บันเทิง

จากใจ ‘เบิร์ด’ ความภูมิใจต่อองค์อัครศิลปิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เบิร์ด"เอกชัย ถ่ายทอดความจงรักภักดี ผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์

         คนไทยกว่า 70 ล้านคนล้วนมีเรื่องเล่าถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เป็นของตัวเอง มีภาพความทรงจำมากมายที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ ทว่ากลับชัดเจนอยู่ในความรู้สึก เชื่อว่าคนไทยได้แสดงถึงความจงรักภักดีแตกต่างกันออกไปตามที่ตนเองถนัด เช่นเดียวกับผู้ชายคนนี้ “เบิร์ด” เอกชัย เจียรกุล คนไทยคนแรกที่คว้าตำแหน่งแชมป์กีตาร์คลาสสิกโลก...ที่พร้อมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ขององค์อัครศิลปิน

จากใจ ‘เบิร์ด’ ความภูมิใจต่อองค์อัครศิลปิน

        ปีที่แล้ว เบิร์ด ตระเวนเล่นคอนเสิร์ตมาแล้ว 60 ประเทศ ทุกครั้งที่แสดง เขาจะต้องเล่นเพลงพระราชนิพนธ์ และทุกเวทีจะมีผู้ชมชาวต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 10 คนเดินเข้ามาถามว่า เพลงที่เล่นไปสักครู่เรียกว่าเพลงอะไร ขอโน้ตได้มั้ยเขาอยากจะนำไปเล่นบ้าง ทำให้เขามีความภูมิใจทุกครั้งที่ได้เล่นเพลงพระราชนิพนธ์

         1 ปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่กับกีตาร์คลาสสิก เพราะหนึ่งในโปรเจกท์ที่ตั้งใจทำออกมาเพื่อเผยแพร่บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่าน คือการถ่ายทอดทั้ง 48  บทเพลงพระราชนิพนธ์ในเวอร์ชั่นกีตาร์คลาสสิก โดยบันทึกเสียงที่โบสถ์แห่งหนึ่งในแคนาดา สถานที่ที่ทำให้เสียงของ “กีตาร์คลาสสิก” มีความกังวานไพเราะ 

         วันนี้ เบิร์ด วัย 30 ปี เล่นเพลงพระราชนิพนธ์มาแล้วไม่ต่ำว่า 500 ครั้ง และในค่ำคืนวันที่ 14 ตุลาคมนี้  “เบิร์ด” เอกชัย ได้รวบรวมนักดนตรีฝีมือดีมาร่วมถ่ายทอดบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรูปแบบของฟรีคอนเสิร์ต โดยใช้ชื่อว่า “Still On My Mind” The Acoustic night (Tribute to the great king) Present by Thai Beverage ณ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์  

จากใจ ‘เบิร์ด’ ความภูมิใจต่อองค์อัครศิลปิน

         ทั้งนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “เบิร์ด” ถึงที่มาที่ไปของการจัดคอนเสิร์ตครั้งพิเศษ  โดยเจ้าตัวเผยว่า 

“อย่างแรกเป็นความร่วมมือของเบิิร์ดกับไทยเบฟเวอร์เรจ เราคุยกันมานานแล้วว่าอยากทำกิจกรรมเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 และเบิร์ดเป็นนักดนตรีด้วย จึงเป็นที่มา ว่าสิ่งที่เราจะสามารถทำได้ คือการทำดนตรี ที่จริงแล้วเรามี 2 โปรเจกท์ ทำแผ่นเพลงพระราชนิพนธ์และอีกอันหนึ่งคือคอนเสิร์ต ซึ่งทั้ง 2 โปรเจกท์อยู่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา 

         ที่จริงเราคุยกันก่อนที่พระองค์จะสวรรคต คุยกันมานานมากๆ กับ 2 โปรเจกท์นี้ตั้งใจทำถวายพระองค์ท่านตอนที่พระองค์ยังอยู่ เราไม่ได้คิดว่าจะทำหลังจากที่พระองค์จากไป ถามว่าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ความรู้สึกเปลี่ยนตามไปด้วยไหม ก็เปลี่ยนนะ เพราะครั้งแรกเราต้องการทำถวายพระองค์ท่าน อยากทำให้พระองค์ท่านมีความสุขในการได้ฟังดนตรี เมื่อพระองค์ท่านจากไปดนตรีของเราก็เปลี่ยนตามไปด้วย เป็นการน้อมรำลึกมากกว่าที่จะให้ความสุข” 

         บทเพลงพระราชนิพนธ์มีมากมาย แต่ต้องเลือกให้เหลืือ 17 เพลง ใช้เกณฑ์การเลือกอย่างไรบ้าง

        “ยอมรับว่ายากมาก เพราะผมอยากเล่นเพลงทุกเพลงเลย แต่ด้วยเวลาที่จำกัดมีเพียง 2 ชม. ผมเลือกเพลงยอดฮิต เช่นเพลง ใกล้รุ่ง ยามเย็น สายฝน เพลงที่คนไทยคุ้นหู แต่ว่ามีเพลงที่คนไทยไม่คุ้นหูอย่างเช่นเพลง Nature Waltz เป็นเพลงบัลเล่ต์ที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ซึ่งคนไทยไม่ค่อยรู้จักนัก สาเหตุที่นำเพลงนี้มาเล่นเพราะว่า อยากโชว์พระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน ถามผมว่า 17 เพลง เพลงไหนที่ผมประทับใจ โอ้โห ตอบยาก ผมประทับใจทุกเพลงนะ แต่ส่วนตัวผมชอบเพลงสายฝน เพราะเวลาเรียบเรียงเหมือนมีเสียงฝนจริงๆ”  

         ความผูกพันที่เบิร์ดมีต่อพระองค์ท่านในฐานะของนักดนตรี

        “ผมเป็นคนรุ่นหลังที่ไม่ได้ใกล้ชิดพระองค์มากนัก หากเปรียบเทียบกับคนรุ่นก่อนๆ แต่แน่นอนว่าผมได้เสพข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ที่เห็นพระองค์ท่านททรงงานเยอะแยะ ในฐานะของนักดนตรีเห็นโดยตรงจากเพลงพระราชนิพนธ์ ผมว่าผมโชคดีที่เกิดในรัชกาลของพระองค์ท่าน ที่มีดนตรีของพระองค์ท่านเอง แล้วเราสามารถพัฒนาตัวเองจากการนำเพลงพระราชนิพนธ์เป็นเพลงประจำตัวเวลาที่เดินทางไปเล่นดนตรีที่ต่างประเทศ ชาติอื่นเขาไม่มีแบบเรานะ พอเล่นแล้วมีความแตกต่างชัดเจนเลยนะ เพราะว่าถ้าเป็นเพลงอื่นๆ คนอื่นเล่นได้ แต่ว่าผู้ประพันธ์เพลงเป็นพระมหากษัตริย์ ชาติอื่นเขาไม่มี เป็นข้อได้เปรียบทุกครั้งที่ได้เล่น ผมมีความภูมิใจทุกครั้งที่นำบทเพลงพระราชนิพนธ์แสดงให้ผู้ฟังต่างชาติได้ฟัง เพราะเพลงที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เป็นเพลงที่ดี เมื่อเรียบเรียงเสียงกีตาร์แล้วเหมาะสมมากๆ เวลาที่ผมได้นำเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านไปแสดงเวทีที่ต่างประเทศ ฟีดแบ็กดีมากเลยนะ เพลงของพระองค์ท่านอินเตอร์มากๆ พระองค์ท่านแต่งทั้งเพลงแจ๊ส เพลงบลู มีความเป็นสากลมากๆ”

จากใจ ‘เบิร์ด’ ความภูมิใจต่อองค์อัครศิลปิน

        บทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่เบิร์ดเล่นคือเพลงใด

         “เพลงชะตาชีวิต เป็นเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจเลย ผมเลือกเล่นกีตาร์มาจากบทเพลงนี้ ฟังแล้วอยากเล่น ถามว่าเพราะอะไร คือฟังแล้วไพเราะ ความสนุกสนาน อย่างตอนนั้นผมเป็นเด็ก ผมยังชอบเพลงที่สนุกสนาน พอได้ยินเพลงพระองค์ท่านแล้ว โอ้โหเลย”

        ณ วันนี้ เมื่อพระองค์ท่านสวรรคตแล้ว บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์มีความหมายต่อเบิร์ดอย่างไรบ้าง

        “ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป เพราะเมื่อก่อนที่ผมเล่นบทเพลงพระราชนิพนธ์พระองค์ท่านยังทรงพระชนม์อยู่ เมื่อพระองค์จากเราไปแล้ว เราก็รู้สึกเศร้าเหมือนกัน เหมือนว่าเป็นดนตรีคลาสสิกที่ขึ้นหิ้งไปแล้ว เวลาที่นักแต่งเพลงอยู่แล้วจะเล่นเพลงในอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อผู้แต่งจากไป ผลงานก็จะขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง ดนตรีคลาสสิกเป็นดนตรีที่ทุกคนต้องให้การเคารพและน้อมรำลึก”

         พูดถึงศิลปินที่ชักชวนมาร่วมแสดงครั้งนี้คัดเลือกอย่างไรบ้าง 

         “ผมพยายามคัดเลือกศิลปินที่มีความหลากหลายนะ มองถึงคนที่จะนำเสนอด้านต่างๆ เช่น “เก่ง” ธชย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นคนสมัยใหม่ที่นำดนตรีไปสู่เวทีโลก สำหรับเก่งร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” หรือพี่ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) ที่มีเสียงร้องที่ลึกมาก เวลาเล่นเพลงจะเหมาะมากที่ทำให้คนอิน เสียงพี่ดาเพราะอยู่แล้ว พี่ดาร้องเพลง “แสงเดือน” และ “Oh I Say” อย่างที่บอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เรามีเครื่องดนตรีทั้งตะวันออกและตะวันตกมาร่วมกัน 

         นอกจากนี้ มีอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี มาเป่าขลุ่ย มีซอสามสายมาบรรเลงด้วย คอนเสิร์ตครั้งนี้ผมไม่อยากสร้างบรรยากาศเศร้านะ แต่อยากให้มาน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านมากกว่า แล้วในมุมมองของดนตรี ผมอยากถ่ายทอดให้สมพระเกียรติ คือความสมพระเกียรติคือยากมากนะ รายละเอียดทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่จัดแสดง ตัวเพลง ฝีมืิอนักดนตรีคิือทุกอย่างจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราจะเอาใครมาเล่นก็ได้นะ นักดนตรีทุกคนเป็นมือโปรทั้งนั้นเลยนะ วงอาชีพ นอกจากมีฝีมือแล้วยังมาด้วยใจอีกด้วย" 

         ไฮไลท์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ที่ไม่อยากให้พลาด 

        “อย่างแรกคือบทเพลงพระราชนิพนธ์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ทั้งหมด ผ่านการเรียบเรียงเสียงประสานโดยนักประพันธ์ระดับโลกจากต่างประเทศหลายท่านรวมถึงนักประพันธ์ระดับโลกอันดับต้นๆ ของประเทศไทย อย่าง ณรงค์ ปรางเจริญ ก็ได้มาร่วมเรียบเรียงบทเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งเรียกได้ว่างานนี้ ผู้ฟังจะได้สัมผัสถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่คุ้นหูกันดีอยู่แล้วในรูปแบบที่แปลกออกไปแน่นอน”

จากใจ ‘เบิร์ด’ ความภูมิใจต่อองค์อัครศิลปิน

        ความรู้สึกที่ผู้มาชมคอนเสิร์ตครั้งนี้จะได้รับกลับไป 

        “ถามว่ามันจะมีความรู้สึกอะไรบ้าง เราห้ามความรู้สึกของคนไม่ได้นะ เชื่อว่าทุกคนที่มาดูต้องซึ้งแน่ๆ เพราะบทเพลงของพระองค์อย่างเพลงช้าก็ไพเราะอยู่แล้ว  แล้วมาดูบรรยากาศแล้วเชื่อว่าทุกคนคงนึกถึงพระองค์ท่าน แต่เราใช้คอนเซ็ปต์ที่ว่า Still on my mind คือพระองค์ท่านอยู่ในดวงใจของเราอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอก ถ้าคนที่มาชมแล้วรำลึกถึงพระองค์ท่านในทางดนตรีอย่างมากเลย นั่งฟังคอนเสิร์ตครั้งนี้ ถ่ายทอดเต็มรูปแบบในแนวอะคูสติก จะไม่มีเครื่องดนตรีไฟฟ้า  นอกจากนี้สำหรับคอนเสิร์ตครั้งได้น้องแป้งนักเปียโน และน้องนิลนักแซกโซโฟน 2 นักเรียนจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นนักดนตรีผู้พิการทางสายตามาร่วมบรรเลงเพลง ยิ้มสู้ เป็นเพลงที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นมาเพื่อผู้พิการทางสายตาด้วย พร้อมโชว์พิเศษจาก GFA Winner Guitar Trio เป็นการรวมตัวกันของแชมป์กีตาร์คลาสสิกระดับโลกรายการ GFA (ซึ่งเป็นรายการเดียวกับที่เบิร์ดได้รางวัล) ที่บินตรงมาจากประเทศฝรั่งเศสและรัสเซีย เพื่อการแสดงชุดนี้โดยเฉพาะ พร้อมวงคอรัส สวนพลู Youth Guitar Orchestra ยิ่งใหญ่กว่า 50 ชีวิต”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ