บันเทิง

'ทราย เจริญปุระ' เดินหน้าฟ้องปกป้อง 'แม่' 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทราย เจริญปุระ" เดินหน้าฟ้อง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของ "แม่"

 


        กลายเป็นดรามาร้อนแรง กรณีที่อดีตนางเอกดัง “ทราย เจริญปุระ” ถูกสำนักข่าวแห่งหนึ่งเผยแพร่ข้อความ “ความในใจจากลูกทรพี? เปิดค่ารักษาแม่ ทราย เจริญปุระ ต้องเล่นละครกี่เรื่องถึงจะจ่ายไหว” ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้ทรายถูกชาวเน็ตวิจารณ์แรง จนทำให้เจ้าตัวฉุนขาด แม้สื่อดังกล่าวจะออกแถลงการณ์แต่ทรายก็ตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีกับสื่อคู่กรณี ล่าสุดรายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม" กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30 - 21.00 น. ทางช่อง 28 ได้เชิญทรายมาเป็นแขกรับเชิญเพื่อชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว
        ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณแม่ป่วย
        “แม่ป่วยมานานแล้ว ก็ดูแลตัวเองรับยาสม่ำเสมอ จนช่วงหลังๆ ที่พ่อเสียไปสักพัก มีอาการอื่นๆ เข้ามาด้วย คือสมองเสื่อม จะทำให้มีผลกับเรื่องการทรงตัว เรื่องอารมณ์ การตัดสินใจ”
        อาการเริ่มต้น
        “คือมีพฤติกรรม ความคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิม คือเราอยู่กับแม่เรามาตลอด เรารู้ว่าเขามีนิสัยอะไรยังไง มีความเครียดมากขึ้น อยู่ดีๆ ก็คิดว่าลูกไม่รัก ทั้งๆ ที่ไม่มีสาเหตุอะไรเลย ทรายก็ไปทำงานของทรายปกติ เริ่มขับรถเริ่มกะระยะไม่ได้ ถอยรถออกมาชนประตูรั้วบ้านตัวเอง ทั้งที่ถอยออกมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว ตอนแรกเราก็คิดว่าสายตาไม่ดี คนแก่เนอะ ยังกะระยะ หรือเปลี่ยนรถคันใหม่หรือเปล่า คุณแม่อายุ 60 เราก็ไม่คิดว่ามีผลเรื่องทางสมอง จนหลังๆ เริ่มมีความรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย ถึงขั้นออกปากว่าอยากตาย ด้วยสาเหตุว่าลูกไม่รัก ซึ่งมันไม่ใช่ แกโทร.มาหาว่าทรายเคยพูดใช่มั้ยว่าคนเป็นแม่ทำอะไรก็ไม่ผิด ทรายก็เอ๊ะ แม่ไปทำอะไรมาหรือเปล่า แกก็บอกว่าอย่าเลี่ยงคำตอบ เราก็งง ปกติเราอยู่กองถ่ายแม่จะไม่โทร.ตาม เราก็เอ๊ะ ก็แปลกๆ กลับไปรถมีรอยชนรอบคัน ก็ถามว่าแม่ไปชนอะไรมา เขาก็บอกว่าทำไม ถ้าเขาชนแล้วจะทำไมเธอกลัวเธอเสียชื่อเสียงเหรอ เราก็เอ๊ะ ทำไมมันแปลกขึ้นเรื่อยๆ”
        เขาบอกมั้ยจะฆ่าตัวตาย
        “ไม่ แต่ร้องไห้เยอะมาก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน หลังๆ ก็เริ่มหนักขึ้น เราก็บอกว่าแม่อย่าขับรถเลย มันอันตราย เขาก็แบบเหมือนเราขัดใจเขา เขาก็จะเถียง เขาก็เข้ามาทุบตี หยิกข่วน ก็ดูแลกันจนป่วยเป็นซึมเศร้าไปอีก เพราะมันเครียดมาก ตอนนั้นก็เริ่มรู้แล้ว แต่เรารู้สึกว่าเราต้องดูแลแม่ได้ คิดว่ายังไม่เกินมือ ทรายก็เริ่มซึมเศร้าตาม เพราะเครียดมากให้น้องชายช่วยดู แบ่งหน้าที่กันซักพักน้องชายก็บอกว่าโดนแม่ทำร้ายเหมือนกันเลย เฮ้ย มันจะไล่ไปเรื่อยๆ มันไม่ไหวแล้ว มันไม่ดีกับตัวแม่เองด้วย เพราะว่ายิ่งเขาเครียด สมองส่วนที่มันเสียหาย มันก็จะเสียหายมากขึ้นไปอีก ก็เลยตัดสินใจว่าต้องรักษาทางโรคเฉพาะทาง คือพาไปที่ศรีธัญญา”
        คนมองว่าเป็นรพ. สำหรับคนบ้า
        “ก็ภาพพจน์มันเป็นอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วก็เป็นรพ.เฉพาะทาง ไม่ว่าจะเรื่องของทางสมอง มีคนบอกหลายทีแล้ว แต่เราติดว่าเฮ้ย มันต้องศรีธัญญาแล้วเหรอ มันรุนแรงถึงขนาดนั้นแล้วเหรอ สุดท้ายมันไม่ใช่แค่กินยาแล้วก็หาย เป็นเรื่องที่ต้องทำกิจกรรมบำบัด จิตบำบัด ซึ่งที่นี่ก็เฉพาะทางที่สุดแล้วแล้วก็ใกล้บ้านที่สุดแล้ว”
        หมอวินิจฉัยว่าใช่ ต้องรักษาอาการทางจิต ลักษณะแบบนี้มันเหมือนกับโรคไบโพลาร์มั้ย
        “มันจะมีความต่างในรายละเอียด จริงๆ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยเพราะมันมีความใกล้เคียงกันมาก ยาแต่ละตัวที่รักษา หรืออาการ บวกกับอายุ บางคนเส้นเลือดโป่งไปกดทับต่อมที่แสดงอารมณ์ก็สามารถเป็นไบโพลาร์ได้ แต่จริงๆ ไม่ใช่ไบโพลาร์ มันต้องไปแก้ที่เส้นเลือด”
        ทีนี้อาการของคุณแม่ที่จะฆ่าตัวตาย
        “เขาเอาปืนพ่อมาวาง คือทรายไม่กล้าถึงถามว่าแม่จะทำจริงเหรอ มันเป็นคำไม่ควรจะถาม แต่รู้สึกว่าของในบ้านเป็นของอันตรายไปหมดเลย มันมีสัญญาณ ซึ่งมีคนบอกว่าคนขู่ไม่ทำหรอก แต่จะให้เราเสี่ยงเหรอ มันไม่ได้ เราก็ไม่ทราบว่าแกหยิบมาทำไม ก็ได้แต่ให้น้องเอาไปซ่อน อยู่กันด้วยความเครียดสูงมากยอมรับ ตอนนั้นถ่ายละคร จนไม่มีสมาธิมากเลย เพราะมันกังวลมาก ว่าแม่จะทำอะไร มีอยู่วันหนึ่งแม่เดินหายไปไหนก็ไม่รู้ เราก็ไม่ไหวในสภาพแบบนี้เหมือนกัน หรือวันหนึ่งแม่แอบขับรถออกไปถ้าแม่ชนแล้วเจ็บเราก็แย่พอแล้ว ถ้าแม่ชนคนอื่นอีกก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ คุณหมอก็บอกว่าเป็นไปได้ว่าอาจจะมีความเครียดสะสม ตอนที่แม่ดูแลคุณพ่อซึ่งป่วยมาตลอด วันหนึ่งพ่อไม่อยู่แล้ว ต้องอยู่คนเดียว”
        ตอนพ่อเสีย พ่อเป็นอัลไซเมอร์ด้วย
        “ใช่ แกจะลืมทุกอย่าง พอถึงเวลาระบบมันก็ชัตดาวน์ ซึ่งคุณหมอก็ให้ความรู้มาแล้ว ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ต่อให้ใช้ท่อหายใจ วันหนึ่งถอดท่อมันก็จบ”
        ณ วันนี้ก็พยายามดูแลเต็มที่
        “เท่าที่จะทำได้”
        ทรายทำงานมีการดูแลคุณแม่ หาทางรักษาทุกทาง สุดท้ายมีสำนักข่าวสำนักหนึ่งพาดพิงถึงคุณ และได้เขียนว่าคุณเป็นลูกทรพี เป็นเครื่องหมายคำถาม เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
        “คือทรพีเลยเหรอ คือต่อให้มันมีปรัศนีตามหลังหรืออะไรก็ตาม ด้วยหลักการภาษาไทย เราไม่ได้มีการขึ้นเสียงสูงจนต้องใส่ปรัศนี นอกจากใช่มั้ย หรือไม่ ถ้าพาดว่าตกลงใช่ลูกทรพีหรือไม่ มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยนะ เข้าใจได้ แต่อันนี้คุณตัดสินเราไปแล้ว”
        ถ้าเขาพาดว่าความในใจจากเด็กเกเร
        “อันนี้โอเค เข้าใจได้ เกเรมันกว้างมาก มันไม่ดีแหละใช่ แต่ไม่ได้ตัดสินเราให้กลายเป็นคนอีกประเภทหนึ่งไปเลย”
        ตั้งแต่เข้าวงการมาจนถึงตอนนี้ เคยมีคนเรียกคุณว่าลูกทรพีมั้ย
        “ไม่เคย อาจจะโดนเรื่องไม่สวย เรื่องใดๆ ต่างๆ โดนจนชินแล้ว แต่อันนี้ไม่เคย”
        จะหยิบยกจากสื่ออื่นๆ หรือคนเคยด่า ไม่มีแน่
        “ไม่มี เพราะทุกครั้งที่ใครมาแตะพ่อแม่ทราย ทรายซีเรียสมากกว่าคนมาว่าทราย ด้วยเนื้อหาข่าวที่ขยี้ไปอีกว่าต้องรับค่าตัวเท่าไหร่ถึงจะพอ แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ เพราะข่าวรูปภาพข้างในหรืออะไรก็ตามคุณก็แคปมาจากไอจีของทราย โดยไม่ได้ขออนุญาตอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ค่อนข้างหยวนๆ อยู่แล้ว ส่วนรูปกุมขมับคุณต้องไปเซิร์จหา คุณต้องมีเวลาหารูป ถ้ามีเวลาหารูป ก็ต้องมีเวลาคิดคำที่มันโอเคกว่านี้ได้”
        คนที่พาดหัวตัวนี้ออกมา เขาติดต่อเข้ามา
        “ติดต่อมา ก็โทร.มาก่อน ต้องใช้คำว่าอ้างว่าเพราะทรายก็ไม่เห็นหน้าตา บอกว่าเป็นคนที่เขียนข่าวนี้ ขอโทษในความผิดพลาด มันเรียกว่าข้อผิดพลาดไม่ได้ คือกว่าคุณจะเขียนออกมา กว่าคุณจะส่งบก.ข่าว ส่งอะไรใดๆ มันต้องมีกระบวนการสักนิดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขียนตกสระอุ สระไอ มันไม่ใช่ อย่างน้อยแสดงความจริงใจ คุณลงข่าวตรงนี้ คุณลงขอโทษได้มั้ยว่ามันเป็นความผิดใดๆ ของคุณก็ตามคุณก็ลงชื่อไป ก็ไม่มี สักพักก็ส่งมาใหม่ว่าขอโทษ ข่าวลงในสำนักข่าวนี้ แล้วก็ไปขอโทษอีกที่หนึ่ง แล้วก็แค่นั้น ทรายก็เลยบอกว่าคุยกับทนายทรายแล้วกัน คือนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุดเท่าที่คนพึงจะกระทำต่อกันสำหรับการเรียกว่าลูกทรพี โดยไม่ชกหน้ากันซะก่อน ก็ไม่ได้มีการขานรับ หรือเร่งรีบในการแก้ไขอะไร”
        คำที่เขาลง มันไปเชิญแขกคนอื่นให้มาด่าคุณ
        “ใช่ไง เชิญคนมาร่วมกันด่า สนุกกันใหญ่เลย คราวนี้เรื่องเกี่ยวไม่เกี่ยว ชอบไม่ชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่สมัยไหน ข่าวจริงข่าวเท็จ เอามารวมกันหมด มัดรวมแล้วรวบตึงไปเลย แล้วมีคนที่เมนต์ตรงนั้น แล้วคนที่แชร์ไปด่าต่างหาก มีอีกแบบสารพัด”
 

 

'ทราย เจริญปุระ' เดินหน้าฟ้องปกป้อง 'แม่' 

'ทราย เจริญปุระ' เดินหน้าฟ้องปกป้อง 'แม่' 


        ทางฝั่งสำนักข่าวได้ออกมาแถลงการณ์ เขาบอกว่าทีมข่าวไม่ได้มีเรื่องโกรธเคือง บาดหมางกับคุณทราย ในทางตรงกันข้าม เขาชื่นชมกับการปฏิบัติตัวในฐานะการเป็นดารา และการดูแลผู้มีพระคุณ การนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นไปด้วยสุจริต ปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น ประเด็นสำคัญก่อนหน้านี้คุณเคยถูกกล่าวหาในเชิงลบ ทีมข่าวเลยแสวงหาข้อจริงในแง่มุมที่แตกต่าง และทำให้สังคมได้เห็นว่าคุณทรายเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม เคยมีคนว่าคุณเป็นลูกทรพีมั้ย
        “ทรายไม่รู้จริงๆ นะ แต่เท่าที่ทรายรู้มันไม่มี หรือตอนคุยกับมดดำ คชภา ก็ยังไม่ใช่คำนี้ เขาบอกว่ามีคนว่าคุณอกตัญญู มันก็ตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่มีคำนี้ ในประเด็นนี้ไม่มี”
        เขาบอกว่าการโปรยพาดหัวข่าวเป็นการตั้งคำถาม แต่มีคนเอาไปขยายความผิดๆ ในตัวคุณทราย ทีมข่าวเลยตัดสินใจลบข่าวทันที
        “เขาบอกเขาตั้งคำถาม ถามกับใคร ถามทรายก่อนก็ได้ ตั้งคำถามต่อใคร(หัวเราะ) ใครรู้สึกล่ะ ทรายก็เลยงง ถ้าตั้งคำถามกับทราย ทรายอนุญาต ทรายยินดี ให้ตั้ง ก็ตั้งได้ นี่ก็อีกเรื่อง นี่ทรายก็ไม่รู้เรื่องด้วย”
        เป็นดาราไม่กี่คนที่จะมาฟ้องสื่อ
        “คือเราอยู่ใกล้ชิดกันมาก นักแสดงกับสื่อ”
        จากนั้่น "หนุ่ม" กรรชัย โฟนอิน อ.ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์ เป็ฯคนร่างพรบ.คอมพิวเตอร์ เรื่องนี้ในมุมพรบ.คอมพิวเตอร์เข้ามั้ย?
        อ. ไพบูลย์ : “โดยหลักถ้าเป็นข้อความตามที่ปรากฎในสื่อ ก็น่าจะเข้าทั้งเรื่องหมิ่นประมาทและผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ เพราะข้อความที่เป็นข่าวมันออกไปในเชิงลบ ถ้าเจตนาผู้ที่เขียนอกไปในทางเชิงลบด้วย ก็เป็นความผิดทางพรบ.คอมพิวเตอร์ คุณทรายสามารถฟ้องร้องกับสำนักข่าวนั้นได้ รวมไปถึงคนที่เผยแพร่หรือเข้ามาคอมเมนต์เพิ่มเติม หรือตัวเว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์ อินเตอร์เน็ตต่างๆ”
        สื่อเขาอ้างว่าเขาไม่ได้เจตนา แต่มีคนไปพูดในมุมแง่ลบคุณทราย เลยเอาตรงนี้มาตั้งเป็นโจทย์
        อ. ไพบูลย์ : “ส่วนนี้ต้องพิสูจน์ว่าเจตนาจริงๆ เป็นยังไง แต่โดยลักษณะการขึ้นศาล บุคคลธรรมดา บุคคลสาธารณะ หรือวิญญูชนทั่วไป เขาอ่านแล้วเป็นไปในทางบวกหรือทางลบ ซึ่งโดยปกติ ถ้าคนทั่วไปอ่านแล้วเป็นไปในทางลบ เขาก็อาจจะลำบาก จริงๆ ข้อความแบบนี้เป็นข้อความที่ผิดกฎหมาย ถ้ามีการด่าหรืออะไรมันเป็นความผิดที่สามารถดำเนินคดีได้ แล้วในพรบ.คอมพิวเตอร์ใหม่ ในปี 60 ข้อดีคือทุกวันนี้เราเซิร์จข้อมูลของคุณทรายอาจจะขึ้นมาเต็มเลย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ลงไป ถ้าเป็นพรบ.ใหม่ เราสามารถเอาคำพิพากษาของศาลไปยื่นให้กูเกิล หรือเฟซบุ๊ก ลบข้อมูลที่ไม่ถูกต้องได้ เป็นข้อดีของพรบ.คอมพิวเตอ์ใหม่ ก็น่าจะลองเอามาใช้ในกรณีนี้”
        เข้าทั้งหมิ่นประมาทและพรบ.คอมพิวเตอร์
        อ. ไพบูลย์ : “ก็น่าจะเข้าทั้งสองส่วน แต่เป็นการวิจารณ์จากข้อมูลที่มีอยู่”

 

'ทราย เจริญปุระ' เดินหน้าฟ้องปกป้อง 'แม่' 


        "หนุ่ม" กรรชัย กลับมาถามทาง ทรายว่าฟังแล้วเป็นยังไง
        “จริงๆ ทางทนายก็บอกแล้วว่าต้องมีการตีความในเชิงกฎหมาย มันเป็นในเรื่องของแพ่งและอาญาด้วย ทั้งหมดทั้งมวล คุณทนายเขาก็ไม่ได้บังคับว่าทรายจะเอาเรื่องหรือไม่เอาเรื่อง หรือจะไปสร้างประเด็นใดๆ แล้วแต่ว่ามันจะไปจบตรงไหน”
        เรื่องนี้จะจบลงได้ยังไง คุยกันเคลียร์กันได้มั้ย
        “เคลียร์ยังไง คืออย่างน้อยเลยนะ จริงๆ เขาควรขอโทษทราย ตอนที่ทรายยังไม่ทันจะฟ้องเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้มันเลยจุดนั้นไปนานแล้ว คือทรายทำงานมา 20 กว่าปี เจอพี่นักข่าวไม่รู้กี่สำนัก ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ทรายมองมุมนี้ด้วยว่านักแสดงกับนักข่าว มันจริงใจ มันอยู่ใกล้ๆ กัน อ้าว แล้วที่อื่นๆ กับเราเขาก็ดี ไม่ได้มีปัญหาต่อกัน”
        การที่ไปฟ้องสื่อ คุณต้องการเรียกเงินเขา
        “เสียเวลาด้วย จริงๆ บอกตรงๆ การไปสน. การต้องมานั่งไล่หาคอมเมนต์ต่างๆ เป็นเรื่องที่แบบ ทำไปชีวิตทรายก็ไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง”
        ตอนนี้คุณจะฟ้องคนที่เข้ามาด่าคุณด้วย
        “ใช่ เพราะด่าด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หลายอันด่าด้วยข้อความที่รุนแรงมาก มากจนเกินกว่าที่วิญญูชนฟังแล้วจะมองไปแง่บวกได้”
        ทรายจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
        “ใช่ เพื่อแม่ด้วย ไม่รู้สิ ทรายกับแม่ค่อนข้างใกล้ชิด เขาไม่มีพ่ออยู่ใกล้ๆ เขาแล้ว เราเป็นยังไงก็รู้กัน มันเหมือนเราไม่ได้ปกป้องเขา”
        มีอะไรจะพูดอีกมั้ย
        “จริงๆ เรื่องเป็นความมันไม่สนุก ถ้าบอกว่าหาเงิน งานการก็มีทำอยู่แล้ว จริงๆ สำหรับคนที่คอมเมนต์ในข่าว ทรายเข้าใจว่าโซเชียลเป็นเรื่องใหม่มาก แต่บางทีเช็กข่าวนิดหนึ่งก็ดี เพราะหมายศาลไปถึงบ้านไม่น่าจะสนุก”

 

'ทราย เจริญปุระ' เดินหน้าฟ้องปกป้อง 'แม่' 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ