บันเทิง

'พีพีทีวี’ ทุ่มงบพันล้าน สู้ศึกดิจิทัลทีวี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ เน้นผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมาย

         หลังจากเป็นกุนซือให้กับทางช่อง 3 มานานหลายสิบปี ล่าสุด สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ ข้ามห้วยมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอกมีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36) งานนี้สกู๊ปบันเทิงมีโอกาสพูดคุยถึงแผนการสู้ศึกดิจิทัลในปี พ.ศ. 2561 เสียหน่อย ได้ความว่า

'พีพีทีวี’ ทุ่มงบพันล้าน  สู้ศึกดิจิทัลทีวี

 

 การบริหารที่พีพีทีวีมีความแตกต่างจากที่ช่อง 3 อย่างไรบ้าง 

        อันนี้ไม่ตอบ (หัวเราะ) แต่ส่วนของความท้าทายคือถ้าเป็นที่เก่าเราต้องรักษาแชมป์ แต่พอมาที่ใหม่เราต้องพยายามแข่งขันกับที่อื่น ทำให้วิธีการทำงานแตกต่างกัน ที่เก่าคนเดินมาหาเรา แต่ที่ใหม่เราต้องเดินออกไปหาเขา ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของการทำงาน ที่เก่าคนเดินเข้ามาหาเราเพราะเขารู้จัก แต่ที่ใหม่เราก็ต้องออกไปหาคนข้างนอก

 การเข้ามาบริหารพีพีทีวีในครั้งนี้จุดขายที่วางไว้คือเรื่องใด 

         อย่างที่ผมได้เขียนคอนเซ็ปท์ไปคือเวิล์ดคลาสทีวี เราคิดว่าเป็นรายการที่คนไทยจะชอบ เป็นรายการเรามีแต่คู่แข่งของเราไม่มี อย่างฟุตบอลลีคสำคัญ แม้เขามีฟุตบอลแต่ก็เป็นลีคอื่น เรามีมอเตอร์จีพีเป็นการแข่งสนามแรกในไทยโดยแข่งที่สนามบุรีรัมย์ ซึ่งรัฐบาลไทยไปซื้อมา แข่ง 3 ปี เราก็ได้สิทธิ์มา ซึ่งคงไม่มีใครมีเช่นกัน หรือจะเป็นภาพยนตร์ ผมคิดสิ่งเหล่านี้คือเวิล์ดคลาสโปรแกรม หรือรายการที่เป็นฟอร์แมตต่างประเทศเราก็ได้พาร์ทเนอร์คือกันตนา อย่างรายการบันเทิงวาไรตี้เราก็ไปจ้างเซ้นต์ เอ็นเตอร์เม้นท์มาผลิตให้เรา มาทำรายการฟอร์แมตที่มาจากเกาหลี ซึ่งแค่นี้ก็จะเห็นความแตกต่าง ไม่ใช่เขามีอะไรเราจะต้องมี แต่เราต้องมีที่แตกต่าง และโดดเด่น

 เท่ากับว่าปีนี้ถือว่าทางพีพีทีวี ใช้งบมากที่สุดเลยไหม 

        ถ้าเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ก็คือใช่ เรามีสปอตเท่าเก่าและได้เพิ่มขึ้น และเราก็ไปเพิ่มในส่วนเอ็นเตอร์เม้นท์มากขึ้น เรานำเกมส์โชว์ เรานำรายการที่ต้นทุนสูงมาออกอากาศ ต้นทุนเราสูงแน่นอน (เป็นพันล้านไหม?) ก็เป็นพันล้านนะ  ซึ่งจุดคุ้มทุนเราอย่าเพิ่งไปพูดถึง แค่อยากให้พีพีทีวีกลับมาอยู่ที่เทียร์ 2 ก่อน เพราะตอนนี้เราอยู่ที่เทียร์ 3 และภายใน 2 ปีนี้ถ้าเราประสบความสำเร็จก็น่าจะดันตัวเองมาอยู่ที่เทียร์ 2 ตามที่เราคาดหวังไว้ แต่ในส่วนของแง่รายได้ก็น่าจะดีขึ้นนะ อย่างน้อยสิ่งต่างๆ ที่เราถ้าเทียบกับปลายปีที่แล้วเราน่าจะเพิ่มรายได้เพิ่มขึ้นมา 50%-60% ให้กับสถานี และความหลากหลายของรายการที่นำเข้ามา แต่ถามกำไรไหม ก็ยังไม่ ยังขาดทุนอยู่ 

  เหตุใดทางพีพีทีวีถึงเน้นในเรื่องของรายการมากกว่าละคร

      จริงๆไม่ใช่อย่างนั้นนะ เราทำธุรกิจโทรทัศน์เราค่อยๆ และทยอยทำรายการให้มันสำเร็จที่ละรายการ เราไม่สามารถที่จะทำรายการใหม่พร้อมกันและออกพร้อมกัน แล้วตอนนี้คนไทยดูทีวีลดลงมา เหลืออยู่แค่ 2-3ช.ม.เอง การที่เราจะทำรายการทุกช่วงเวลาและจะเอาของแข็งไปออก ผมคิดว่าอาจจะไม่ใช่แนวทางการทำทีวีตำแหน่งที่เราอยู่ปัจจุบัน แต่ถ้าเราเป็นช่องหลักแล้วไม่แน่ เพิ่มความแข็งแรงในทุกช่วงเวลา พีพีทีวีภารกิจหลักสร้างความแข็งแรงในช่วงเวลาในช่วงเวลาหนึ่งก่อน ปัจจุบันรายการหลักของเราคือฟุตบอลที่ถ่ายทอด แต่ว่าฟุตบอลไม่ทำให้เราแข็งแรงได้ตลอดเวลา เนื่องจากเขาแตะแค่2วันคือเสาร์กับอาทิตย์ เพราะฉะนั้นผมก็ค่อยๆมอง อย่างเช่น อีที ออก7วันเป็นรายการที่เรามีความหวัง รายการที่เราใส่ลงไปในพาร์มไทม์ทุ่ม20 ถึง 2 ทุ่ม ประสบความสำเร็จแล้ว เราค่อยๆ เพิ่มแต่ละส่วนเข้ามา ผมคิดว่าทีวีต้องเป็นแบบนั้น

มองว่าทำไมมองพีพีทีวียังไม่ศักยภาพในการทำละคร

       เนื่องจากละครเป็นสิ่งที่ทำยาก เราอยากจะซืี้อฟุตบอล เป็นเรื่องของเงินใครเงินถึงก็ทำ เราอยากจะซื้อรายการแต่งประเทศเราก็หาผู้ผลิตรายการอย่างกันตนา และเซ็นส์ เอ็นเตอร์เม้นท์ เวลาที่เราทำละครมันไม่ได้จบแค่นั้น ละครเราเห็นแล้วว่ามันเรื่องยิ่งใหญ่ คนดูๆจากดารา เราไม่เคยประวัติการทำละครเหมือนช่องอื่นๆ ซึ่งมันจะมีประมาณ2-3 ช่องที่เขาเคยทำมา ไม่ใช่แค่พีพีทีวีช่องเดียวนะอีก20ช่องทำไม่ได้ และละครต้องมีบทประพันธ์นะ เราไม่มี เพราะบทประพันธ์อยู่ตามช่องหลักๆ หรือผู้ผลิตละครหลักๆ คนดูละครก็ดูที่ตัวของดาราด้วย เพราะฉะนั้นพีพีทีวีเองถ้าหากเราทำละครเราต้องทำช่องให้แข็งแรงก่อน แล้วละครอาจจะเป็นเฟสที่2หรือที่3ตามมา 

ในฐานะที่ทางคุณสุรินทร์เคยอยู่ในช่องที่คุกคลีการทำละครมาก่อน มีการชักชวนหรือทาบทามผู้จัดมาร่วมงานกับทางช่องพีพีทีวีไหม

        จริงๆผมจะบอกว่า ละครมันมีตลอดเวลา ผู้ผลิตที่อยู่ช่อง 3 หรือช่อง 7 คิดว่าทุกคนมองหาโอกาสในการทำงานข้างนอก ไม่มีใครหรอก อยากจะจำกัดตัวเองอยู่ ทุกคนอยากจะขยาย ช่องหลักที่ตัวเองทำอยู่ไม่สามารถในอนาคตข้างหน้าเขาอาจจะออกมาทำงานกับเราได้ หรือแม้แต่ช่องอื่น ผมคิดว่าทุกคนก็อยากจะเติบโต ทีมงานที่เคยทำงานให้กับช่องหลักอาจจะมีสองทีมหรือสามทีม (มองว่าคนดูละครน้อยลงไหม)ในมุมมองของผมจากค่าเฉลี่ยคนดูทีวีทั่วๆไปต่อวันไม่เกิน3ชั่วโมงทั้งหมด 

'พีพีทีวี’ ทุ่มงบพันล้าน  สู้ศึกดิจิทัลทีวี

 อย่างในตัวของละครที่เปิดกับช่องเรื่อง คิดดี คลินิก มองว่าสามารถดึงดูดคนดูได้มากน้อยขนาดไหน

          คนทำทีวีไม่มีสูตรสำเร็จ ทีวีเป็นเรื่องของการลอง ทีวีเหมือนการลองทำอาหารเค็มเกินไปจืดเกินไป เราเป็นเหมือนเชฟ เราค่อยๆปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเราได้รสชาตที่ถูกปาก อย่างซิคคอมเหมือนกันไม่มีใครบอกได้ว่าจะฮิตแน่นอน ละครเหมือนกันไม่มีใครบอกว่าโดนแน่นอน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเทส อยู่กับจังหวะรายการที่เราทำเรามั่นใจในระดับหนึ่ง คนจะดูอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากที่เราออกอากาศไปแล้ว 2 เดือน 4 เดือนเราพอจับทางได้ ว่ารายการไหนประสบความสำเร็จเราก็จะได้บิวตรงนั้นต่อไป 

ด้วยความที่ทางช่องเราไม่มีดาราเป็นของตัวเอง ตรงนี้เราจะเหนื่อยกว่าช่องอืื่นไหม

          ถึงตอนนี้เราจะไม่มีดาราเป็นตัวเอง แต่เราก็พาร์ทเนอร์ โมเดลิ่งที่เข้ามาร่วมกับเรา ซึ่งเขามีกลุ่มดาราค่อนข้างเยอะ แต่เราก็ค่อยๆ ทำ ก็มองอยู่ในเรื่องการสร้างดาราขึ้นมาเพราะเรายังอยู่ในแวดวงการทำทีวี

ผังรายการวางแผนโดยนำภาพยนตร์จันทร์และอังคารลงจอ หากวัดดูแล้วเป็นการชนกับละครช่องอื่นๆ

         เอาอะไรมามันก็ชนทั้งนั้นแหละ เรามองว่าเป็นทางเลือก(เปลี่ยนผังช่อง เริ่มกุมภาพันธ์วางแผนอย่างไรว่าจะเห็นผลเมื่อไหร่) ผมคิดว่า 6 เดือนถึงสิ้นปี เราก็น่าจะเห็นทิ้งทาง ว่ารายการที่เราใส่เข้าไปได้รับความสำเร็จบางหรือไม่ แล้วถ้าไม่ได้ปรับเปลี่ยน สมัยตอนที่ผมอยู่ช่อง3ประมาณ 3-4 เดือนไม่เห็นผลก็เอาออก

 ด้วยความที่พีพีทีวีเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย มีความคาดหวังและกดดันอย่างไร

          ไม่กดดันเลย (ดิจิตอลทีวีตอนนี้สู้ศึกหนัก เหนื่อยไหม) ทำที่ไหนก็เหนื่อย เราอยู่ช่องหลัก ช่องหลักตกอย่างรวดเร็วทั้งช่อง 7และช่อง 3 ถามว่าระหว่างคนต้องป้องกันแชมป์กับคนที่ไต่ขึ้นมา คนขึ้นไปมันเหนื่อยอยู่แล้ว แต่คนป้องกันมันไหล่ลงๆ มันเหนื่อย ผมบอกแล้วว่าเราจะมองมุมไหน มองมุมว่าเราจะทำอย่างไรให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม มันยิ่งยาก เพราะแต่ก่อนเราอยู่กันไม่กี่ช่อง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเยอะไปหมด ผมถึงบอกว่ารายการใครไม่ดีก็อยู่ยาก แต่ตอนนี้เน้นที่คอนเทนส์อย่างเดียวเลย 

ด้วยความเป็นคุณสุรินทร์ เวลาขายโฆษณามีทางเอเจนซี่ให้มั่นใจในการซื้อมากขึ้นไหม

          ต้องไปถามนะผมไม่รู้นะ คนซื้อเพราะรายการมันดี 

เรื่อง ภัทรวรรณ สุนทรธนานุกูล 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ