ไม่ตัด!!'พชร์ อานนท์'ย้ำเอา'แม่-ลูก' ด่าตร.ลงหนัง(คลิป)

    กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาเมื่อเอ็มวีเพลงประกอบภาพยนตร์ "หลวงพี่แจ๊ส 5G" ถูกปล่อยออกมา และหนึ่งในฉากของหนังเรื่องนี้ มีการดึง 2 แม่ลูกที่เคยมีคลิปด่าตำรวจมาเล่นหนัง โดยคาแรกเตอร์ในเรื่องเหมือนกับในคลิป จนเกิดกระแสดราม่าเรื่องของความเหมาะสม ล่าสุด "พชร์ อานนท์" ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่อง
    “เอ็มวีเพลง สาธุ 5 จี เป็นเอ็มวีที่เราต้องการให้เพลงมาช่วงปีใหม่ หนังเราจะเข้าประมาณสงกรานต์เราต้องการโปรโมตให้เพลงติดตลาดก่อน เหมือนๆ เพลงทั่วไป เวลาเขาโปรโมตต้องโปรโมตล่วงหน้าก่อน สมัยก่อนก่อนเทปจะวางเราก็ใช้วิธีเดียวกันโปรโมต คือโปรโมตล่วงหน้าให้เพลงมันติดตลาดก่อน พอเพลงติดตลาดปุ๊ปเราก็จะให้คนรู้จักหนังมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ช่วงปีใหม่ถึงช่วงสงกรานต์เพราะเพลงนี้เป็นเพลงสนุกสนาน เต้นรำระบำได้ สักพักจะมีเพลงของหลวงพี่แจ๊สออกมา ตอนนี้เราเอาเพลง สาธุ 5 จีของ แซ็ค ชุมแพ ออกมาก่อน ปล่อยเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ตอนหกโมงเย็น ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ปล่อยไปตามยถากรรม หลังจากนั้นก็มีดราม่ากัน
    จุดประสงค์ของเอ็มวีเพลงนี้ ในความหมายของเนื้อเพลงทั้งมี 3 นาที 17 วินาที มันมามีตอนประเด็นตอนหลัง จากในหนังเอามาใส่ไว้นิดนึง ประมาณ 30 วินาที จริงๆ เพลงเราก็พูดสอนตลอด บวชพระต้องให้ดีให้ได้ ใครทำบุญขอให้รวยๆ ก็อวยพรกันไป แต่พอดีตรงจุดนี้เราตั้งใจตอนนั้นที่ติดน้องปืนกับแม่ เราใช้โมเดลลิ่งติดต่อ เพราะเราก็หาอยู่ว่าน้องเขาอยู่ไหน หนังหลวงพี่แจ๊สถ้าใครเคยได้ดูจะรู้ว่า มันเป็นเรื่องราวในสังคมที่เกิดขึ้น เราก็เอาใส่ไว้ในหนัง ให้หลวงพี่แจ๊สเอาธรรมะ เอาศีล 5 มาสอนให้กับคนที่เกิดเรื่องราวขึ้นในสังคม ถ้าใครจับจุดดีๆ พระแจ๊สเขาจะสอนว่า คนเราไม่ว่าจะด่าหรือทำอะไรทุกอย่างต้องมีสติ พอดีเราใส่บทให้น้องเขาไป ให้เขาพูดอย่างนี้ๆ พระแจ๊สก็จะสอนว่าต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติ ในรอบปีที่ผ่านมาพี่เห็นคนหลายคนพลาดไปแล้ว กรณีกราบรถกู น้องคนนั้นพี่ก็รู้จัก พี่ก็ว่าเขาเป็นคนน่ารัก เจอเขาก็ไหว้พูดจาเพราะ พี่ก็ยังงงว่าทำไมเขาถึงเป็นข่าว แล้วทุกคนก็ไปรุมด่าเขาทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเขา เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย คือเขาควบคุมสติไม่อยู่ คนเราโมโหมันก็ต้องขึ้นเป็นของธรรมดา ก็รุมเขาซะจนไม่มีงานทำ สมัยนี้มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่พวกก็รุมจนตาย เราเลยคิดว่าน่าเอามาสอนในหนังหน่อยมั้ย”

 

 

    ในเอ็มวีเหมือนน้องปืนกำลังด่ากับพระอยู่ 
    “ในคลิปที่เห็นมันติดออกมาแค่นั้น แต่จริงๆ ในหนังจะมีอีก คือน้องปืนกับแม่มาเล่นอยู่ประมาณในหนังไม่ถึงนาที เป็นฉากที่พระแจ๊สเดินไปบิณฑบาต แม่ลูกคู่นี้เขามาใส่บาต พระแจ๊สดันไปทักว่าน้องเป็นคนในคลิปที่ด่าตำรวจใช่มั้ย เด็กก็เลยเถียงกับพระ เถียงไปเถียงมาพระก็สอนว่า โยมทำอย่างนั้นไม่ได้นะ โยมต้องมีสติถ้าไม่มีสติชีวิตโยมจะพัง จริงๆ น้องเขาไม่ได้เล่นทั้งเรื่อง เล่นรับเชิญนิดนึง ในเรื่องจะมีรับเชิญเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสังคมเยอะไปหมด”
    สังคมมองว่าเรากำลังยกย่องคนที่ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า
    “ด่าตำรวจผิดกฎหมายตรงไหน ก็เขาโดนข้อหาหมิ่นประมาทไปแล้ว น้องเขาไม่ได้ฆ่าคนตายนะ ทำไมอีเปรี้ยวไปฆ่าหั่นศพ เยินยอทำพวงกุญแจออกมาขาย ทำไมไม่มองตรงนั้น อันนี้เขาไม่ได้ฆ่าคนตาย ปืนมันไม่ยิงใครตายหรือเปล่า มันไปขายยาเสพติดหรือเปล่า น้องมันไม่ได้ทำ น้องเขาแค่โมโหไปด่ากับตำรวจ ถามว่าทำไมไม่เอาสแตนอินมาเล่นแทน เอาสแตนอินมาเล่นก็ไม่มันเท่าตัวจริงหรือเปล่า แต่ตัวจริงเขาก็ไม่ได้เป็นคนเลวคนชั่วอะไรนะ เขาก็ขอโทษสังคมไปแล้ว เขาก็โดนตำรวจจับเสียค่าปรับไปแล้ว เราเป็นคนให้เขามาเล่น น้องเขาก็เล่นให้ จริงๆ ไม่ใช่ความผิดน้อง เราบอกให้น้องพูดอย่างนี้ๆ ในบท”
    ณ ตอนนี้คนโฟกัสที่เราเอาน้องปืนมาเล่นกับบทที่ด่ากับพระ
    “แล้วน้องเขาผิดอะไร เขาถึงมาเล่นไม่ได้ คนอื่นไม่เคยด่าตำรวจกันเหรอ แต่มันไม่เป็นข่าวไง เราไม่ได้บอกว่าด่าตำรวจแล้วน้องเป็นคนดีมาก น้องด่าตำรวจ เยาวชนต้องเลียนแบบ เราไม่ได้พูดแบบนั้น ในบทพระแจ๊สพูดว่าโยมน้องมีสตินะ ถ้าไม่มีสติชีวิตโยมจะพัง บทพูดประมาณนี้”
    คิดไหมว่าพอเอาน้องปืนมาเล่นแล้วกระแสจะเป็นแบบนี้
    “ไม่คิดว่าน้องเขาเป็นคนเลวไง มีคนบอกว่าไม่ดูหรอกหนังเรื่องนี้ ไอ้เลวคนนี้เล่น คุณนั่นแหละเลว ไม่ไปด่าเขา คนเราถ้าเป็นคนดีจะไม่ด่าคนอื่น ถ้ายังด่าคนอื่นแสดงว่าคุณนั่นแหละเลว จะไปว่าคนอื่นเขาเลวได้ยังไง รู้จักกับเขาเหรอ เคยเห็นเขาแค่ในคลิปโซเชียลเท่านั้นเอง จริงๆแล้วเขาต้องเลี้ยงพ่อแม่เขา เขาไม่ได้ทำอะไรผิด”
    คิดไตร่ตรองมาดีแล้วใช่ไหมถึงน้องเอาปืนมาเล่น
    “คิดแล้วถึงได้ทำ เพราะเรารู้สึกว่าน้องเขาไม่ได้ทำชั่ว ไม่ได้ทำผิดอะไร ยังมีคนอีกหลายคนที่ฆ่าคนตายหรือติดยาเสพติด”
    ตั้งแต่เป็นข่าวได้โทรไปคุยกับแม่น้องปืนหรือยัง
    “ยังไม่โทร แต่เดี๋ยวเย็นดีจะไปเจอกับเขาก็จะคุยกัน”

 

 

    บทสรุปจะเป็นอย่างไร
    “บทสรุปก็คือว่าในหนังเราสามารถตัดออกได้ แต่ถ้าเกิดว่ายังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เขาอยากจะดูว่าน้องปืน ที่มีคดีแค่ด่าตำรวจ แต่ก็เคลียร์กันไปแล้ว ฝีมือการแสดงเขาเป็นอย่างไร เราก็จะเอาฉากนี้ไว้ เพราะมันอยู่ที่ว่าเราจะตัดออกหรือเอาใส่ไปก็ได้ แต่ถ้าคิดว่าเราทำผิด เราก็ต้องขอโทษ เราอาจจะไม่ได้คิดมาก คิดถึงแค่ความสนุกสนานเท่านั้นเอง แต่กรณีที่เราด่าพระในเรื่องเราไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย เราแค่ต้องการสอนคนดูเท่านั้นเอง”
    เป็นความตั้งใจของเราที่ต้องการจะใส่ไดอะล็อกนี้เข้าไปในหนังใช่ไหม
    “ตั้งใจตั้งแต่ตอนถ่ายแล้ว (เพื่ออะไร?) เพื่อให้รู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ ด่าพระก็ด่าต่อหน้าเลย ไม่ใช่ด่าลับหลัง งุบงิบๆอีนั่นอีนี่ ยังไงพอด่าเสร็จแล้วสุดท้ายประชาชนที่ตีกันก็คือประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน แล้วจะตีกันเองทำไม”
    ไม่ได้ต้องการสร้างกระแสให้หนังตัวเองใช่ไหม
    “หนังฉายตั้งสงกรานต์ปีหน้า จะไปสร้างกระแสได้ยังไง ที่มันเป็นกระแสเพราะว่ามีคนกลุ่มหนึ่งคอยเชียร์คอยสนับสนุนเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ด่าๆ (เราคิดว่าเป็นเสียงสนับสนุนเหรอ?) สนับสนุนสิ เรากำกับหนังมาตั้งแต่ พ.ศ.2538 จนปัจจุบัน ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้คนลืม “พจน์ อานนท์” ไปแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณ(หัวเราะ)”
    คนมองว่าเราชอบเอาเน็ตไอดอลที่เป็นประเด็นมาเล่นเพื่อเรียกกระแสให้หนัง
    “เราทำมานานแล้ว ตั้งแต่เรื่อง”สติแตกสุดขั้วโลก”แล้ว ที่เอาเหตุการณ์ในสังคมมาใส่ในหนัง คือเราจะไม่ให้โอกาสน้องปืนเลยเหรอ กับอีแค่เขาด่าตำรวจ แล้วเขาก็ขอโทษไปแล้ว รับผิด เสียค่าปรับไปแล้ว เราจะไม่ให้โอกาสคนๆหนึ่งที่ต้องเลี้ยงพ่อแม่เขาเลยเหรอ แล้วพอเขามาถึงกองถ่ายคิดเหรอว่าเราจะสรรเสริญเยินยอเขา เราด่าก่อนเลย ว่าปืนทำแบบนี้ไม่ถูกนะ รู้ไหมว่ามันทำให้ชีวิตปืนพัง เราก็ด่าๆ พอเสร็จแจ็สก็มาช่วยสอน ทุกคนก็สอนหมดว่าเดี๋ยวน้องต้องเล่นแบบนี้ๆนะ”
    เท่าที่ได้สัมผัสกับน้องปืน เราคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร
    “น้องเขาก็เป็นคนน่ารักนะ แล้วคุณแม่เขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว คิดดูว่าเขาต้องรีบไปขายของตอนเช้า แล้วโดนตำรวจจับ อารมณ์เขาก็ขึ้น พอไม่มีสติเขาก็ด่าๆแล้วพอได้สติเขาก็ออกมาขอโทษ แล้วเราจะไม่ยกโทษให้เขาเหรอ ที่ไปด่าๆเขาว่าไอ้เด็กเลว เขาเลวตรงไหน”
    จะเป็นการตอกย้ำภาพของน้องปืนไหม
    “ไม่ต้องตอกย้ำ ทุกคนด่าอยู่แล้วทำอย่างไม่เคยด่ากัน ส่วนที่คนมาด่าเรามันเป็นเรื่องปกติ ชินแล้ว สิ่งที่พี่คิดอาจจะไม่ถี่ถ้วน เราก็ต้องขอโทษ แต่ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับคนไทยว่าจะให้โอกาสไหม เขาไม่ใช่คนที่เลวโดยสันดาน ไม่ได้ฆ่าคนตาย เขาแค่โมโห ยกตัวอย่าง ที่เราด่าลูกน้องก็ไม่มีสติ เพราะเขามาด่าแม่เรา แล้วก็ให้อวัยวะเพศชาย เราก็โมโหไง เราไม่มีสติ ก็ด่ากลับไปว่า พ่อมึงซิตาย แล้วพ่อเขาเสียจริงๆ เราก็เลยซวยไง เราไม่รู้ว่าพ่อเขาจะเสีย ด่ามา เราก็ด่ากลับ สิ่งนี้คือสิ่งที่เราอยากจะบอกกับสังคมว่าต้องมีสติ และเป็นความตั้งใจที่เราอยากจะใส่เข้าไปในหนัง”

 

 

 

    เอาอะไรมาวัดว่าจะตัดหรือไม่ตัดฉากนี้ออก
    “ดูตามความเหมาะสมของหนัง ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็ต้องตัดหนังออกทั้งเรื่องเลยสิ ถ้าคนมาด่าก็ไม่ต้องฉายอะไรกันแล้ว พอคนด่าก็ตัด ก็ไม่ต้องฉายอะไรกันแล้ว ยังไม่คิดจะตัด ขอประชุมก่อน เพราะหนังมันตัดได้ หนังยังถ่ายไม่เสร็จ แต่เหลือ 2-3 คิวก็ปิดกล้องแล้ว”
    หลังจากนี้จะมีการระมัดระวังเรื่องของการปล่อยทีเซอร์ไหม
    “หนังหลวงพี่แจ๊ส เป็นหนังสะท้อนสังคม เรารับผิดชอบสังคม เราคิดว่าน้องปืนไม่ได้เป็นฆาตรกร เขาไม่เป็นไรอะไรเลย เขาแค่คนที่โมโหปุ๊บแล้วก็ด่า ถ้าสมมติคนมาด่ากันหมด ด่าแล้วตัด หนังก็เหลือฉายนาทีเดียว มันไม่ใช่ เราดูตามความเหมาะสม”
    ถามว่ากองเซ็นเซอร์จะผ่านไหม
    “เรายังไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ อันนี้เป็นแค่มิวสิคเอ็มวี”
    บั่นทอนไหม เพราะว่าหนังที่ทำออกมาโดนด่าตลอด
    “เราเป็นสายล่อฟ้าไง ไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่วก็โดนด่าอยู่ดี หนังได้รางวัลจากต่างประเทศมาก็ด่า ทำหนังติ๊งต๊องก็ด่า ก็ไม่ต้องทำแล้ว”
    ในหนังมีมากกว่าที่ปล่อยออกมาใช่ไหม
    “ใช่ ในหนังมีประมาณ 1นาที อันนี้แค่ไม่ถึง 30 นาที มันมาแค่ความสนุกแค่นั้นเอง คนในสังคมสมัยนี้ไม่ทันอะไรก็ด่า ด่าไปแล้ว เคยมีกรณีที่คนโดนด่าแล้วผูกคอตาย แล้วขอโทษกันไหม ก็ไม่ ฉันไม่รู้ฉันไม่ได้ด่า สังคมเป็นแบบนี้  ต้องจำใจยอมรับ”
    ถามว่ามันเป็นการตลาดของเราไหม
    "ใช่ จะไม่บอกว่าเป็นการตลาดได้ยังไง ในเมื่อมันคือการตลาด เราไม่ได้คิดว่าการเอาน้องปืนมาแล้วคนจะด่า เพราะในหนังมันมีอะไรมากกว่านี้ ถ้าจะด่าเรา ไว้เอาเปรี้ยว (ฆาตรกรฆ่าคน) มา แล้วค่อยมาด่า อันนั้นยอมให้ด่า”
    มีคนถามว่าทำไมไม่เอาเปรี้ยวมา
    “เขาเป็นฆาตรกรฆ่าคน เราไม่ได้ว่าเขา แต่เราฟังมาจากข่าว เขาก็อยู่ในคุก เรารู้ เราไม่ได้ปัญญาอ่อน ถึงขนาดนั้น เรารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เราก็ปรึกษาหลายๆ คนแล้วว่าไม่น่าเกลียด เราไม่ได้สนับสนุนให้คนด่าตำรวจ มีคนด่าตำรวจเยอะ แต่ตำรวจไม่รู้ไง”

 

 

   ล่าสุด "อ๊อด" บัณฑิต ทองดี โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าอยากให้ตัดออกเพื่อความเหมาะสม
    “เหรอ พี่อ๊อดก็เคยมีปัญหาเรื่องแบบนี้ เกี่ยวกับเรื่องเซ็นเซอร์ แต่หนังยังไม่ออกมา มันยังตอบอะไรไม่ได้”
    หวั่นใจไหม ถ้าหนังถูกระงับฉาย
    “จะห้ามฉายได้ไง เราไม่ได้ทำผิดอะไรหนิ หนังเรื่องนี้สอนทั้งเรื่อง อันนี้แค่เอ็มวีไหม ซึ่งหนังจะปล่อยออกมาเต็มๆ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ถามว่าจะมีกระแสอะไรอีกไหม เราไม่ได้เป็นคนสร้างกระแส คนอื่นมาด่าเราจนเป็นกระแส คนต้องมีเหตุผล อย่างที่บอกว่าถ้ารู้สึกว่าเราผิด เราขอโทษ เราอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ใช่ว่าด่าตำรวจแล้วเอามาเล่นหนัง มันไม่ใช่”
    คนที่จะเข้าไปดูหนังเราจะได้อะไรกลับมา
    “ได้ความบันเทิง เจตนาจริงๆ เราอยากสอนให้คนมีสติ ต้องดูหนังในเรื่องถึงจะรู้ เพราะนี่แค่ตัดมาเป็นตัวอย่าง อย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม ถ้าเป็นมากๆ มะพร้าวจะหล่นใส่หัว เดี๋ยวหัวแตกนะ เราแต่นำเสนอ เพราะว่าเรื่องนี้พระแจ๊สสอนทั้งเรื่อง”