้ถูกสร้างมาให้เหมือนกันเป๊ะเป๊ะเราไม่สามารถหิวพร้อมกันได้ เราหิวแล้วจะไปบังคับให้เขาหิวไม่ได้ หรือเขาจะบังคับให้เราไม่หิวมันก็ไม่ได้ ของแบบนี้มันต้องเข้าใจนะมันเป็นปกติ เราต้องเข้าใจว่าธรรมชาติคนเราไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกันมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับได้ แต่อาจจะมีการขยับเขยื้อนได้เป็นปกติ มันไม่มีอะไรที่พอดีกัน แต่เราสามารถมาเจอกันได้ตรงกลาง”

 

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก


    @@ คิดไหมว่าการแต่งงานเร็วจะมีผลต่อการทำงานของเราไหม
    “ไม่น่าจะมีผลแต่ของแบบนี้เราก็พูดไม่ได้ถ้ามันจะมีผลเราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานเราก็คิดแล้ว อย่างถ้าเราคิดว่าเราจะไม่สนใจชีวิตส่วนตัวเลย ทำงานมีชื่อเสียง มีแฟนคลับห้อมล้อมหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้ววันหนึ่งหาก เราอายุ 40 ปีก็ต้องยอมรับว่าตรงนั้นก็จะหายไป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็ว แต่มันก็ต้องหายไปหักหากสุดท้ายแล้ว เราไม่เหลือใครเลย สิ่งเดียวที่เราเหลืออยู่คือชื่อเสียงแต่มันก็ค่อยๆหายลงไป สุดท้ายเราไม่เหลืออะไรเลยอยู่คนเดียวมันให้ความรู้สึกเหมือนโดนทิ้ง ดังนั้นเราจะต้องเอาชีวิตส่วนตัวและเรื่องของ ครอบครัวเป็นหลัก ที่เหลือคือเราทำงานเพื่อจะได้มีอาชีพ แล้วก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นก็แล้ว ชื่อเสียงมันเป็นเพียงโบนัสจากอาชีพที่เราทำ จะได้มากได้น้อยอันนั้นก็ เราไม่อยากที่จะ ยึดติดกับชื่อเสียง, คู่จิ้น หรือกรอบที่คนดูเขาสร้าง เราต้องเลือกความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ปกติ”
    นี่แหละ!! ตัวตนของสาวมาร์กี้ในวันนี้ 

 

 

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

'มาร์กี้' เปิดใจใน 'บ่วงรักซาตาน' เป็นมากกว่านางเอก

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ