“กรีน”แจงเรื่องภาพคู่ธันวาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

         กำลังเป็นที่จับตาสำหรับความสัมพันธ์ “กรีน” อัษฎาพร และ ธันวา สุริยจักร ว่าเมื่อไหร่จะเขยิบฐานะมาเป็นแฟนกันสักที ได้สอบถามเรื่องความรักในตอนนี้ซึ่งสาว“กรีน” อัษฎาพร กล่าวแจงที่ช่อง7 ว่า 

         "ความรักตอนนี้ก็ดี มีความสุขดี คงไม่ต้องพูดถึงสถานะหรอก เพราะไม่ได้สำคัญที่สถานะ หรือการที่เราต้องนิยามความสัมพันธ์ว่าอะไร เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้เรามีความสุข เราดำเนินชีวิตไปแบบนี้เราแฮปปี้แล้ว (เห็นธันวา สุริยจักร เอารูปที่เฟซบุคแจ้งเตือนรูปคู่กับเราเมื่อ 3 ปีก่อน คนเลยตีความว่าเราคบกันมา 3 ปีแล้ว) รู้จักกันมา 3 ปีแล้ว เป็นแจ้งเตือนความทรงจำในอดีต ก็เป็นมุมน่ารักๆ ของเขา ตอนที่ถ่ายรูปด้งยกันนั้น ยังไม่ได้คบกัน แค่มาเล่นละครด้วยกันเป็นเรื่องแรก (ธันวาเมื่อ3ปีที่แล้วกับตอนนี้ต่างกันไหม) ก็ วันนี้ก็ดีกว่าเมื่อวาน กรีนว่าเขาโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่ รู้จักดูแลตัวเอง และมีเป้าหมายชัดเจนขึ้น (ช่วงนี้เขาโพสต์หวานบ่อย) เขาจะออกแนวศิลปินๆ หน่อย ถามว่าเราเห็นแคปชั่นแล้วรู้สึกยังไง เราก็ต้องชอบสิคะ (หัวเราะ) แต่เราก็แซวเขาด้วย แต่ก็แบบพองาม (คนมองว่าธันวาไม่ยอมใช้คำว่าแฟนกับเราสักที เราโอเคไหม) กรีนก็ยังไม่ได้ใช้นะ เพราะเราไม่ได้โฟกัสกัสว่าต้องมีคำว่าแฟน หรือคำไหนๆ แต่เรามีความใกล้เคียงกันที่เรามองที่การกระทำมากกว่า ดูที่การดำเนินชีวิตไปในทางที่ดีและเหมาะสมมากกว่า เรื่องอื่นๆ ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่เราสองคนทำให้กันและกัน (ช่วงนี้เจอกันบ่อยไหม)  ก็ประมาณหนึ่ง เราถ่ายละครสลับกัน ส่วนที่เขาโพส่ต์หวานบ่อยๆ เพื่อชดเชยที่ไม่ได้เจอหรือเปล่านั้น อันนี้ต้องไปถามเขา ตัวเราเองก็มีความสุขนะ ถือเป็นโมเม้นต์บวก ๆ สร้างพลังงาน สร้างความคิดบวกๆ และสร้างความคิดดีๆ ให้กับเรา และที่สำคัญมันไม่ได้เดือดร้อนใคร ถือเป็นพื้นที่ที่เรามีความสุข เขาก็มีความสุขก็โอเคแล้ว”

เมื่อถามต่อว่าช่วงนี้ดูเหมือนจะแฮปปี้และชัดเจนเรื่องความรักมากขึ้น ซึ่งนักแสดงสาวแจงว่า "ก็แฮปปี้มาตั้งนานแล้วนะ และชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ได้ปิด เพียงแต่ว่าเราอยู่ในที่แจ้ง เราก็ต้องให้ระยะเวลาในการเติบโต เรียนรู้ และถึงจุดที่ใช่จริงๆ เพราะถ้ามันถึงจุดที่ไม่ใช่จริงๆ คนที่เสียก็คือเราทั้งคู่ และคนในครอบครัวเรา (เจอคนในครอบครัวหรือยัง) เจอแล้ว ก็ยังไปทานข้าวด้วยกัน คุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ธันวาเขาชอบนัดแม่ไปทานข้าว ก็ไม่ถึงกับเข้าทางแม่ แต่ถ้าเขารู้สึกดีกับเราเขาก็ต้องรู้สึกดีกับครอบครัวเราด้วย ส่วนคุณพ่อเขาก็โทรหา ด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็สนิทกัน พ่อแม่กรีนเขาไม่ได้พูดอะไร จะเรียกว่าไฟเขียวไหมก็น่าจะกลางๆ มั๊ง เพราะเขาไม่ได้พูดอะไร ส่วนกรีนก็เจอทางบ้านของเขาแล้ว ก็ดีนะ ฝั่งโน้นเขาจะพูดภาษาเวียดนามกัน เราก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนใหญ่ก็ไปกินข้าวที่บ้านเพราะคุณแม่ทำอาหารอร่อย เราก็ไปเที่ยวหาเขาที่ลาว (ธันวาผ่านด่านสำหรับเราหรือยัง) ทุกวันนี้มันโอเคแล้ว เอาเป็นว่าแฮปปี้ เราอยู่ตรงไหนมีความสุขแม่เราเขาก็มีความสุข อยู่ในลู่ทางที่เหมาะสม เดินทางสายกลางจริงๆ” กรีนกล่าวปิดท้าย