เปิดใจ 'เติ้ล' คลอดลูกสาวก่อนเพราะภรรยาครรภ์เป็นพิษ (คลิป)

    ทำเอาใจหายใจคว่ำเพราะมีกำนดคลอดเดือนมกราคม แต่ "กระแต" เสาวคนธ์ ภรรยาสาว ต้องผ่าคลอดกระทันหัน เพราะมีอาการครรภ์เป็นพิษ ล่าสุด "เติ้ล" ตะวัน พร้อม ดวงดาว จารุจินดา คุณแม่ของเขา (อายุ64) และภรรยา ได้ออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องบุตรสาว ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ได้ความว่า
    "ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ๆ นักข่าวทุกคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวจารุจินดา จริงๆ แล้วกำหนดคลอดของแตคือ 20-29 ม.ค. 2561 หลังจากที่เรากลับมาจากต่างประเทศ ได้มาตรวจครรภ์ตามคุณหมอนัด ปรากฎว่าระว่างที่ตรวจความดันแตขึ้นประมาณ 180 เราตรวจซ้ำ 2-3 รอบ ความดันก็ไม่ลด คุณหมอ (นพ.เทวินทร์ เดชเทวพร สูตินรีแพทย์เป็นแพทย์ที่ดูแล) จึงให้ตรวจปัสสาวะเพื่อเช็คว่ามีโปรตีนรั่ว ปรากฎว่าน้ำปัสสาวะมีโปรตีนรั่วออกมา คุณหมอก็สั่งเข้าห้องไอซียูทันทีเพราะกลัวแตจะชัก ในวันนั้นคุณหมอแจ้งเราว่าแตมีอาการครรภ์เป็นพิษ ซึ่งมันอันตรายมากๆ ทั้งชีวิตของแม่และลูก ซึ่งก่อนหน้านี้แตไม่มีอาการอะไรนอกจากจะนอนไม่สบายและเรอบ่อยเท่านั้น ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร คุณหมอตัดสินใจให้ผ่าตัด ซึ่งตอนนั้นน้ำคล่ำของแตเหมือนมันล้นออกมาและมีภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งคุณหมอบอกว่าคุณหมอขอรักษาชีวิตคุณแม่ไว้ก่อน คืนวันที่ 21พ.ย. เราอยู่ในห้องไอซียูและมองหน้ากัน ผมรู้สึกเลยว่ามันเป็นนาทีชีวิต แตเองก็ไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นหลังเขาผ่าตัดจะเป็นอย่างไร   ลูกจะเป็นอย่างไร คือเราทั้งคู่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  
    แตต้องเข้าผ่าตัดวันที่ 22 พ.ย. เราก็ได้แต่ยอมรับมัน เนื่องจากเราทำอะไรไม่ได้ เราก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน (คุณหมอบอกเปอร์เซ็นรอดของลูกไหม) คุณหมอไม่สามารถรับปากได้เลย จากการอัลตราซาวน์รู้แค่ว่าเลือดจากสายสะดือมันเริ่มตีกลับ คือโรคเริ่มรุนแรง การผ่าตัดใช้ไม่นาน ตอนนั้นเรากังวลแค่ลูกและภรรยาว่าจะปลอดภัยไหม ลูกจะได้รับผลกระทบอะไร จะครบ 32 ไหม เรื่องเงินก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่เรากังวลเรื่องความปลอดภัยมากกว่า (ตัดสินใจยากไหม) ตอนนั้นตัดสินใจไม่ได้เลย ตอนที่เข้าผ่าตัดเราห่วงเมียอย่างเดียว พอน้องออกมาเราก็ได้ยินเหมือนเสียงลูกแมว  เรามาเห็นลูกชัดๆ ตอนเขาเอาลูกมาไว้ข้างบนแล้ว สิ่งแรกที่เห็นคือจมูกเหมือนแม่ ความรู้สึกตอนนั้นลูกเราน่ารัก น่าสงสาร หลังจากนั้นเราก็เห็นเขาตลอด เขาก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เขาสู้จริงๆ คือน้ำหนักแรกคลอดคือ 835 กรัม ยาว 34.5 ซม. แต่เป็นเด็กตัวเล็กที่คุณหมอบอกว่าแข็งแรงมาก คือหายใจเองได้ หัวใจดี สมองดี ย่อยอาหารเอง สุขภาพดี เพียงแต่เขาตัวเล็กเท่านั้นเอง 

 

 

    ตอนนี้ลูกต้องอยู่โรงพยาบาลอีกพักใหญ่น่าจะเป็นเดือน ส่วนแตความดันเขายังสูงอยู่ เขายังต้องวัดความดันทุกวันเพราะครรภ์เป็นพิษ ต้องดูไปอีก1-2 เดือนความดันน่าจะลด แต่ถ้าไม่ลดเขาจะเป็นความดันสูงตลอดชีวิต ตอนนี้เขาก็ต้องอยู่โรงพยาบาลต่อเป็นเดือน ยังไม่ทราบว่าจะออกได้เมื่อไหร่ (ขอทราบชื่อลูกสาว) น้องมียา ชื่อจริงคือ อะมีณยา ชื่อนี้ลุงเป๊ก สัญชัย เองตระกูล เป็นคนตั้งให้ ตอนนั้นเราไปกินข้าวด้วยกัน เขาก็ถามว่าได้ชื่อหรือยัง เราก็บอกว่ายังไม่ได้ คือเราอยากได้ชื่อไทยที่ดูน่ารัก เรียบร้อย กุลสตรี พี่เป๊กเลยบอกว่าชื่อ อะมีณยา ไหม เราก็บอกว่าชื่อดีเราชอบ (ชื่อมีความหมายว่าอะไร) พี่เป๊กบอกว่าอะมีณยาแปลว่า ผู้หญิงแกร่ง ผู้หญิงที่เป็นผู้นำ แต่ชื่อตามภาษาอังกฤษจะหมายความว่าเป็ที่รักของผู้คน และเขาก็เป็นที่รักจองผู้คนจริงๆ ผมเชื่อว่าทุกคนที่เห็นเขารู้เรื่องเขาก็จะเมตตาเพราะเขาตัวเล็ก (ตั้งใจจะมีลูกกี่คน) มี2 คนแน่ๆ แต่คงต้องรอให้คนนี้ปลอดภัยก่อน" เติ้ล กล่าว
    "กระแต" เสาวคนธ์ กล่าวถึงความรู้สึกขณะนั้นว่า "เราก็บอกลูกว่าอยู่ด้วยกันนะ ตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะอยู่ห้องไอซียู ตอนตี5 ครึ่ง หมอรมยาเข้ามา เราก็ขอให้พี่เติ้ลเข้ามาห้องคลอดด้วยได้ไหม เพราะเรากลัว ตอนเขาเข็นไปห้องคลอดเราก็ทำใจอย่างเดียว ตอนบล็อกหลังยังรู้สึกตัวแต่ตอนที่พี่เติ้ลเข้ามาเราไม่รู้สึกตัวแล้ว(วินาทีที่ได้ยินเสียงน้องรู้สึกอย่างไร) ตอนเขาผ่าไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ได้ยินเสียงลูกร้องแว้ๆ เราก็ดีใจที่ได้ยินเสียงลูกร้องด้วย คือช่วงนั้นก็ยังกังวลเพราะเราไม่รู้ว่าลูกจะเป็นอย่างไร คลอดเสร็จหมอก็ยื่นลูกมาให้ดูแป๊บหนึ่งแต่พี่เติ้ลยืนบัง เราก็บอกว่ามองไม่เห็นๆ (เพื่อนๆมาเยี่ยมไหม) เพื่อนๆ ก็มาให้กำลังใจ เอมี่ กลิ่นปทุม มาเฝ้าหน้าห้องไอซียูตั้งแต่วันแรก (จะมีลูกคนที่ 2 ต้อเลยไหม) ยังๆ คุณหมอบอกว่าถ้าจะมีคนต่อไปเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นแบบนี้อีกมันยังมีอยู่ แต่เราจะเฝ้าระวังเบื้องต้นได้ ตอนนี้คงยังไม่มี ตอนนี้พี่เติ้ลกับคุณแม่ก็มีสวดมนต์ ทำบุญตักบาตร และมีไปไหว้ที่ศาลทุกวัน" กระแตแจง

 

    ดวงดาว จารุจินดา  กล่าวเสริมว่า "ในยามนี้ซาบซึ้งและประทับใจมากขอบคุณทุกคน ตอนนั้นที่เขาโทรมาบอกว่าแตครรภ์เป็นพิษต้องผ่าออกเลย เราก็ช็อคไปพักหนึ่งแต่เราต้องตั้งสติเพราะถ้าเราอ่อนแอลูกเราก็คงแย่ เราถามเขาว่าอยากให้แม่ไปอยู่ด้วยไหม เขาบอกว่าเขาอยู่ได้ เสร็จเรียบร้อยตอนเช้าเราก็ไปทำบุญตักบาตรและมาที่โรงพยาบาล ปรากฎว่า ตอนนั้นเขาเข้าไปห้องผ่าตัดแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้คือสิ่งที่ไม่คาดฝันมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเราต้องรับมือมให้ได้ ใช้สติเพราะถ้าเราไม่มีสติเราจะตัดสินใจอะไรไม่ได้ แต่แตกับเติ้ลเขาเลือกแล้วว่าฝากชีวิตไว้โรงพยาบาลนี้ พอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทำให้ตระหนักได้ว่าเราได้มอบชีวิตลูกสะใภ้และหลานเราอยู่ในมือหมอที่เรามั่นใจ และสุดท้ายเราก็ได้ข่าวดี พอหลานคลอดออกมาแม้เขาจะตัวเล็กแต่เขาครบ 32 เราเชื่อว่าเขาสู้เราผนึกกำลังกันสู้เราก็บอกเขาว่า มีณยาหนูสู้นะลูก ตอนนี้ที่บ้านก็มีการต่อเติมคือเติ้ลเขาแยกบ้านไปแล้วแต่พอคลอดเขาจะมาอยู่ที่บ้าน เพราะเติ้ลเขาอยากจะให้ลูกเติบโตในครอบครัวใหญ่ ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ใหญ่และคนสมัยใหม่ผสมกัน สามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ ตอนนี้เราก็เลยต่อบ้าน ทำห้องซื้อเตียง ตู้เย็นเตรียมไว้ ถามว่าเห่อไหมคือตอนนี้เราไม่ได้คิดถึงตอนนั้น ก็ได้แต่สวดมนต์ให้เขา ขอให้อวัยวะทำงานได้สมบูรณ์ ให้เขาเติบโตมาอย่างแข็งแรงเท่านั้นเอง" ดวงดาวกล่าวปิดท้าย