บันเทิง

มหกรรมรักร้าวคนบันเทิง นางเอกสาววิวาห์ล่ม 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3 นางเอกดัง วิวาห์ล่ม....

         เรียกว่าตั้งแต่เปิดศักราชปี2560 วงการบันเทิงมีเรื่องราวมากมายให้ผู้สื่อข่าวตามติด โดยเฉพาะเรื่องรักร้าวที่มาแรงตั้งแต่ต้นปี เป็นปีที่นางเอกตัวท็อปของวงการถึง 3 รุ่น พร้อมใจจับมือกันปิดฉากตำนานรักเคยชื่นมื่น

 

ประเดิมด้วยความลือช่วงต้นปี 2560 ที่มีกระแสข่าวอักษรย่อคู่รักนางเอกชื่อก้องฟ้า อักษรย่อ “ม” มีชื่อเต็มด้วยอักษร “ล” เตียงหักปิดฉากชีวิตรักกับสามีสารวัตรอักษรย่อ “ก” ยศ พ.ต.ท. ด้วยการตัดสินใจหย่าร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ สำนักงานเขตดอนเมืองงานนี้ทุกสายตาพุ่งเป้าไปยังนางเอกตลอดกาลอย่าง “หมิว” ลลิตา ศศิประภา กับสามีในเครื่องแบบ “ก้อง” พ.ต.ท.นรบดี ศศิประภา คู่รักหวานในตำนานที่หลายต่อหลายคนยกให้เป็น “คู่รัก-กิ่งทองใบหยก” ตัวอย่างของวงการบันเทิง เพราะตลอด 16 ปีที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ถึงแม้จะมีข่าวลือระหองระแหงออกมาประปราย แต่ท้ายที่สุด นางเอกสาว “หมิว” ก็ออกมาให้สัมภาษณ์เสมอว่า “ขาเตียงแข็งแรง”มาก แถมยังมีการปล่อยภาพครอบครัวอบอุ่น 4 คนพ่อแม่ลูกให้ชมกันเป็นระยะเพื่อสยบข่าวรักร้าว 

มหกรรมรักร้าวคนบันเทิง  นางเอกสาววิวาห์ล่ม 

         หากย้อนกลับไป16ปีแห่งความหลังและความรักของ “หมิว” กับ “ก้อง” อดีตสามี ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกที่นิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริการู้จักกันในฐานะเพื่อน มาเริ่มคบหาดูใจกันตอนที่ก้องเดินทางกลับมาประเทศไทยมีการแถลงข่าวงานวิวาห์ในวันที่27 ธันวาคม 2543 วันงานแถลงข่าว “ก้อง” นรบดีได้กล่าวว่า “ผมจะรักษาชีวิตของคนคนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ที่ผ่านมา ยอมรับว่าไม่เคยมีสเปกผู้หญิงในอุดมคติ จนกระทั่งมาได้รู้จักกับหมิว ผมจึงสามารถกล้าพูดได้เต็มปากว่า หมิวคือคนที่ผมรอคอยมานานถึง 29 ปี” คำพูดจากใจของ “ก้อง” ที่มีต่อ “หมิว” กลายเป็นคำมั่นสัญญาที่สาวๆ หลายคนต่างพากันอิจฉา

         “หมิว” และ “ก้อง” มีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกชาย 2 คน คนแรก “แพลงต้อน” ด.ช.ศศิเดช ศศิประภา เกิดวันที่ 8 สิงหาคม 2544 ที่ประเทศอังกฤษ ลูกชายคนโตนี้หน้าเหมือนพ่อ ส่วนชื่อแพลงต้อน ได้มาจากการที่ หมิวและก้องชอบทะเลเหมือนกัน และตอนกลางคืนในทะเลแพลงต้อนจะเรืองแสงสวยมาก ตามมาด้วย“อีตั้น” ด.ช.ศักดิเดช ศศิประภา ลูกชายคนที่สอง หน้าหวานเหมือนแม่ เกิดวันที่ 24 เมษายน 2546

         ความอึมครึมของข่าวลือ “รักร้าว” มากระจ่างเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่ง “หมิว” ยอมรับอย่างสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ยังไงดี ยังไม่สะดวก แต่เรื่องมันจบแล้ว” และเมื่อวันที่ 18 มีนาคมในพิธีบวงสรวงละครเรื่อง “ล่า” ที่แอ็คสตูดิโอ “หมิว” เผยสาเหตุที่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ฉัน “สามี-ภรรยา” กับ “ก้อง” อดีตสามี

         “ก็ตรงนี้จบไปแล้ว แบบที่ทราบกันในตอนนั้น (ยิ้ม) และเราไม่อยากพูดอะไรมาก เป็นเรื่องส่วนตัวและเป็นเรื่องของครอบครัว มันเกี่ยวเนื่องกับคนอื่น ถ้าเราพูดคนเดียวอาจจะไม่ดี ตรงนี้ก็เป็นไปตามที่ทราบกันแบบนั้น ตอนนี้สภาพจิตใจ ก็โอเค ดีมาก (หัวเราะ) ส่วนที่หลายคนช็อก อ๋อ...ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ แต่ตอนนี้ชีวิตที่ผ่านมาเราเลือกแบบนั้นแล้ว เราขออยู่กับปัจจุบันแบบนี้ก็มีความสุข เราเลือกแล้ว" 

มหกรรมรักร้าวคนบันเทิง  นางเอกสาววิวาห์ล่ม 

         อีกหนึ่งคู่รักคนดังที่สร้างความมึนงงไม่แพ้คู่แรก กระแสข่าวลือรักร้าวของคู่นี้ ตามรอยรุ่นพี่ไม่มีผิด เพราะมีอักษรย่อเขียนบอกใบ้ถึงต่างๆ นานาเน้นที่เรื่องความเจ้าชู้ของฝ่ายชายเป็นหลัก ในขณะนั้นหลายคนพุ่งเป้าไปหลายครอบครัวคนดัง จนกระทั่งสาว “แอฟ” ทักษอร เตชะณรงค์ ออกมาชี้ความกระจ่างแล้วให้สัมภาษณ์ในอีเวนท์งานหนึ่ง ยอมรับกับสื่อว่าแยกกันอยู่กับสงกรานต์เพราะอีกฝ่ายอยู่เขาใหญ่แอฟอยู่กรุงเทพฯ ส่วนความสัมพันธ์ถ้ามีอะไรคืบหน้าแล้วจะบอก จากคำตอบครัั้งนี้ กองทัพนักข่าวยังไม่กล้าฟันธงว่า นางเอกสาวได้ยุติความสัมพันธ์หรือแยกกันอยู่แบบถาวรแล้วหรือไม่

         จนกระทั่ง “บันเทิง คมชัดลึก” ได้ต่อสายตรงสอบถามไปยัง “ไพวงษ์ เตชะณรงค์” บิดาของสงกรานต์ ถึงข่าวลือเรื่องรักร้าว ซึ่งพ่อสามียอมรับว่ามีทะเลาะกันตามประสาสามีภรรยา และยังยืนยันว่าไม่มีการเซ็นใบหย่าแน่นอน

         ในระหว่างที่เรื่องราวคุกรุ่นอยู่นั้น “แอฟ” ทักษอร พา “น้องปีใหม่” ลูกสาว ลัดฟ้าไปเที่ยวพักผ่อนถึงเมืองน้ำหอม ทว่าการเดินทางครั้งนี้ไร้เงาของสงกรานต์ ในที่สุดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา “แอฟ”ได้ปรากฏตัวในงานอีเวนท์อีกครั้งและครั้งนี้นางเอกสาวเปิดใจอย่างละเอียดถึงการยุติความสัมพันธ์กับสงกรานต์ และพร้อมอย่างมากในการจรดปลายปากกาเพื่อเซ็นใบหย่า ติดอยู่ที่ว่าฝ่ายชายยังไม่ดำเนินการสักที

          ย้อนรำลึกถึงความรักที่เคยหอมหวานของ “แอฟ” กับสงกรานต์ ทั้งคู่เริ่มสานสัมพันธ์เมื่อทีมงาน “ตีท้ายครัว” ไปบุกบ้านของหนุ่มสงกรานต์ เตชะณรงค์ ถึงเขาใหญ่ ซึ่งครั้งนั้นทางรายการสืบทราบมาว่าหนุ่มสงกรานต์แอบปลื้มสาวแอฟมานาน จึงจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆ โดยให้สาวแอฟมาเป็นแขกรับเชิญในรายการครั้งนั้นทำเอาหนุ่มสงกรานต์เขินมาก และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการแชทบีบี จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นคุยโทรศัพท์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นการคบหาดูใจอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน

          แต่กว่าจะกลายมาเป็นคู่จริงกันได้นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ก่อนหน้านั้นนางเอกสาวคบอยู่กับ“หมวดอ๋อ” พ.ต.ท.รณกร รัตนะพรแฟนหนุ่มที่คบกันมานานกว่า 13 ปีตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ในขณะที่ไฮโซหนุ่มก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มคาสโนว่าเพราะมีข่าวรักๆ เลิกๆ กับสาวหลายคนไม่ว่าจะเป็น“เจน“ ชมพูนุช ปิยะภาณี,“พลอย” เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, “โบ” สุรัตนาวี สุวิพร, “อีฟ” กมลชนก เวโรจน์,พิตต้า ณ พัทลุง,พีค ภัทรศยาฯลฯ แต่ที่ฮือฮาเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์คงหนีไม่พ้น“พิ้งค์กี้” สาวิกา ไชยเดชที่แว่วว่าทั้งคู่จริงจังขนาดฝ่ายหญิงหอบเสื้อผ้าไปอยู่บ้านฝ่ายชาย แต่ก็ไม่ได้รับการยืนยันจากฝ่ายชายว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริงแต่ทุกข่าวลือต้องมีอันเงียบหายเมื่อหนุ่มสงกรานต์ออกโรงประกาศว่าจริงจังกับนางเอกแอฟคนเดียวงานนี้ทำเอาสาวคนไหนๆก็ต้องหลบไป 

         จากนั้นทั้งคู่ตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2555 ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ซึ่งภาพงานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขวัญกันมากเพราะว่าบรรยากาศการแต่งงานไม่ต่างอะไรกับเทพนิยายเมื่อสงกรานต์เนรมิตโบนันซ่า เขาใหญ่ให้เป็นดินแดนแห่งความรักด้วยการจัดงานแต่งใต้ต้นมะขามคู่ซึ่งแสดงถึงสัญลักษณ์ว่าความรักของทั้งคู่จะแข็งแรงและยืนยาว เพราะต้นมะขามเป็นต้นไม้ที่มีเนื้อแข็ง และมีอายุยืนยาว ประกอบกับขึ้นเป็นคู่ 2 ต้น ก็จะทำให้คู่สมรสอยู่คู่กันยืนยาวและยิ่งภาพที่สงกรานต์กอดแอฟแล้วหลั่งน้ำตาในวันวิวาห์ทำให้หลายคนรู้สึกว่า สงกรานต์รักแอฟมากแค่ไหนทั้งคู่ก็มีพยานรักด้วยกัน 1 คน คือน้องปีใหม่ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 ชีวิตรักของทั้งคู่น่าจะจบอย่างหวานชื่น แต่แล้วความรักก็ถูกพิสูจน์อีกครั้ง เมื่อจู่ๆอดีตนางเอกสาวก็ได้ออกมาประกาศกับสื่อมวลชนว่าได้แยกกันอยู่กับสามีมาพักใหญ่ พร้อมกับข่าวลือถึงสาเหตุที่ขาเตียงสั่นคลอนเพราะมือที่สาม  

      มหกรรมรักร้าวคนบันเทิง  นางเอกสาววิวาห์ล่ม 

         ปิดท้ายด้วยคู่รักร้างนางเอกรุ่นเล็กนัยน์ตาแขก “พิ้งค์กี้”สาวิกา ไชยเดช กับ“ไฮโซเพชร”อิทธิชวลิตธำรงเป็นถึงทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลชวลิตธำรงผู้เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่แห่งเมืองพัทยา การประกาศแต่งงานของนางเอกสาวในปี 2557 สร้างความฮือฮาให้แก่สื่อมวลชนสายบันเทิงอย่างมาก เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ใช่วิวาห์ฟ้าแลบ แต่ศึกษาดูใจกันมาระยะหนึ่งแล้ว และเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 ทั้งคู่ก็ได้เข้าพิธีิวิวาห์ถูกต้องตามประเพณีและศาสนา ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา งานนี้หลายคนจับจ้องไปที่สินสอดมูลค่า 300 ล้าน และแหวนเพชรอีก 7 กะรัตที่ไฮโซเพชรมอบให้ฝ่ายเจ้าสาว หลังแต่งงานแล้ว ไฮโซเพชรมีความประสงค์ให้ศรีภรรยามาช่วยดูแลเรื่องธุรกิจต่างๆ ของครอบครัว สร้างครอบครัวด้วยกัน มีทายาท แล้วหากจะกลับมาทำงานในวงการก็แล้วแต่ความเหมาะสม จากนั้นชื่อของสาวพิ้งค์กี้ก็เลิือนหายไปจากวงการบันเทิง นานทีปีหนสาวพิ้งค์กี้จะโผล่หน้ามางานอีเวนท์สักงานเพื่อให้สื่อมวลชนได้อัพเดทเรื่องราวชีวิตในฐานะของแม่บ้านเต็มตัว

         ในขณะที่หลายสายตาจ้องมองว่าชีวิตนกน้อยในกรงทองของอดีตนางเอกมากความสามารถกำลังแฮปปี้สุดๆ แถมช่วงต้นมกราคมทีี่ผ่านมาสาวพิ้งค์กี้ยังควงสามีไปสวีทหวานถึงแดนปลาดิบ และเมื่อเดือนกรกฎาคม พิ้งค์กี้พร้อมด้วยไฮโซเพชรสามีแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่อง “มังกร นารี ปีศาจ” ที่ทั้งคู่ร่วมผลิตด้วย ภาพหวานของพิ้งค์กี้และเพชรที่ปรากฏต่อสื่อ ทำให้ไม่มีใครระแคะระคายว่าความรักของคนคู่นี้กำลังจะแปรเปลี่ยน จากนั้นข่าวรักล่มก็ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ จนในที่สุดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา สาวพิ้งค์กี้ยอมรับตรงๆ กับกองทัพสื่อในอีเวนท์งานหนึ่งว่าแยกทางกับอดีตสามีเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของตัวเอง ส่วนสาเหตุของการเลิกรานั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไม่อยากพูดถึง ยืนยันว่าไม่มีเรื่องมือที่สามแน่นอน ทั้งยังทิ้งท้ายว่าการเลิกรากันครั้งนี้เธอยังออกมาแต่ตัวไม่ได้เอาสมบัติของฝ่ายชายมาสักชิ้น 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ