“ลาล่า” แจงเหตุระทึก! ไลฟ์สดโดนชาวบ้านขู่ยิง

          กลายเป็นประเด็นเมื่อ ขวัญนภา เรืองศรี หรือ ลาล่า อาร์สยาม ได้ไลฟ์สดนาทีที่โดยชาวบ้านขู่ยิง สาเหตุเพราะจีพีเอสทำพิษพาเข้าที่รกซึ่งน่าจะเป็นที่ส่วนบุคคล ได้มีโอกาศเจอนักแสดงสาวในงานบวงสรวงละครเรื่อง “ซิ่นนางหงส์” ที่ช่อง 8 ลาดพร้าว 15 ได้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ความว่า 

         “คือเราจะไปทำบุญวันเกิดลูลู่ โดยปกติก็จะไปทำบุญวันเกิดที่วัดต่างๆ หรือไม่ก็ไปทำบุญที่สถานสงเคราะห์ต่าง ปีนี้เลือกไปทำบุญที่วัดก่อนเป็นการตักบาตรตอนเช้า ซึ่งการเดินทางทุกครั้งเราต้องทำการบ้านก่อน ว่าถ้าเราจะไปสถานที่ตรงนี้ เราก็จะจิ้มจีพีเอชแล้วคำนวนเวลาว่าเราจะต้องใช้เวลาในการเดินทางเท่าไหร่ คือพอจิ้มไปแล้วมันใช้เวลา 1 ชั่วโมง 48 นาทีเราก็เลยคิดว่างั้นไปคนเดียวดีกว่า เพราะถ้าเราไปขึ้นรถบ้านลู่ต้องตื่นตี3 อาบน้ำเสร็จแต่งตัวตอนตี 4 ตี5 ถึงมันเร็วเกินไปก็เลยตัดสินใจไปเอง คือก่อนหน้านี้เราเคยไปเองแล้วก็หลงแบบนี้แล้วด้วยจีพีเอช แต่เราก็ฝืนไปในครั้งแรกเพราะมีลูลู่ไปด้วย ซึ่งสุดท้ายมันก็พาไปถึงจุดหมายแต่มันพาไปทางด้านหลังวัด พอขับๆ ไปทางมันเปลี่ยนเราก็เลยชะล่าใจว่าคงเป็นเพราะ เราไม่ได้มานานสงสัยหญ้าจะขึ้นเยอะไปหน่อย เราก็ยังฝืนขับไป มันพาเราหลงวนซ้ายวนขวาแล้วกลับมาที่เดิมจนน้ำมันเกือบหมดถึง คือเราก็ลงจากรถมาดูรถทีหนึ่ง คือเราได้นำบุญมาจากหลวงพ่อที่วัดยโสธร ท่านได้ฝากข้าวสารอาหารแห้งของใช้มาร่วมทำบุญให้น้องๆ พิการซ้ำซ้อนเพราะว่าเดี๋ยวเราก็จะต้องไปหาน้องๆ ต่อ รถมันหนักมากมันขับเร็วและด้วยทางที่ไม่ได้เป็นถนนดีๆ เราก็เลยห่วงล้อเรามาก เพราะเราเป็นเด็กบ้านนอก เรารู้ดีว่าวิธีขับรถในสถานที่บ้านนอกและทางเป็นดินแบบนั้นเราจะต้องขับอย่างไร คือถ้าเราตะบี้ตะบันขับรถเราแตกแน่ เพราะรถเราไม่ใช่บิ๊กฟุตแต่รถเราล้อใหญ่เฉยๆ คือกว่าเราจะขับรถไปถึงจุดที่เจอผุ้ชายคนนั้นมันใช้ระยะทางประมาณ 10 กิโลได้ มันก็เลยรู้สึกว่า ถ้าวันนั้นเกิดเรื่องเลวร้าย ถ้าเกิดยางมันแตก เราจออกจากจุดนั้นได้อย่างไร พอไปถึงจุดนั้นเราก็พยายามจะถอยหนีให้ได้ แต่ผู้ชายคนนั้นได้เดินเข้ามา คือตอนแรกเราคิดว่าเขาน่าจะถามเราว่า หนูหลงทางเหรอ แต่คำถามแรกที่เขาถามกลับมาคือ “ถ้าผมมีปืนอยู่ในมือผมยิงคุณไปแล้ว” สีหน้าเขาตอนนั้นนิ่งมากๆ มันเหมือนพูดทักทายปกติ ไม่เหมือนตั้งใจมาขู่ แต่คำพูดมันเป็นคำขู่” ลาล่ากล่าวแจง

         นักแสดงสาวยังกล่าวต่อว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำตาแตกเป็นเพราะ เขาบอกว่าถ้าเขามีปืนอยู่ในมือ

         “เราเห็นว่าเขาสะพายปืนยาวไว้ที่ไหล่ และก็คิดต่อว่าถ้าเขาเจตนาร้ายกับเราจริงๆ เขาน่าจะใช้ปืนกระบอกนั้นยิงเราแล้วหรือเปล่า เราก็พยายามอธิบายบอกเขาไปว่าเราขับรถมาตามจีพีเอช เราไม่มีเจตนาจะเข้ามาตรงนี้ ในใจตอนนั้นหน้าพ่อหน้าแม่มันลอยเข้ามา และคิดอยู่อย่างเดียวว่า คือเราตั้งใจจะไปทำบุญวันเกิดลูลู่ และเอาบุญอันนี้ไปส่งต่อให้น้องที่พิการซ้ำซ้อน เราก็เลยภาวนาให้บุญที่เราทำครั้งนี้ส่งบุญให้ถึง ก็พยายามพูดกับเขาดีๆ และพยายามถอยออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด คือเราเห็นคอมเม้นต์นะที่บอกว่าให้ถอยออกมา แต่ ณ เวลานั้นเราพยายามแล้วแต่เราทำเร็วกว่านั้นไม่ได้เพราะลาล่าอยู่คนเดียว และขามันสั่น เราไม่สามารถตั้งสติได้ คือทุกคนก็บอกว่าทำไมไม่โทรหา ไม่ติดต่อใคร คือเราโทรหาใครไม่ได้คือเรามีสัญญาณอยู่คนเดียวแต่คนที่อยู่ที่วัดไม่มีสัญญาณเลย (แถวนั้นไม่มีบ้านคนเลยเหรอ) มันเป็นเหมือนทางไปสวนไปนาบ้านเรา มันก็แค่มีรถสวน จริงน่าจะมีรถผ่านแต่เส้นนั้นไม่มีรถผ่านมาเลย ในเมื อเราติดต่อใครไม่ได้เราก็เลยไลฟ์สดคือถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเราทุกคนจะได้ตามหาเราถูก ว่าเราอยู่จุดนี้ คือผู้ชายคนนั้นเขาบอกประมาณว่าเขากำลังมีเรื่องกับใครก็ไม่รู้ ซึ่งเราเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเขาซึ่งเราเป็นคนแปลกหน้า และรถเป็นทะเบียนต่างจังหวัด เขาก็เลยป้องกันตัวเองโดยการพูดแบบนี้” นักแสดงสาวแจง

      เมื่อถามต่อว่าทางคู่กรณีได้บอกทางออกให้ไหม ลาล่าแจงด้วยน้ำเสียงเครือๆ ว่า

         “ไม่นะ เราก็พยายามหาทางออกเอง โดยมีเขาขับรถนำเราเหมือนจะพาออกไปถนนใหญ่ แล้วเขาก็หายไป ส่วนเราก็พยายามกลับรถออกมา ค่อย ๆ ขับออกมา มันขับเร็วไม่ได้เพราะกิ่งไม้มันเข้าไปเสียบใต้ท้องรถ แล้วเรากลัวทุกอย่างเลยก็เลยภาวนาขอให้วันนี้ที่ตั้งใจมาทำบุญให้ลูกหลุดออกมาจากตรงนี้เพราะเราต้องฝืนไปอีก 10 กิโล กว่าจะถึงถนนใหญ่ (พอหลุดออกมาได้ เราไปไหนต่อ)เหมือนลู่หาสัญญาณได้ค่ะ เลยโทรกลับหาล่าได้พอดี ว่าอยู่ไหนเราก็เลยขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปใส่บาตรด้วยตอนเช้าขอมาตั้งหลักอยู่ตัวจังหวัดก่อน แล้วค่อยเจอกันที่สถานสงเคราะห์ (แล้วไม่ไปแจ้งความเหรอ)ล่าไม่ได้แจ้งความ เพราะว่าด้วยลักษณะเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะมาฆ่าเราหรือทำร้ายเรา ถ้าเขาจะปล้นเราเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ล่าคิดว่าเขาแค่ต้องการจะบอกเล่าเราแต่ด้วยคำพูดที่น่าตกใจสำหรับเราและตัวเขามีปืนด้วยจริง ๆ เพียงแต่เข้าเหมือนพูดลอย ๆ ออกมาเราเลยคิดว่าคงไม่ต้องแจ้งความ ณ วันนี้ข่าวก็คงกระจายออกไปเยอะแล้วอยากจะใช้ช่องทางนี้เป็นกระบอกเสียงและอุทธาหรณ์ในการเดินทางคนเดียวมากกว่า (ต่อไปนี้จะกล้าเดินทางคนเดียวไหม) คงไม่กล้า เพราะเพื่อน ๆ ก็รายงานตัวเลยว่าถ้าเสาร์อาทิตย์ ว่างนะ อะไรแบบนี้แต่วันนั้นไม่มีใครว่างเลย เราก็คิดว่าไม่ไกลเลยไปได้แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ (แต่ก่อนหน้านี้เหมือนเพิ่งโดนรถชน) อันนั้นจอดไว้ เราจอดขวางไว้ สงสัยเข็นไม่พ้นแล้วรถก็เพิ่งไปเคลมมา (เป็นปีชงหรือเปล่า)ไม่นะ ปีระกาไม่ชงนะ แต่ปีนี้ก็โดนเยอะนะตั้งแต่ต้นปีเลย เราก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำบุญเราก็ทำเยอะนะ เราเลยคิดว่าเป็นจังหวะของมันมากกว่า” ลาล่า กล่าวปิดท้าย