บันเทิง

'เป็นเอก' กับหนังเรื่องล่าสุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘สมุย ซอง’ หนังเรื่องที่ 10 กับชีวิต 20 ปีในฐานะผู้กำกับของ "เป็นเอก รัตนเรือง"

         เรียกว่าเป็นผู้กำกับสายอินดี้ที่คร่ำหวอดในวงการภาพยนตร์เป็นเวลานาน สำหรับ เป็นเอก รัตนเรือง ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ผู้กำกับคนดังต่างมีผลงานทางภาพยนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง และภาพยนตร์เรื่อง “Samui Song ไม่มีสมุยสำหรับเธอ” ก็เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา โดยครั้งนี้ได้ "พลอย“ เฌอมาลย์ บุญศักดิ์ ”เดวิด อัศวนนท์“ ”วิทยา ปานศรีงาม“ และ ”สเตฟ่าน เซ็ดนาวี" มาร่วมถ่ายทอดภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยผู้กำกับมือรางวัลได้กล่าวถึงสาเหตุที่ใช้ระยะเวลานานกว่าหนังเรื่องนี้จะออกสู่สายตาประชาชนเป็นเพราะว่า 

         “เรื่องนี้มันยาก พล็อตมันเยอะ เรื่องมันเยอะก็เลยวุ่นวาย ถ้าเราดำเนินเรื่องเร็วคนดูก็จะไม่รู้สึกร่วมกับชะตากรรมของตัวละคร เราต้องหาความบาลาซระหว่างความสนุกของเนื้อเรื่องกับการเอาใจช่วยตัวละคร แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะใช้เวลาในการผลิตนานแบบนี้เสมอไป บางเรื่องอาจใช้เวลานาน แต่บางเรื่องก็ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ลงตัว”

 'เป็นเอก' กับหนังเรื่องล่าสุด

@ คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้ 

         เราหวังว่าคนดูจะชอบและสนุกไปกับมัน เพราะผมตั้งใจทำหนังเรื่องนี้มาเอนเตอร์เทนคนดู อย่างที่สองคือผมคาดหวังว่าคนดูน่าจะไปดูกันเยอะหน่อย อันนี้คือความหวังส่วนตัว

@ รู้สึกอย่างไรที่ได้ 3 ตัวท็อปวงการหนังมาร่วมแสดง

         ก็ดี เราร่วมงานกับเขาแล้วมันดีมากเลย ทุกคนมันทำให้อีกคนโตขึ้น เราเองก็เรียนรู้จากเขา

@ บนเวทีกล่าวว่าอยากจะลบคำสบประมาทเรื่องที่ดูยาก

         ไม่หรอก พอคิดว่าจะทำหนังที่ดำเนินเรื่องเร็ว ตอนเขียนบทเราก็เลยเขียนเนื้อหาเข้าไปเยอะ เหตุการณ์มันเยอะ พอตอนมาตัดต่อก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ค่อยรู้สึกถึงชะตากรรมของตัวละครอย่างพลอยเลย เราก็เลยลดเหตุการณ์ลง พอลดเหตุการณ์ก็กลายเป็นว่ามันมีหลายเหตุการณ์ที่ต้องต่อเนื่องกัน มันก็เลยกระทบกันไปหมดเป็นงูกินหาง 

 'เป็นเอก' กับหนังเรื่องล่าสุด

@ หนังเรื่องนี้แมสกว่าเดิมไหม

         ผมไม่เคยเข้าใจคำว่าแมสเลยนะ เขาชอบพูดกันว่าแมสๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้มันดูง่าย ดูสนุก เพราะมันคือความตั้งใจ หากจะถามว่าหนังเรื่องไหนของเราแมส ผมมิบังอาจจริงๆ เพราะรสนิยมส่วนตัวก็ไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรแมสหรอก เพียงแต่ความตั้งใจของเราอยากเอ็นเตอร์เทนคนดู ถามว่ากดดันไหม ก็กดดันนะ เครียดจนเจ็บไหล่ ส่วนเรื่องคำสบประมาท ผมไม่ได้อยากลบคำสบประมาทอะไรหรอก เพียงแต่ว่าเราเบื่อที่จะทำหนังแนวเดิมๆ จะเห็นได้ว่าวิธีการทำหนังของเรามันถอยหลังไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คือหนัง 3 เรื่องแรกของผมมันเอ็นเตอร์เทนมากๆ ใครดูไม่สนุกยอมให้เตะเลย ผมเริ่มจากการทำหนังแบบนี้ พอเราทำได้เราก็เริ่มเบื่อกับมันไม่อยากทำหนังแบบนี้แล้ว เราก็เริ่มหันไปหาหนังที่มันเริ่มคลุมเคลือขึ้น ไปวิเคราะห์เรื่อง เนื้อเรื่องก็น้อยลง เริ่มสนใจเรื่องบรรยากาศ เรื่องการถ่ายภาพ เสียงประกอบ ซึ่งผมก็ไปทดลองหนังแบบนั้นอยู่ตั้งหลายปี ช่วง 10 ปีที่เราทำหนังแบบนั้น ชีวิตของเราช่วงนั้น เรามีคำถามเต็มไปหมด ทั้งชีวิตตัวเอง ชีวิตรัก ความสัมพันธ์กับแฟน กับโลก กับสังคม และเราก็ใช้หนังเป็นเหมือนเครื่องบำบัดความต้องการส่วนตัว หนังมันจะออกมาอย่างไร หนังจะเอนเตอร์เทนหรือไม่เอนเตอร์เทนใครก็ไม่แคร์ เพราะเราใช้หนังบำบัดจิตใจตัวเอง แต่ตอนนี้ชีวิตเราเปลี่ยนไปแล้ว ชัวิตเราไม่ได้มีปัญหาแบบนั้นแล้ว ตอนนี้คุณภาพชีวิตมันดี พอคุณภาพชีวิตมันดี ก็เลยอยากกลับมาเอนเตอร์เทนคนดู

 'เป็นเอก' กับหนังเรื่องล่าสุด

@ คิดไหมว่าถ้าไม่ทำหนังจะทำอะไร 

         ถ้าเราไม่ทำหนังแล้วเราก็ยังเป็นนักเล่าเรื่องให้คนฟังอยู่ดี แต่อาจจะเล่าผ่านหนังสือการ์ตูน อาจจะเป็นหนังสือเป็นเล่ม มันอาจจะเป็นนิยาย ซึ่งอย่างไรก็ตามมันก็เกี่ยวกับงานศิลปะ เกี่ยวกับการเล่าเรื่องอยู่ดี เพียงแต่ว่ามันอาจไม่ได้ต้องใช้กล้องใช้อะไร ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่ ถ้าเราอายุ 60 แล้วต้องมารอพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อถ่ายหนัง ผมว่าคนทำได้มันต้องบ้ามากๆ และพูดตรงๆ ว่าความสุขในการทำหนังเรื่องนี้มันเหมือนช่วงที่เราทำหนังเรื่องแรก ทั้งความตื่นเต้น ความกลัว เหมือนเดิมเลยแต่ความกระตือรือล้นมันน้อยลงมากๆ หากเป็นแต่ก่อนหากไม่ได้ทำหนังผมจะเป็นจะตายให้ได้ เพราะการทำหนังคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ความสำคัญของการทำหนังมันลดน้อยลงมาก คือถ้ามีหนังให้ทำก็ทำได้ ได้ทำเราก็แฮปปี้ ไม่ได้ทำก็ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะอายุ (ไม่กลัวตัน) เราไม่มีวันตัน เรามีพรสวรรค์มาก จริงๆ นะ เราไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้เลย คนอื่นเขามีปัญหาเรื่องนี้กัน คนที่เป็นศิลปินเวลามีปัญหาคือตัน เขียนไม่ได้ แต่เราไม่เคยมีปัญหานั้นเลย

@ วงการหนังไทยซบเซามีผลกับเราไหม

         ผมไม่รู้เรื่องอุตสาหกรรมหนังไทยเลย เราทำหนังเสร็จเราก็ทำอย่างอื่น หนังไทยที่เราดูก็คือเราดูตามผู้กำกับที่เราชอบ ปีไหนคงเดช (คงเดชจาตุรันต์รัศมี) ทำเราก็ดู เต๋อ ( นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์) ทำเราก็ดู เจ้ย (อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล) ทำหนังก็ดู ในปีนี้ผมยังไม่ได้ดูหนังเลย อย่าง 2 เดือนที่ผ่านมา ผมอยู่เมืองไทยแค่ 5 วัน ส่วนเทศกาลหนังมันต้องไปแม้ใจเราไม่ได้อยากไปแล้วก็ตาม สาเหตุเพราะเราต้องไปทำธุรกิจไง

เรื่อง เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล

ภาพ วันชัย ไกรศรขจิต

 'เป็นเอก' กับหนังเรื่องล่าสุด

 'เป็นเอก' กับหนังเรื่องล่าสุด

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ