‘อาโป-ปราง’ พาชมนิทรรศการ ‘ภูมิราชาของแผ่นดิน’ (คลิป)

        เรียกว่าแค่ตอนแรกๆ ก็ได้รักกระแสตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับละครเรื่อง "บ่วงบรรจถรณ์" วันนี้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” นัดแนะกับสองนักแสดงของเรื่องอย่าง “อาโป” ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ และ “ปราง” กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล เพื่อไปชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติภายใต้ชื่อ “ภูมิราชาของแผ่นดิน” ซึ่งเป็นการจัดแสดงภาพ 11 สิทธิบัตรในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงคิดค้นผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา ที่หาชมได้ยาก ณ ลานเอเทรี่ยม ชั้น 1 ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี พระราม 9 ซึ่งนิทรรศการดังกล่าวเพิ่งจะจบไปเมื่อวันก่อน
        “อาโป-ปราง” ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มเดินไปชมนิทรรศการนี้ทันที โดยมีทีมงานของโชว์ดีซี เป็นผู้อธิบายนิทรรศที่มีการจัดแสดงภาพ 11 สิทธิบัตรในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงคิดค้นผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาใช้พัฒนาประเทศและดูแลประชาชนชาวไทยให้กินดีอยู่ดี จนได้รับพระราชสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งนักประดิษฐ์ไทย” โดยทรงได้รับการถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรรวมทั้งสิ้น 11 ฉบับ
        ทั้งสองคนเริ่มต้นตั้งแต่สิทธิบัตรฉบับแรก คือ เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย (กังหันน้ำชัยพัฒนา) เป็นเรื่องเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือ (กังหันน้ำชัยพัฒนา) พอได้ความเป็นมาของสิทธิบัตรใบนี้ อาโปถึงขั้นร้อง “ว้าว!!” จากนั้นมาถึงสิทธิบัตรฉบับที่ 2 การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซล (น้ำมันไบโอดีเซล) การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเป็นการใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลแทนน้ำมันดีเซล สาวปรางกล่าวขึ้นมาว่า “อันนี้มีประโยชน์มากๆ เพราะยุคนี้น้ำมันแพง” จากนั้นมาต่อที่สิทธิบัตรฉบับที่ 3 กระบวนการปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยวเพื่อให้เหมาะแก่การเพาะปลูก (โครงการแกล้งดิน) เป็นกระบวนการปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยวเพื่อให้เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยใช้วิธีการเลียนแบบธรรมชาติเพื่อแกล้งให้ดินมีสภาพเปรี้ยวจัดก่อน แล้วชะล้างความเปรี้ยวของดิน และปรับสภาพดินให้เหมาะแก่การเพาะปลูกต่อไป อาโปกล่าวขึ้นทันที “โครงการแกล้งดินผมรู้จัก ผ่านหนังสือ ผมชอบโครงการนี้มาก” 

 

 

        เดินต่อมาถึงสิทธิบัตรฉบับที่ 4 ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยรางพืชร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ เป็นเรื่องระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำด้วยรางพืชร่วมกับเครื่องกลเติมอากาศ ฉบับต่อมาคือ เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ เป็นเครื่องกลเติมอากาศใช้ในการเติมออกซิเจนลงในน้ำที่ระดับลึกลงไปใต้ผิวน้ำจนถึงด้านล่างของแหล่งน้ำ ต่อกันที่ฉบับที่ 6 อุปกรณ์ควบคุมการผลักดันของเหลว เป็นเครื่องยนต์ที่ขับดันน้ำเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนเรือ ต่อกันที่ฉบับที่ 7 การดัดแปลงสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง) เป็นกรรมวิธีการทำฝนหลวงทั้งในระดับเมฆอุ่นที่ระดับต่ำกว่า 1 หมื่นฟุต และเมฆเย็นที่ระดับสูงกว่า 1 หมื่นฟุตพร้อมๆ กัน ซึ่งทรงเรียกว่า “ซูเปอร์แซนด์วิช” พอทีมงานบรรยายเสร็จ อาโปยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว “ลองคิดถ้าพระองค์ท่านไม่คิดฝนหลวงขึ้นมา เกษตรกรไทยจะลำบากแค่ไหน ท่านมีบุญคุณล้นเกล้าต่อชาวไทยจริง” อาโปยกมือไหว้และมองไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ตั้งตระหง่านอยู่ 
        ต่อที่สิทธิบัตรฉบับที่ 8 เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานจลน์ ​และฉบับที่ 9 โครงสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานจลน์  เป็นโครงสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานจลน์และชุดสำเร็จเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานจลน์ว่า “อุทกพลวัต” ความหมายว่า กังหันผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำไหล และมาถึงสิทธิบัตรฉบับที่ 10 ภาชนะรองรับของเสียที่ขับออกจากร่างกาย เป็นภาชนะที่ทรงออกแบบไว้เป็นการเฉพาะผู้รองรับปัสสาวะของผู้ป่วย และสิทธิบัตรฉบับที่ 11 การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

 

        แต่ที่ทำเอา “ปราง-อาโป” ถึงกับอึ้งก็คือที่ “องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO)” ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั่นคือรางวัลรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อปี 2552 ซึ่งรางวัลนี้ยังไม่มีผู้ใดเคยได้รับรางวัลนี้มาก่อน ได้ยินแบบนั้น ปรางถึงขั้นพูดว่า “ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระปรีชาสามารถมากจริงๆ” จากนั้นปรางกับอาโปต่างขอถ่ายรูปกับรางวัล WIPO รางวัลนี้ อาโปพูดขึ้น “ผมจะเก็บรูปนี้ไว้อย่างดี” หลังจากชมภาพสิทธิบัตรจนครบ ทั้งคู่ก็ต้องบอกลา... เพราะต่างต้องไปทำงานต่อ ก่อนจากกัน “อาโป-ปราง” ขอฝากละครเรื่อง “บ่วงบรรจถรณ์” ที่จะออนแอร์ทุกวันจันทร์-อังคาร หลังข่าวทางช่อง 3 ไว้ด้วย