'แพท' รับเล่นละคร 'ทองเอง หมอยา ท่าโฉลง'

          หายหน้าหายตาจากละครไปเลี้่ยงลูกพักใหญ่ สำหรับ “แพท” ณปภา ตันตระกูล ล่าสุดมีข่าวแว่วว่าจะกลับไปเล่นละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ซึ่งได้แสดงร่วมกับ มาริโอ้ เมาเร่อ และ  คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ งานนี้เลยอดถามไม่ได้ว่าแล้วลูกชายใครจะเลี้ยง ซึ่งคุณแม่ลูกอ่อน กล่าวแจงเรื่องนี้ในงาน “GPX Demon 150 GR Exclusive Launch Event for #DreamRider” ว่า 

          “คือพี่ก้อง (ปิยะ เศวตพิกุล) ติดต่อมาเอง เขาบอกว่าเห็นบ่นอยากเล่นย้อนยุค อยากใส่ชุดไทย อยากใส่สะไบและเรื่องนี้มันลงล็อกพอดี พอเขาถามว่ามาเล่นไหม เราก็บอกว่าเล่นโดยไม่ถามเลยว่าเล่นเป็นใคร พอไปถึงปรากฎว่าบทดี พระเอกคือมาริโอ้ นางเอกคือคิมเบอร์ลี่ แล้วเราเล่นเป็นเพื่อนคิมเบอร์ลี่ นั่นแสดงว่าหน้าเราต้องไล่เลี่ยเขามากๆ ความสวยของเราก็ต้องไม่แพ้เขาแน่ๆ เรื่องนี้เราเป็นสาวผิดยุคผิดสมัย เป็นสาวไม่เรียบร้อย อ่อยผู้ชายเก่ง แต่ไม่ได้เล่นร้ายนะและมีคู่เป็นพี่ฟรอยด์ (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงษ์) ซึ่งละครเรื่องนี้น่าจะเริ่มถ่ายทำไม่ต้นมีนาคมก็ปลายกุมภาพันธ์ (ห่างหายไปนานแค่ไหน) แพทถ่ายเรื่องสุดท้ายคือแก้วกุมภัณฑ์ ถ้านับย้อนไปน่าจะท้องอยู่ 3-4 เดือนแต่ยังถ่ายอยู่ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ออน พอไม่ได้ออนคนก็เลยไม่เห็นเรา หลังจากวันนั้น ตอนนี้น้องอายุ 1ขวบ ก็น่าจะปีหนึ่งได้ (ช่วงที่เราถ่ายละครลูกจะทำอย่างไร) เป็นอะไรที่ต้องไปลุยกันข้างหน้า คือเราเคยพาไปแต่กองหนังอีเว้นท์ ไปกองรายการซึ่งมันใช้เวลาสั้นๆ แต่พอไปถึงตรงนั้นเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องไปดูหน้างาน” แพท กล่าว

          เมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้ละครไม่ได้ออนแอบนอยด์ไหม นักแสดงสาวแจงว่า “จริงๆก็ไมได้นอยด์นะ เพราะเราก็ไม่รู้สาเหตุเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรว่าทำไมละครของเราถึงยังไม่ได้ออน อาจจะเป็นเรื่องของการตัดต่อ จังหวะที่จะออนซึ่งตอนนั้นมันประจวบกับเป็นช่วงหนึ่งที่รายการทุกอย่างมันหยุดนิ่งพอดี เราก็เลยไม่แน่ใจว่าถ้าเอามาออนช่วงนี้มันจะทันกระแสหรือเปล่า มันจะเก่าไปไหม คือตรงนั้นมันไม่เกี่ยวกับเราแล้ว เพราะเราทำหน้าที่ของเราแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน ส่วนจะได้ออนหรือเปล่าเราไม่รู้ แต่เราเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้ออน (คิดว่าไม่เกี่ยวกับข่าวก่อนหน้านี้ของเราใช่ไหม) แพทมองว่ามันไม่เกี่ยวเลย  มันน่าจะเป็นหลายๆ ปัจจัย น่าจะหลายๆ อย่าง คือเราก็เคยถามเขาก็บอกว่าไม่เกี่ยว เพราะไม่อย่างนั้นแพทคงไม่ได้กลับมาทำรายการ ไม่ได้กลับมาทำงาน เรื่องสัญญาของเราก็ยังอยู่แต่จะหมดเมษายนนี้ คือเราก็มีการคุยกันเบิื้องต้นกับผู้ใหญ่แต่ยังไม่มีข้อสรุป คือตอนนั้นเราไปคุยเรื่องขอโอกาสทำงานเป็นพิธีกรมากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวเมื่อเรามีลูกเล็กการรับละคร 7 วัน มันยากมากจริงๆ เราก็เลยต้องขอโอกาสทางช่องเป็นกรณีพิเศษ ด้วยความที่เราเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์หลายตัว ถ้าไม่ให้เราไปโปรโมทสินค้าตามช่องทางต่างๆ สินค้าเราจะขายอย่างไร เราบอกผู้ใหญ่ว่ามันเป็นเหตุจำเป็นจริงๆ ที่ต้องไปทอร์ค ไปคุย ไปโปรโมทสินค้า ผู้ใหญ่ก็ใจดีและเห็นใจก็ให้โอกาส ส่วนงานละครก็ยังรับแสดงให้ช่องอยู่เพราะเราโตมากับช่อง ส่วนเรื่องรายการดูเป็นจ๊อบๆ ไป” นักแสดงสาวแม่ลูกอ่อนแจง

          เมื่อถามถึงแพลนที่จะพาลูกชายไปเจอหน้าพ่อ เบนซ์เรซซิ่ง (อัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช) ซึ่งแพทแจงว่า “อย่างที่บอกว่าไปเยี่ยมพี่เบนซ์ได้เฉพาะวันพฤหัส ซึ่งก่อนหน้านี้ 3 อาทิตย์แพทติดงานก็พยายามพาไปให้เจอบ่อยที่สุด (เบนซ์เป็นอย่างไรบ้าง) เขาก็ปรับตัวได้ดีนะ หลังจากวันแรก วันต่อมาเขาก็พยายามเล่นกับลูก หาเรื่องคุยกับลูก ทำให้ลูกสนใจ (ล่าสุดจะไปเกาหลีครั้งนี้พาลูกไปด้วย) ตอนนี้เราก็เก็บกระเป๋าเพิ่ม เพราะที่ผ่านมาเราเคยไปตัวคนเดียว ตอนนี้เราไปกับลูกเราก็ต้องศึกษาว่าต้องเตรียมอะไร ของเด็กซื้อที่ไหน เด็กต้องใส่กี่ชั้น ก็เช็คสภาพอากาศทุกวันจีนถึงวันเดินทาง คือถ้าเราเดินทางวันที่ 6 ไปถึงวันที่ 7 อากาศวันนั้นเท่าไหร่ เราควรมีใบเล็กใบใหญ่ขนาดไหน และควรใส่อะไรไว้ (มีเกณฑ์เพื่อนๆ ไปด้วย) คือตอนแรกมันเป็นกรุ๊ปเล็กๆ แต่ตอนนี้ก็มีคนไป 7-8 คน แล้ว ก็ใหญ่อยู่ (กลัวลูกร้องบนเครื่องไหม) เราได้คุยกับคุณหมอแล้ว ว่าจะมีอาการอะไรบ้าง เพราะเราเคยพาขึ้นเครื่องแล้วแต่ตอนนั้นระยะทางสั้นๆ เดินทางแค่ชั่วโมงเดียว คุณหมอก็บอกให้เราเตรียมนมและจุกหลอก และพยายามอยู่กับลูก จริงๆ เรซไม่ใช่เด็กขี้แยนะ แต่แพทกลัวคนรอบข้างรำคาญ เพราะเด็กเล็กเขาพูดตลอดเวลาจะง้องแง้ง” แพท กล่าวปิดท้าย