มาทำความรู้จักกับ "จ้อย" ทนายหน้าหอของ "พี่หมื่น" จากละครเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" บอกเลยดีกรีไม่ธรรมดา
โด่งดังตามกันมาติดๆ สำหรับ “จ้อย” หนึ่งในนักแสดงสุดฮอตของละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” หลายคนชื่นชมการแสดงที่แสดงออกมาได้น่ารักและน่าเอ็นดู “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสได้คว้าตัวหนุ่ม “โมสต์” วิศรุต หิมรัตน์ ที่เพิ่งเดินทางกลับมาเมืองไทยหมาดๆหลังจากตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกา
@ สาเหตุที่ตัดสินใจเดิินทางไปต่างประเทศ
ผมไปเรียนภาษาอังกฤษนะ เพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่นู้น ซึ่งพอผมถ่ายละครเรื่องบุพเพสันนิวาสเสร็จผมเดินทางไปเลยนะ ผมอยากไปตั้งนานแล้ว สมัยที่เรียนหนังสือแล้ว แล้วเหลือแค่บุพเพฯ ผมคิดว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะ
@ ดูเหมือนตัดสินใจหันหลังให้วงการเพื่อที่จะไปเรียนต่อ
ผมไม่คิดว่าจะเลิกนะ แต่หมายความว่ารู้สึกว่าตอนนั้นผมก็ไม่ได้ดราม่านะ ทำไมฟ้าทำกับเราแบบนี้ (ทำงานมานานแต่ไม่ดัง) ไม่ใช่ว่าดังสักที ผมไม่ได้โฟกัสกับความดังผมแค่อยากทำอาชีพนี้แบบว่าทำอาชีพนักแสดงแต่มีกิน คือสามารถใช้ชีวิตด้วยการประกอบอาชีพนี้ได้ เพราะว่าผมเรียนการแสดงมาจากมศว. ซึ่งผมเข้าใจว่าต้องการความดังมันถึงจะอยู่ได้ ก็เลยคิดว่าอะไรหลายๆ อย่างไม่ลงตัว เราเรียนจบมาแล้ว เราจะ 24-25 แล้ว เพื่อนๆ เปิดธุรกิจทำอะไรกันแล้ว เราควรจะหาอะไรที่ทำให้เขาสบายใจและเขาตั้งคำถามแล้ว หาอะไรเป็นหลักประกันให้กับชีวิตตัวเอง ผมไม่ได้ยอมแพ้หรืออะไรเลยนะ ผมคิดแค่ว่าหาอะไรให้ตัวเองได้แล้ว
@ เมื่อเจอคำถามจากที่บ้านว่าต้องการทำอาชีพอะไร ตอบไปว่าอย่างไร
เขาไม่ได้ถามว่าทำอาชีพอะไร เขาถามว่าจะทำอะไร ผมก็ตอบไม่ได้เลย คือเราเรียนมา 4 ปี แล้วเราทำงานต่ออีก 2-3 ปีเพราะเรารู้ว่าเราทำได้ และเราโอเคที่ได้อยู่กับมันมากๆ ผมพร้อมที่จะหมกหมุ่นไปกับผม ก็ตอบไม่ได้ที่บ้านมีธุระกิจอะไรแบบนี้นะ อย่างน้อยไม่รู้จะทำอะไร เราตามรอยเขาไปก่อน คือถ้าพูดอีกอย่างเราใช้สมองฉีกซ้ายมาตลอดเกี่ยวกับศิลปะ ผมอยากไปเรียนเพื่อพัฒนาสมองซีกขวา ให้เราได้มีทักษะ ตอนที่บอกที่บ้านว่าจะไปเรียน คือจริง ๆ ผมอยากพักเรื่องการแสดงก่อน เราทำมาตั้ง 6 ปี รู้สึกว่าเราวนๆ อยู่ตลอด เราไม่มีละครโทรทัศน์เราไปเล่นละครเวที พักดูก่อนแล้วลองไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายเลย
@ ตอนที่ตัดสินใจไปเรียน มองถึงความต่อเนื่องการรับงานในวงการไหม
จริงๆ ตอนนั้นผมก็ปลงแล้วนะ (ยิ้ม ) ปลงคือเข้าใจว่า คือยอมรับความจริง ก่อนหน้านั้นมันจะบ่นมาก เรามาถึงจุดที่ว่ามาหาหลักประกันให้ชีวิตก่อนดีกว่า แล้วพอมันโอเคไม่ต้องมาพะวง เรื่องกินอยู่ เราก็มาทำสิ่งที่เราชอบได้ ผมกลับไปเล่นละครเวทีโรงเล็กได้ เพราะว่าทุกคนที่เล่นละครเวทีโรงเล็กก็เป็นครู ผมไม่คิดว่าตัวเองอยากจะดังอะไรมากนะ ดังนะดีมันเป็นกำลัง ผมต้องการได้ทำสิ่งนี้ ที่ปลงคือทำไมผมไม่ประสบความสำเร็จสักทีล่ะ ความสำเร็จของผมคือการทำอาชีพนี้ได้อย่างสบายใจ ที่บ้านไม่ต้องคำถาม ช่วงหลังๆ มันเริ่มว่าจะมีงานบ้างไม่มีงานบ้าง แล้วเรารู้สึกไมปลอดภัยกับชีวิตและมันก็เริ่มฟุ้งซ่าน
@ เมื่อบ้านดูมีฐานะ ทำไมต้องเครียดเรื่องรายได้ด้วยละ
บ้านเรามีอันจะกินแต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เรากินตลอดไปนะ (ยิ้ม) เขามีให้เรากินเขาเหนื่อยมากนะ วันหนึ่งที่เขาไม่ไหวจะเหนื่อยแล้ว เราจะกินอะไร ไม่เกี่ยวว่าจะจนหรือไม่จนหรอก อายุเท่านี้เรียนจบมาแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่างได้แล้ว และช่วงปีหลังผมใช้เงินแม่ทั้งปีเลย เขาก็จะถามตลอด จะทำอะไรดี มันขึ้นหรือลง เพื่อนถามว่าจะมีอะไรให้ดู เราไม่รู้เหมือนกัน
@รายได้ที่ได้รับคุ้มค่ากับสิ่งที่ตั้งไว้มากน้อยขนาดไหน
ตอนมีก็มีนะ ตอนจนก็จนนะ (ยิ้ม) ก็ปีหนึ่งไม่มีรายได้เลยนะ ผมเล่นละครเวทีนะ 3 เดือนได้ 9 พันคิดว่าจะพอกินไหมล่ะ ตอนเรียนจบใหม่ ตอนนั้นมีซิทคอม มีละครน้องใหม่อยู่บ้านรอถ่ายละคร เพื่อนส่งเรซูเมกันยกใหญ่ พอเวลาผ่านไปเพื่อนมีงาน เรานอนอยู่และละครที่มีก็เริ่มหมดล่ะ (หัวเราะ)
@แล้วการไปใช้ชีวิตที่อเมริกาเป็นอย่างไรสมใจเรามากน้อยขาดไหน
เอาจริงๆ ผมอยากไปดูโลกนะ การไปเรียนผมได้อะไรกลับมาเยอะแยะนะ ผมได้หยุดได้พักและได้คิดทบทวนว่าทำไมเราไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากได้ ทำไมสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่เราคาดตั้งใจไว้ เรารู้ตัวและข้อเสียของเราในวันก่อน ผมไปทั้งหมด 7 เดือนนะ ผมไปตั้งแต่ต้นก.ย.ปีที่แล้ว การใช้ชีวิตของผม ผมรู้เลยว่าโฮมซิกเป็นแบบนี้เอง ยากกว่าที่เราคิดไว้มาก ตอนทำวีซ่า ผมสู้มาก หลังๆ ดีขึ้นชินอยู่ได้ผมอยากกลับบ้านอยู่ 5-6 เดือน พอเดือนที่ 7 บินกลับไทยแล้ว
@ คาดหวังในบุพเพสันนิวาสมากน้อยขนาดไหน ว่าจะให้เรามีชื่อเสียงมากขึ้นไหม
ผมรู้สึกว่าคนที่ละครตัวเองกำลังจะออน คาดหวังบ้างนะ คงมีกระแสเนอะและเรื่องนี้เป็นละครยาวเรื่องแรกที่ได้ทำกับโปรดักชั่นจริงๆ แล้วก็คิดเหมือนคนทั่วไป พอมีละครก็โปรโมทหน่อย ใครจะรู้เนอะ
@การแสดงในเรื่องนี้หลายคนมองว่าถึงจะออกมาน้อยแต่ฟีคแบคดี
น้อยนะ แต่ว่ากว่าจะออกมาน้อยๆ แบบนี้มันก็เยอะนะ ผู้กำกับบอกว่าอยากให้ตัวของจ้อยเป็นตัวแทนของคนที่ดูทีวี อยากให้รู้สึกว่าในตรงนั้นมันรู้สึกอย่างไร จ้อยมันจะเป็นติ่งเนื้องอกในสถานการณ์นั้น ยากนะพูดแต่ขอรับ แต่วันไหนเบลอไหนก็ หรอครับ พูดสองคำยังพูดผิดเลย
@ ถามถึงแฮชแทกกรุงศรีคิ้วบอยรู้สึกอย่างไร
ก็เขินนะ ผมดีใจนะที่มีคนนิยามอะไรในตัวเรา (คิดไหมว่าจะมีคนพูดถึงเราไหม) ไม่ได้คาดหวังเลย เล่นตามหน้าที่ของเราไป มันมีบทที่ท้าทายความสามารถของเรา ไม่ได้รู้สึกว่ามาทาฟันดำทั้งปีเลย ผมมองว่าละครเรื่องนี้เป็นความยิ่งใหญ่ที่เราต้องลุยไปนะ ยังไม่มีเวลาให้ปลาบปลื้ม เพราะตอนที่ทำงานผมจะกลัว ๆ ออกมาไม่ดี ความยากของละครยาวเรื่องแรกคือความยากที่เจอผู้ร่วมงานเก่งๆ
@ ถ้าสมมุติมาเล่นแล้วไม่มีคนพูดถึงจะล้มเลิกเส้นทางสายนี้ไหม
ถ้าไม่มีคนพูดถึงผมคงไม่เก็บเสื้อผ้ามาเมืองไทยหรอกนะ (ยิ้ม)
@ เตรียมรับมือกับความดังอย่างไรบ้าง
ไม่รู้เลยไม่เคยดังมาก่อน ก็ไม่รับมือไง มีอะไรเข้ามาทำให้ดีที่สุด จงขอบคุณตัวเองที่แบบว่าแต่ก่อนตั้งใจและทำออกมาดีที่สุด ถึงแม้มันอาจจะไม่เห็นผลมาช่วงหนึ่งแล้ว แต่เฮ้ยพอคนเห็นเราเขาก็ไปตามหาสิ่งที่เราทำมา ขอบคุณที่รักจริงๆ มันอาจจะออกดอกช้าหน่อย (บุพเพฯทำให้ชีวิตเปลี่ยน)ก็ใช่นะ
@ ความรักเป็นไง
ยังไม่มีนะ แต่ผมก็ 25 ปีแล้วนะ คนเราก็มีคนคุยนะบ้าง
อีกหนึ่งนักแสดงที่อนาคตไกล
เรื่อง : ภัทรวรรณ สุนทรธนานุกูล
ภาพ : ณัฐชา งิ้วทอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง