‘ชมพู่’ ปรี๊ด!! ถูกฉวยโอกาส

          ทำเอาเซ็งสุดๆ เพราะหุ่นเซียะเป็นเหตุแท้ๆ เลยโดนแอบอ้างไปประกอบสินค้ากางเกงลดน้ำหนักล่าสุดมีโอกาสเจอคุณแม่ลูกแฝด "ชมพู่" อารยาในงานซัมซุงเปิดตัว “กาแลคซี่ เอส 9 และ เอส 9 พลัส” ที่ GMM Live House ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เลยรีบอัพเดตเรื่องราวได้ความว่า

         “จริงๆ คนแรกที่ส่งให้ชมเห็นคือเทรนเนอร์เรา เขาคงโมโหแทนเพราะเขาเป็นคนเทรนเราเอง เราก็ส่งให้ผู้จัดการดู ตอนแรกยังเก็บไว้เฉยๆ แต่เขายังไม่เอาลง ส่วนที่ว่าในคอมเมนต์ดูเดือดๆ คือเราเจอเคสแบบนี้ค่อนข้างเยอะ เหนื่อยจะจัดการเอาเรื่องราว เพราะเรามีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกเยอะ แต่มันน่าโมโหนิดหนึ่ง เพราะเรารู้สึกไม่อยากให้คนอื่นถูกหลอก (จะมีมาตรการจัดการยังไงไหมเพราะเดี๋ยวเขาได้ใจ)เอาเป็นว่าชมไม่พูดแล้วกันว่าชมจะทำอะไร เดี๋ยวว่ากันอีกที (มีคนเชื่อที่เขาโพสต์แอบอ้างไหม) ไม่รู้ แต่เห็นหวานเจี๊ยบ(ผู้จัดการ) บอกว่ามีคนไปคอมเมนต์ ไปซื้อเขา กางเกงบ้าอะไรใส่แล้วลด งง (ได้รับความเสียหายยังไงบ้าง) มันคือการแอบอ้าง ต้องเข้าใจว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าพูดกันตามหลักแบบเชิงพาณิชย์จริงๆ คือคุณเอาเราไปทำแบบนี้ เรามีมูลค่านะ เราสร้างตัวเราเองมา ตัวเราเหมือนเป็นแบรนด์หนึ่ง เราออกกำลังกายมาเพื่อให้ร่างกายเราฟิต เฟิร์ม แข็งแรง กลับสู่สภาพเดิม ไม่ใช่เพื่อให้คุณเอาไปฉกฉวยผลประโยชน์ทางการค้าของคุณ คือถ้าคุณอยากเอาไปใช้ก็ติดต่อเรามา เพื่อให้เป็นเรื่องราวแบบมืออาชีพ ถามว่าเสียหายไหม คือบางคนอาจจะมองว่าไม่เสียหาย แต่ถ้าคุณมองในเรื่องของธุรกิจ มันไม่ใช่ นี่คือการฉวยโอกาส (ผู้ที่ทำได้มีการติดต่อมาหาเราไหมเพื่อเคลียร์)ไม่มี ส่วนหลังจากออกข่าวแล้วเขาจะยังทำไหม ชมคิดว่าเขาคงเผ่นมั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกตรงๆ คงให้คนอื่นตามให้เรื่องนี้ เราคงไม่ได้ตามเอง (อยากบอกอะไรถึงคนที่ฉวยโอกาส)พูดแบบรวมๆ การทำธุรกิจในลักษณะที่ไม่ซื่อตรง ไม่โปร่งใส่ มันก็จะได้ประเดี๋ยวเดียว ต่อให้ได้อะไรเป็นกอบเป็นกำ เรื่องเวรกรรมมีจริง ชมเชื่อเรื่องของการทำธุรกิจและมีจรรยาบรรณด้วย อันนี้ก็คิดว่าไม่รุ่ง คือโกรธตรงที่บอกขึ้น 20 โล” ชมพู่กล่าว

         เมื่อถามถึงสาเหตุที่ไม่ได้ไปร่วมงานบอลช่อง 3 ซึ่งนักแสดงสาวแจงว่า “ก็ป่วย และอีกอย่างปีนี้ชมไม่ได้มีละครด้วย ไม่มีผลงาน เลยแจ้งทางผู้ใหญ่ไว้ตั้งแต่แรก (หลายคนคิดว่าเป็นเพราะจะหมดสัญญาพอดี)เอาจริงๆ ชมยังไม่รู้เลยว่าชมหมดสัญญาเมื่อไหร่ เราไม่ได้โฟกัสตรงนั้น คือว่างเราก็ไป เราอยู่กันไม่ได้โฟกัสกับกระดาษมากมาย ชมก็อยู่ของชมแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราสนุกแบบนี้ ชีวิตมันผ่านอะไรมาเยอะแยะ ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องมานั่งนับว่าเหลืออีกกี่วัน ต้องทำงานเท่านั้นเท่านี้ และเท่าที่เคยคุยไว้ จริงๆ ทางช่อง 3 ค่อนข้างจะสบายมาก ต่อให้เซ็นจริงๆ ก็ไม่ได้มีข้อกำหนดซีเรียสจริงจังมาก เพราะผู้ใหญ่ค่อนข้างจะเปิดให้กับเด็กๆ แต่ละคนว่าใครสะดวกหรือสบายใจแบบไหนอย่างปีที่ผ่านมา สัญญาฉบับที่ชมเคยเซ็น ไม่ได้เซ็นในลักษณะบังคับว่าต้องทำเท่านั้นเท่านี้ เพราะผู้ใหญ่เข้าใจว่าเรามีครอบครัว คืออยากอยู่แบบนี้ ไม่กดดันว่าชมต้องทำให้ช่อง เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราติดภารกิจอะไรและจะทำให้ช่องไม่ได้ ก็จะกังวลใจ คือถ้าเวลาตรงกัน บทได้ เราก็เล่นค่ะ และก่อนจะเล่นคิวปิด ก็มีคุยกับผู้จัดไว้บ้าง เขาว่าพร้อมก็อยากให้กลับมา เพราะชมเองยังให้ไทม์ไลน์ที่แน่นอนกับผู้จัดแต่ละท่านไม่ได้ (ตั้งใจจะพักละครกี่ปี)ความตั้งใจของชมคือขวบปีแรกของลูก นี่ก็ผ่านมา 6 เดือนแล้ว เดี๋ยวอีก 6 เดือนค่อยว่ากันอีกที” นักแสดงสาวกล่าว

          ชมพู่ยังกล่าวต่อว่าตอนนี้ยังสนุกกับการเลี้ยงลูก ส่วนเรื่องงานก็มีคิดถึงบ้าง “บางทีเปิดไอจีเห็นคนกองถ่าย ที่เราคุ้นเคยก็คิดถึง แต่ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของลูกเหมือนกัน เราไม่อยากพลาด คือละครเอาเวลาเราไปเยอะจริงๆ บางเรื่องถ่ายเป็นปี เช้าจนค่ำ หน้าลูกก็คงไม่ได้เจอ แล้วเด็กคือเปลี่ยนทุกวัน ช่วงนี้ก็สำคัญ (แล้วเรื่องที่เราเพิ่งกลับมาจากปารีส แล้วมีคนไปเขียนโพสต์ว่า เห็นดาราซุปตาร์ออกจาก ตม. ไม่ถูกขั้นตอน มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง คอยบริการ เหมือนได้สิทธิพิเศษ ไม่โดนตรวจกระเป๋าทั้งที่หลายใบ คนเลยโยงว่าเป็นชมพู่)เอาเรื่องตรวจก่อน จริงๆ ชมเคยโดน คือมันเป็นการสุ่ม ตาดีได้ตาร้ายเสีย แต่ส่วนไฟลท์ล่าสุดที่เพิ่งเดินทางมา ก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่เจ้าหน้าที่ช่วยเข็น ตามบริการของเขาแค่นั้นเอง (อึดอัดไหมโดนจับตาตลอด)ก็เข้าใจ แต่อันนี้ยังเซ็งน้อยกว่าเรื่องกางเกง (อยากบอกอะไรให้คนเข้าใจเรามากขึ้นไหม)คือชมก็เคยโดน ที่เป็นข่าวๆ ก็เคยมีด้วยซ้ำ ปกติ เพียงแต่มันเป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่แบบสุ่มเท่านั้น แต่เที่ยวนี้เขาอาจจะเห็นว่าเดินทางกับเด็ก ตรวจคงไม่เจออะไร อาจจะเจอกะละมัง เครื่องนึ่ง เครื่องปั้มนมอย่างนี้” ชมพู่กล่าวปิดท้าย