น้ำตาท่วมจอ ่แก้ว' เศร้า ปกป้องลูกไม่ได้ (คลิป) 

        หลังจากจูงมือกันไปออกรายการคุยแซ่บโชว์ทางช่องวัน สำหรับ "แก้ว" อภิรดี กับ "เบลล์" เลลาณี ลูกสาวเพื่อเคลียร์ประเด็นภาพสยิว ล่าสุดได้พบกับ"แก้ว"นักแสดงรุ่นใหญ่อีกครั้งในงานบวงสรวงละคร ดาวจรัสฟ้า ที่ตึกแกรมมมี่จึงต้องถามไถ่ฟีคแบค
        “ไม่ได้มีฟีดแบคอะไร เพราะเมื่อวานพอเสร็จงานตรงนั้นปุ๊ปเราก็ไปทำงานของเราต่อทันที ถามว่าสบายในขึ้นไหม เอ่อ…คือเราก็ได้บอกความรู้สึกของเรา แต่ถ้าถามถึงความไม่สบายใจของเรา อันนี้คนอื่นเขาก็จะเดาไปต่างๆ นานา และเราเองก็คือแม่เนอะ เราดูแลลูกเรามาตลอดและรู้จักลูกสาวเราดี แต่ถ้าเราพูดมากคนก็จะมองว่าเราปกป้อง พูดเรื่องจริงก็หาว่าสร้างภาพ ดังนั้นไม่พูดดีกว่า เพราะตัดสินกันเองหมดแล้วจะมาถามทำไม ดังนั้นพี่เลือกทางที่จะเงียบและให้แต่ละคนตัดสินใจกันเองดีกว่า พี่เชื่อว่าพี่กับลูกได้พูดไปหมดแล้ว”
        กระแสที่เข้ามามันบั่นทอนความรู้สึกของเรากับลูกมากน้อยแค่ไหน ?
        “แน่นอน  ที่เสียใจนี่ไม่ต้องเดาเลยนะ ว่าเรื่องอะไร ก็คือเรื่องของคอมเมนต์ต่างๆ ถ้าหากเราไม่อ่านเราก็ไม่เสียใจหรอก แต่นี่พอลูกเราอ่านเขาก็ตกใจกับแต่ละคำที่ถูกเขียนเข้ามา ซึ่งเราเองก็มองว่ามันเลวร้ายถึงขนาดต้องใช้วาจาขนาดนี้เลยเหรอ เราเสียใจและก็สงสารลูก การกระทำของมันไม่อาจจะไม่สมควรกับที่สาธารณะ แต่จะให้ยืนยันยังไงในเมื่อโดนหมายหัวไปแล้วว่าเป็นแบบนั้น”
        ได้พูดคุยกับน้องเบลล์หลังออกมาให้สัมภาษณ์ในวันนั้นไหม ?
        “น้องเขาก็นิ่ง เพราะเขารู้ว่าว่าพี่เป็นคนคิดมากและเป็นคนที่อ่อนไหวมาก”
        ช่วงแรกที่มีข่าวออกมาได้พูดคุยกับลูกยังไงบ้าง ?
        “เรายอมรับว่าช่วงที่มีข่าวใหม่ๆ เราไม่ได้คุยกับลูกเพราะเรามีอาการหลอดลมอักเสบ เราทำได้แค่มองหน้ากันและปลอบใจกัน”
        วันที่ออกมาให้สัมภาษณ์น้องเบลล์เองก็ร้องไห้ออกมาด้วย เราในฐานะคนเป็นแม่รู้สึกตกใจหรือเปล่า ?
        “เอ่อ…คือน้องไม่ได้ร้องไห้เพราะอยากร้องไห้ แต่อาจจะเป็นเพราะคำถามมากกว่า ซึ่งเราก็บอกไม่ถูก เรารู้แต่ว่าเราเป็นแม่เราควรปกป้องได้ทุกเรื่อง แต่เราไม่ใช่แม่งี่เง่าที่ปกป้องลูกเรื่องเสีย เพราะถ้าเรื่องเสียหรือเรื่องที่ลูกขี้เกียจทำงานเรายังบ่นลูกเลย”
        แสดงว่าเราเองเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องลูกได้ ?
        “ใช่ เราไม่อยากให้ลูกรู้สึกเสียใจ บอกไม่ถูก ทำอะไรก็ผิดไปหมด เอาเป็นว่าผิดทุกเรื่องล่ะกันจบ”
        เรื่องนี้เป็นบททดสอบให้น้องได้หรือเปล่าในการเข้ามาทำงานวงการอย่างเต็มตัว ?
        “เราไม่รู้ว่าจะเป็นบททดสอบหรืออะไร แต่ประเด็นมันอยู่ที่จิตใจของคนเป็นแม่กับลูก พอแม่พูดว่าแม่เสียใจ ลูกเองก็รูสึกเสียใจ เรื่องของข่าวลูกแต่แม่โดนด่า เราเคารพทุกความคิดเห็นของทุกคน แต่คุณเคยเคารพความรู้สึกของเราสองคนบ้างไหม สังคมวันนี้เปิดเผยเต็มที่ แต่ความรู้สึกของเราก็เป็นของเรามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ โลกวันนี้กลายเป็นว่าเราต้องพูดความรู้สึกตามที่คนอยากให้เรารู้สึก ตกลงแล้วคุณอยากฟังเราพูดหรืออยากให้เรารู้สึกอย่างที่เขารู้สึก”

 

 

        นี่ก็คือสิ่งที่เราอยากจะบอกความรู้สึกออกไป ?
        “ไม่มีอะไรอยากฝากบอก เพราะถ้าวันนี้ไม่มีงานบวงสรวงละครเราก็ไม่คิดจะพูดอยู่แล้ว แต่เราก็อยากให้เข้าใจด้วยว่าเราไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรแล้ว เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพูดมันจะดีกับใครหรือว่าดีกับตัวเราและลูก เราไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใคร ในมุมมองสังคมอาจจะมองว่าเราไม่รู้จักสอนลูกให้ดีทำให้ลูกไปทำอะไรแบบนั้น แต่คุณคิดเหรอว่าคนเป็นแม่จะไม่คิดสอนลูกให้รู้จักคำว่าสาธารณะชนควรทำอย่างไร คิดว่าการแม่แค่คลอดออกมาแค่นั้นเหรอ ไม่ใช่แน่ๆ พี่เลี้ยงลูกสามคนมีอาชีพการงานที่ดี เรื่องง่ายๆ เล็กๆ แบบนี้ไม่สอน เป็นไปได้เหรอ”
        น้องเบลล์เขาท้อแท้ถึงจะอยากลาวงการเลยไหม ?
        “ทุกคนต้องมีอาชีพ แล้วน้องก็ตั้งใจที่จะทำมาหากิน เพราะเราจะพูดกับน้องเสมอว่า ถ้าหากเบลล์มีแรง เบลล์เป็นคนขยัน เป็นคนสู้ไม่ต่างกับแม่ หากวันใดแม่เกิดไม่ได้มีลมหายใจอยู่ตรงนี้ ก็อยากให้เบลล์ช่วยดูพี่ ช่วยดูพ่อ ช่วยดูแลคนที่รักเบลล์ ซึ่งพอเราพูดแบบนี้เขาก็เลยมีความมุมานะที่อยากจะมีอาชีพ และทำหน้าที่เป็นช้างเท้าหลังเหมือนกับที่พี่เป็นในวันนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องราวเหล่านี้ไม่ทำให้เขาถดถอยได้หรอก เราสตรองในสิ่งที่ควรเป็น”
        ได้คุยกับ "อาเมน เดอะสตาร์" แล้วหรือยังตั้งแต่เกิดเรื่อง ?
        “เขาเข้ามาคุยแล้ว  เมื่อคืนน้องเขาเข้ามาหาเราที่งาน ซึ่งเขายังไม่ได้ทันได้พูดอะไรนอกจากยกมื้อไหว้ขอโทษ และก็บอกว่า ถ้าหากทำให้น้องและแม่เสียใจเขาขอโทษด้วย ซึ่งปกติที่จะไม่เชื่อและไม่ไว้ใจใครที่คิดจะเข้าใกล้ลูกพี่นะ แต่ว่าอาเมนเขาเป็นเด็กดี ทุกคนในครอบครัวเรารู้สึกได้”

 

 

ภาพ "อาเมน-เบลล์" จากมิวสิควิดีโอเพลง “สักคืนได้ไหม” ของศิลปิน “เบลล์" เลลาณี”

        บอกกับเขาไหมว่าหลังจากนี้ทำอะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น ?
        “บอกอยู่แล้ว ไม่เกิดเรื่องเราก็บอก เราพร่ำพูดอยู่ทุกวัน รายละเอียดเล็กๆ เราก็สอน”
        ครั้งนี้คือการพูดครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?
        “ใช่ และก็เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนคงไม่มีอะไรจะถามเราแล้ว”
        ไว้ใจลูกของเรา?
        “เรามองเห็นอยู่แล้ว ทุกคนอาจจะมองว่าเป็นแม่ยังไงต้องเข้าข้างลูก ต้องบอกว่าลูกดี แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆลูกเรา ซึ่งเรายืนยันว่าเป็นคนดี คนดีคนคนหนึ่งจะถูกดึงจากคนไม่ดีได้หรอ เป็นไปไม่ได้ ศีลไม่เสมอกันไปกันไม่ได้หรอก”
        มีโอกาสได้บอกทั้ง 2 คนเขาไหมว่าอยู่ในวงการต้องระมัดระวังตัวมากๆ?
        “บอกอยู่แล้ว ไม่เกิดเรื่องก็บอกทุกวัน พร่ำพูดบอกไป จะไปไหนมาไหน นั่งรถระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ก่อประเด็น อย่าหยอกเล่นกัน อารมณ์ดีเกินไปในที่สาธารณะ คนเขาจะมองเอา หัวเราะเสียงแหลมเขาก็ไม่ชอบแล้ว ก็เนอะทำยังไงในเมื่อคนเขาไม่ชอบ เราสอนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ให้ตลอด”
        เกิดเป็นลูกเราต้องอดทน?
        “ไม่หรอก เราเชื่อว่าดาราโดนกันทุกคน บางคนพูดให้กำลังใจว่าคนพวกนี้วันนี้เขาด่าเรา พรุ่งนี้เขาก็ไปด่าคนอื่นต่อ เราเข้าใจ แต่ที่พูดมากยาวๆวันนี้สงสัยโดยอีกแล้วแหล่ะ เอาจริงๆพี่ก็โดนอบรมจากคนข้างๆรอบตัวเหมือนกันว่าให้จบ ไม่ต้องพูดอีก ครั้งนี้จะเป็นการพูดครั้งสุดท้ายแล้ว คำตอบไม่ได้เป็นบวกกัยพี่แน่นอนกับคอมเมนท์ที่พี่ต้องเจอ”
        เบลท้อจนถึงขั้นอยากจะลาวงการไปเลยไหม?
        “ทุกคนต้องมีอาชีพ น้องตั้งใจทำมาหากิน  เราเคยพูดกับลูกเสมอว่าแม่อายุขนาดนี้ ไม่รู้จะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้คนอื่นได้หรือไม่ ถ้าเบลมีแรง เบลเป็นคนขยัน สู้และอดทนไม่ต่างจากแม่ ช่วยแบกภาระถ้าวันใดแม่เกิดไม่มีลมหายใจอยู่ตรงนี้ ช่วยดูแลเรา ถ้ามีปัญหาช่วยดูพ่อ ช่วยดูคนที่รักเบล พี่พูดไว้เขาเลยมีความมุมานะที่จะมีอาชีพ และเป็นช้างเท้าหลังอย่างที่พี่เป็นวันนี้ ฉะนั้นเรื่องราวเหล่านี้ไม่ทำให้เขาถดถอยที่จะเป็นช้างเท้าหลัวได้หรอก เราสตรองในสิ่งที่ควรเป็น”