ห้ามรีรัน “ทิวลิปทอง” ถ้าไม่ใส่โลโก้

         ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ เพราะหลังจากที่ ฉลอง ภัคดีวิจิตร ได้ออกมาแถลงข่าวถึงปัญหาต่างๆ ของละครเรื่อง “ทิปลิปทอง” งานนี้ได้รับกระแสวิจารณ์ว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างออกมาพูดเหมือนหนังคนละม้วน ล่าสุด “นุช” จีระนุช ทุเครือ พร้อม ริชาร์ด และ นัฐกาตน์ ใบเงิน จึงได้รวมตัวออกมาแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมเตรียมแจ้งความดำเนินดคี ผู้กำกับคนดังข้อหาหมิ่นประมาทที่ร้านเกีย ง่วน ภัตตาคาร ชั้น7 เวลา10.30น. วันที่1ธค. เซ็นทรัล พระราม9 

         โดย "นุช" จีระนุช แจงว่า "ก็ตกใจที่อาพูดว่าเขาเจอเราที่งานวัดไทย คือเราเคยเจออาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว และเมื่อปี2015 ติดต่อโดยคุณสมรักษ์ เป็นพี่ชายที่สนิทกัน เรานัดเจออาวันที่ 7 มกราคมปี 2016 เจออาก่อนที่อาจะบินไปดูโลเคชั่น ครั้งแรกผ่านเขาประสานงานให้เราหาทุ่งทิวลิปใหญ่ๆ แค่นั้นเองเพราะเราทำธุรกิจเกี่ยวกับดอกไม้ (มีปัญหาเรื่องการดูโลเคชั่นอย่างไร)คือวันที่ 27 มีนาคม บินไป 4 คน มีอา มีภรรยา คุณอาร์ต (ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์) และคุณโอซึ่งเราเป็นคนแนะนำคุณนัฐกาตน์ให้รู้จักกับอา เพราะเราทำงานทุกวันไม่สามารถช่วยเหลือคุณอาได้ พอกลับมาจากการดูโลเกชั่นคุณอาก็กลับเมืองไทย จนวันที่ 17 เม.ย. ก็ติดต่อนุชมาและบอกว่ามีบางโลเกชั่นที่ไม่สามารถขอใบอนุญาติได้ เพราะสถานที่ต่างๆ ในเนเธอร์แลนด์ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 อาทิตย์ในการขอใช้สถานที่ เราก็เลยบอกแฟนเราให้จัดการภายใน 1 อาทิตย์ได้ใบอนุญาติทุกสถานที่ ยกเว้นที่สนามบินสถานที่เดียว คือเราทำให้ทุกอย่าง (เกิดอะไรขึ้น ฝั่งผู้ผลิตถึงบอกว่ารู้จักคุณนุชเพราะเป็นแม่ค้าขายปลาร้า และมีการบังคับให้ดาราไปช่วยขายปลาร้า) วันที่ขายคือวันที่ 23 เม.ย. คือเราเจอกันมาหลายวันแล้ว คนในกองก็จะรู้ว่านุชขายปลาร้าด้วยทำงานด้วย วันนั้นเป็นงานวัดไทยที่เนเธอร์แลนด์ก็จะมีคนไทยเยอะแยะเลยในวัด อยากจะบอกว่าที่คุณอาบอกว่าหลวงพ่อมาขอร้องให้ดาราไปช่วยงานนั้นไม่ใช่นะ คือนุชเป็นคนบอกกับคุณนัฐกาตน์เองว่าไปขอหลวงพ่อได้ไหม ว่าเราอยากจะขอให้ดาราไปช่วยงาน คือดาราไปช่วยงานด้วยใจ พอวันที่ 23 เม.ย. เขาเห็นเราขายปลาร้าเขาก็เลยมาช่วยเราขายสนุกสนาน เราไม่เคยไปขอร้องหรือบังคับให้เขาไปช่วยเลย เรื่องที่เขาบอกว่าเราบังคับนั้นไม่จริงเลย คือเราอยู่เมืองนอกมาตลอดเราก็อยากออกมาพูดบ้างแค่นั้น

         (แล้วปัญหาเรื่องเงินซ่อมรถบิ๊กไบท์ 3 คันมันเกิดปัญหาอะไรทำไมเขาถึงบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเพราะเขาไม่ได้ทำเสียหาย) คือตั้งแต่เขากลับไปเราไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย หลังจากที่เขากลับไปก็มีบิลจากบริษัทรถส่งมาว่าเราทำรถเขาเสียหาย เป็นรอยข่วนเต็มคัน ซึ่งเขาต้องทำสีใหม่เป็นราคา 1050 ยูโร เราก็ส่งบิลให้ทุกคนที่เราติดต่อได้ แต่เราไม่สามารถติดต่อใครได้เลย ประเทศเนเธอร์แลนด์ถ้ามีบิลแล้วเราไม่จ่ายเขาจะคิดดอกเบี้ยซึ่งมันจะขึ้นเรื่อยๆ จนเราติดแบล็กลิสต์ ซึ่งเราเป็นคนเช่าเราก็เลยต้องจ่ายเงินตรงนั้นไปหลังจากที่เขากลับมาเมืองไทยได้ 2 เดือน และเราก็มีการทวงถามมาตลอด เพราะจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องไปจ่ายค่ามอเตอร์ไซด์ให้เขา มันเป็นปัญหาของเขา ซึ่งมีคุณอาร์ตติดต่อกลับมาแจ้งเราว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำรถล้ม แต่เรามีคลิปที่เขาเป็นคนทำล้มนะ เราทวงถามมาตลอดจนผ่านไปปีกว่า พี่สาวภรรยาของอาก็จ่ายเงินให้ เรื่องตรงนี้ก็เคลียร์กันไป เราก็ไม่ติดใจอะไร (มีคนในทีมผลิตถามว่าทำไมต้องทวงถาม คืออยากดังหรือใช้นามสกุลภักดีวิจิตรเหรอ) อยากบอกว่านุชนอยด์เรื่องนี้มาก นุชแต่งงานแล้วเราก็อยากใช้นามสกุลสามี คือเรารู้สึกว่าเขาดูถูกเรา เราเป็นคนไทย เขาไม่ควรเอาเรื่องนามสกุลมาล้อเล่นแบบนี้ แม้เขาจะมีบอกว่าพูดเล่นแต่เราไม่สนุกด้วย (เรื่องที่คุณอาบอกว่าสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ) คือเราไม่ได้อยากเงินนะ แต่นุชจะบอกก่อนว่าที่เนเธอร์แลนด์เราทำอะไรให้บ้าง บ้านโยฮัน บ้านลิซ่า ทุ่งทิวลิป 3 ทุ่ง สถานีตำรวจ ซุปเปอร์มาร์เกต รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู รถตู้ รถลิซ่า และรถหรูที่เข้าฉาก ค่ายมวยเราก็พาไปรู้จักเจ้าของค่าย สนามบินแม้คุณอาจะจ่ายเงินแต่คุณริชาร์ดเป็นคนขอให้ซึ่งบอกเลยว่าขอยากมากเพราะบางที่ไปขอเขาปฏิเสธเลยว่าไม่ได้ แต่อาบอกไม่ได้เราต้องให้เจ้านายเก่าของสามีที่เป็นทหารเข้าไปคำประกันให้ นอกจากนี้ก็มีมอเตอร์ไซด์ 3 คัน และตัวเอ็กซืตร้าคนละ 100 ยูโร นอกจากนี้คุณริชาร์ดยังเป็นคนค้ำประกันทุกฉากที่ใช้ปืน และเป็นผู้ถือใบอนุญาติทุกสถานที่ของเนเธอร์แลนด์ และสวนดอกไม้ที่เข้าไปถ่ายทำฟรีเราไม่ได้ต้องการเงิน แต่เราต้องการความสนิทสนม 

          (แล้วที่คุณอาให้สัมภาษณ์ว่าคุณจะดิสเครดิต) เราไม่ได้จะดิสเครดิต แต่ที่โทรตามคือเราโทรทวงเงิน 1050 ยูโร เพราะเราติดต่อใครไม่ได้เลยเขาบล็อกการติดต่อของเราทุกทาง (อยากทราบว่าทราบได้อย่างไรว่าอาพกเงินมา 4 ล้าน แต่อาได้ 11 ล้านเพราะอาบอกว่า ไม่เคยพูด) อาไม่เคยพูดเรื่องนี้ เราถามผ่านภรรยาของอา เขาบอกว่าไม่พอ แค่ค่าเครื่องบินก็ไม่พอแล้ว แต่ที่นุชเห็นในกองพี่สาวของภรรยาจะเป็นคนควักค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขาเป็นคนจ่ายทุกอย่าง เราก็เลยไม่รู้ว่าเขาอยู่สถานะอะไร คือเราก็สงสัยเพราะไปที่โน่นแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเพราะฟรีแทบทุกอย่าง ที่มีปัญหาน่าจะเป็นเรื่องปืนปลอมเพราะสามีของนุชนั้นเป็นทหารเก่าเขาจะรู้กฎหมายเนเธอร์แลนด์เป๊ะมาก คือปืนปลอมไม่สามารถนำเข้ามากับกองถ่ายได้ เพราะมีน้องในกองถ่ายมาเขามาถามเราว่าจะทำอย่างไรดีเพราะเขามีปืนปลอม อาเอามาฝากไว้ เราก็ตกใจเพราะเนเธอร์แลนด์มีปืนปลอมเป็นเรื่องใหญ่ เราก็เลยไปพูดกับอาว่า ถ้ายูยังอยากให้เราช่วย ยูอย่าเอาปืนปลอมมาเล่นในกองถ่ายเพราะเราเป็นคนการันตีคุณ แม้คุณจะไม่ได้ใช้ แค่ถือก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว เพราะตามกฎหมายคนที่ถือปืนปลอม ตำรวจสามารถยิงได้เลย และมีโทษหนักมาก (มีข่าวว่าส่งหนังสือไปช่อง 7 ระงับฉาย) เราไม่ได้ส่ง แต่เรามีบอกทางช่องไปเรื่องโลโก้เพราะเราติดต่อทางอาไม่ได้ (ส่วนบทสรุปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรเมื่อทางผู้ผลิตจะไม่แก้ไขอะไรให้) คือนุชได้ยินแล้ว คือเราแจ้งช่องไปว่าถ้าเขาไม่ใส่โลโก้ให้ เราก็จะไม่อนุญาติให้ทางช่องนำละครเรื่องนี้มารีรัน" นุช กล่าวแจง

 

         เมื่อถามถึงเรื่องโลโก้ที่คุณอาร์ตบอกว่าคุณริชาร์ดไม่ส่งโลโก้มาทำให้ใส่โลโก้ไม่นั้น ริชาร์ด แจงว่า "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลโก้ก็คือมันถูกส่งไปแล้ว ผมคิดว่าเขาลืมเรื่องราวอีกครึ่งหนึ่งไป ครั้งแรกที่ผมส่งไป ผมได้รับการตอบกลับมาว่า ภาพโลโก้ละเอียดไม่พอ พวกเขาส่งอีเมล์ ส่งจดหมายมาหาผมก็เลยบอกไปว่าผมไม่มีรูปที่ใหญ่กว่านี้ แต่คุณเป็นมืออาชีพเป็นคนทำหนัง เป็นคนออกแบบคุณต้องทำให้ได้ซิ มันก็จบแค่นั้น ผมมองว่าโลโก้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบริษัท คุณเห็นโลโก้ก็จะนึกถึงบริษัท ถึงไม่มีชื่อก็รู้ว่าเป็นบริษัทอะไร โลโก้จึงสำคัญมาก  ตอนแรกที่ฉลองมาฮอลแลนด์กับนักแสดงและทีมงานสร้างหนังนั้น พวกเขาไม่มีอะไรเลย พวกเขาต้องการทั้งบ้าน และรถหรืออะไรก็ตาม เราได้แต่คิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้างเพราะพวกเขาไม่มีใบอนุญาตอะไรเลย นอกจากนี้มีบ้างเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้ ตอนเริ่มถ่ายหนังที่สนามบิน ผมได้ยินว่าเขามีปืนปลอม ซึ่งผมไม่รู้มาก่อน ก็เลยมีบางคนบอกว่าปืนอยู่ที่รถบัสผมก็เลยทำลายทิ้ง ตอนเขามาอยู่ที่นี่เรามีบ้านให้สองหลังฟรีๆ มีรถบัสให้ฟรี เพราะหนังของเขาทุนต่ำมาก เขามีเงินไม่ค่อยเยอะ แต่คุณควรใส่ชื่อกับโลโก้ในหนังด้วย เพราะสำหรับเรามันสำคัญมาก แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว ก่อนหน้านั้นผมก็เริ่มสงสัยบ้างแล้ว เราเคยนัดพบเพื่อคุยกันที่นี่ตอนต้นปี 2016 ที่กรุงเทพนี่ กินกาแฟกัน พูดคุยธุรกิจกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย แต่หลังจากนั้นน่าจะเป็นเดือน มีนาคม เขาก็ติดต่อมาบอกว่าทำสำเร็จแล้ว ผมก็เลยบอกว่าโอเค. แต่ผมบอกเบิร์ดว่า ผมต้องการอะไรที่เป็นลายลักษณ์อักษรนะ พวกเขาก็เลยส่งสัญญามาทางจดหมายก็เป็นสัญญาที่ดี แต่ตรงด้านล้างกลับมีตัวหนังสือเล็กๆ ว่า สัญญานี้ไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้บริษัทคุณ" ริชาร์ด กล่าว 

          เมื่อถาม นัฐกาตน์ ถึงเรื่องภาษีที่ฝ่ายผลิตบอกว่าคุณทำให้ไม่สำเร็จคืออะไร "เรื่องภาษี จริงๆ ไม่ใช่ทำไม่สำเร็จนะแต่เขาขอเอกสารคืนเพื่อจะให้อีกทีมหนึ่งทำต่อ เมื่อเขาเรียกเอกสารคืนเราก็ต้องคืนเขาไป จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เราจะเจอพวกเขา ซึ่งท้ายสุดเราก็เป็นคนส่งให้นะไม่อย่างนั้นเอกสารพวกนี้จะอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้อย่างไร (ค่าใช้จ่าย 9000 เคลียร์ไปหรือยัง) เรียบร้อยแล้ว เขาโอนให้เมื่อวาน (30 พ.ย.)" นัญกาตน์ กล่าวปิดท้าย