การแสดง "มโนราห์บัลเลต์" สืบสานความงดงามแบบไทย ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บัลเลต์ หรือการแสดงระบำปลายเท้า เป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมและจัดเป็นศิลปะการแสดงของชาติตะวันตกที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก การแสดงบัลเลต์ได้เข้ามาสู่ระบบการศึกษาไทยเป็นครั้งแรก โดย วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร เมื่อปี 2481 โดย มาดามสวัสดิ์ ธนบาล ชาวต่างชาติที่สมรสกับคนไทยเป็นผู้ดำเนินการสอน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดให้คุณหญิงเจเมเวียส เลดปันญอน เดมอน ศิลปินบัลเลต์สัญชาติฝรั่งเศสอเมริกัน ซึ่ง ฟิลิปส์ เดมอน สามีมาทำงาน ณ สถานทูตอเมริกาในประเทศไทย ได้มีโอกาสถวายการทรงบัลเลต์แก่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ 3 พระองค์ ณ โรงเรียนจิตรลดา
ต่อมาในปี 2504 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชประสงค์ที่จะถ่ายทอดความงดงามแบบไทยให้สังคมโลกรู้จักเพิ่มขึ้น จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงชุดมโนราห์ขึ้นมา ทรงแยกและเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เอง ทรงพระราชนิพนธ์เพลงประกอบการแสดง อาทิ เช่น เริงวนารมย์ (Nature Waltz), พรานไพร (The Hunter), กินรี (Kinary Waltz), ภิรมย์รัก (A Love Story) และอาทิตย์อับแสง (Blue Day) มีครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นผู้อำนวยเพลง ใช้วงดนตรีที่จากคณะสุนทราภรณ์ และ วง อ.ส.วันศุกร์
บัลเลต์มโนราห์เปิดแสดงครั้งแรก ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพรหลังเดิม เมื่อวันที่ 5-7 มกราคม 2505 ในงานกาชาด โดยมี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รำไหว้ครูเบิกโรง วนิดา ดุละลัมพะ (สุขุม) รับบทเป็นนางมโนราห์ สมศักดิ์ พลสิทธิ์ รับบทเป็นพระสุธน และสุรเทิน บุนนาค รับบทพรานบุญ ซึ่งการแสดงครั้งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้าง ทรงเป็นผู้ควบคุมการผลิตการแสดง และทรงออกแบบฉากป่าหิมพานต์ด้วยพระองค์เอง
บัลเลต์เรื่องมโนราห์ในครั้งนี้ได้ถูกบรรจุอยู่ในการแสดงมหรสพสมโภช งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจะแสดงในวันที่ 26 ตุลาคม ณ เวทีที่ 3 โดยบรรจุอยู่ในองค์ที่ 1 ของการแสดงดนตรีสากล “ธ คือดวงใจไทยทั่วหล้า” เพื่อรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี อย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลต่อวงการนาฏศิลป์ไทย และศิลปะการแสดงของไทย ทรงยกระดับการแสดงศิลปะไทยให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศได้อย่างสง่างาม
สุทธิศักดิ์ ภักดีเทวา ผู้ออกแบบท่าเต้นและกำกับการแสดง เผยว่า “สาเหตุที่การแสดงบัลเลต์เรื่องนี้ที่ไม่ได้แสดงบ่อยเพราะทุกครั้งที่แสดงพระองค์จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรทุกครั้ง ก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูกัน ถือเป็นบัลเลต์เรื่องแรกที่เป็นบัลเลต์ไทย และเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ส่วนการแสดงในครั้งนี้เรายังคงเรื่องเอาไว้ ส่วนบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่ใช้ในการแสดงเราไม่เปลี่ยนเลย แต่มีการเปลี่ยนท่าเต้นโดยการเพิ่มดอกดาวเรือง 9 ดอกเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ท่าน และเพิ่มหญ้าแฝกเข้าไปเพื่อทำให้มีความรู้สึกว่ามีพระองค์ท่านอยู่ในบัลเลต์เรื่องนี้ ครั้งนี้นับเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทยเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีมหรสพบัลเลต์เลยตั้งแต่มีประเทศไทย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่น่าภูมิใจเพราะบัลเลต์เรื่องนี้เป็นบัลเลต์บทพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านเอง นักแสดง ทีมงานและตัวผมก็ทำงานครั้งนี้อย่างเต็มใจและทุ่มเทสุดหัวใจ เพราะนอกจากความสามารถนักแสดงทุกคนยังใช้ใจเต้นด้วยใจ ผมอยากให้เห็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน” ครูโจ้กล่าว
ด้าน ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ และ พิสิฐ จงนรังสิน ดีไซเนอร์คู่หูจากแบรนด์ “Tube Gallery” ซึ่งทั้งคู่ได้ผนึกกำลังออกแบบเสื้อผ้าในการแสดงชุดนี้ได้อย่างอลังการและสวยงาม โดยศักดิ์สิทธ์ได้เผยว่ารู้สึกภูมิใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานครั้งนี้ "มโนราห์ถือเป็นสมบัติประจำชาติในแขนงนาฏศิลป์แล้ว เรายังมีเรื่องบัลเลต์เข้ามาด้วย โครงของตัวละครใกล้เคียงเดิม เสื้อผ้าก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิม แต่ถ้าของเดิมมีอะไรที่น่าสนใจเราก็ควรนำมาเป็นพื้นฐานในการสร้างผลงานชิ้นใหม่ อย่างน้อยๆ ขอให้สวยเท่ากับเขา ให้เหมาะกับยุคสมัยในตอนนี้ ซึ่งเสื้อผ้ายุคนั้นสร้างในปี 2505 ซึ่งปัจจุบันยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไป เสื้อผ้าก็มีการพัฒนามากขึ้น อย่างชุดของกินรีนั้นทำยากที่สุด เพราะชุดเดิมจะมีความเป็นบัลเลต์สูง เป็นกินรีสีขาว แต่ชุดกินรีของเราได้ต้นแบบมาจากรูปปั้นกินรีสีทองที่วัดพระแก้ว นอกจากนี้กินรีของพี่โจ้นั้นต้องมีความคล่องตัวสูง ดังนั้นชุดที่ออกแบบออกมาต้องคำนึงถึงผู้สวมใส่ด้วยว่าใส่แล้วจะเต้นได้ไหม กระโดดได้ไหม ซึ่งชุดกินรีต้องยอมรับว่าแก้เยอะมาก ด้วยท่าเต้นที่ยากมากเสื้อผ้าก็ต้องซัพพอร์ตผู้เต้น แค่หาเนื้อผ้าก็ยากแล้ว เราต้องหาเนื้อผ้าที่นักแสดงใส่แล้วสวย ใส่สบาย ดูเนียนไปกับผิวและต้องเต้นได้ด้วย นอกจากชุดของนักแสดงหลักแล้ว ชุดของฉากไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างนกยูง ลิง เสือ ผึ้ง งู สายน้ำ รวมถึงดอกไม้ต่างๆ เราใช้เทคนิคใยผ้ามาช่วย” ศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง