ช็อก!‘ทีเจ’รับเป็นโรคซึมเศร้าเคยคิดฆ่าตัวตาย(คลิป)

         ทำเอาโลกโซเซียลสะพรึง เมื่อ “ทีเจ” จิรายุทธ  ผโลประการ แร๊พเปอร์หนุ่มโพสต์โต้ตอบคอมเม้นท์อย่างหนักหน่วง หลังจากถูกกล่าวหาว่าการสะพายกระเป๋าแบรนด์ดังขึ้นคอนเสิร์ตต้องการอวดนั้น ล่าสุดเมื่อได้พบ “ทีเจ” ในงาน เออเบิน ดีเคย์ ที่ Eveandboy The Underground ที่สยามสแควร์วันจึงต้องถามไถ่

 

ทีเจ 

 

         “คือวินาทีนั้นผมโกรธ เพราะว่าผมเป็นคนที่ขี้โมโห แล้วไม่ทันได้ห้ามและไม่มีใครห้ามผมทันเลยพิมพ์ตอบโต้กลับไป เขาเองก็ตอบโต้กลับเขาไม่หยุดนะ เขายาวมาก สักพักพอผมคิดได้ก็คิดว่าผมจะตอบทำไม ก็เลยจบนะ ลบทั้งหมดทิ้งซะ จากนั้นผมก็บล็อคเขาหมดทุกช่องทาง ถามว่านี้เป็นครั้งแรกไหมที่ถูกจับผิด ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อตอนที่ผมเป็นเด็กอายุ 15 ปี มีมาหาว่าผมติดยาเสพติด ผมก็ด่าไป แต่ว่าตอนนั้นผมยังไม่ดังก็เลยไม่เป็นข่าว (แล้วเรื่องกระเป๋าล่ะ) คือว่าคอนเสิร์ตอื่นผมก็สะพายกระเป๋าไปเล่นบ้างนะ แต่ไม่มีกระแสอะไร เพียงแค่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่หลุยส์สุพรีมกำลังมา แล้วทุกคนกำลังพูดถึงเลยเป็นกระแส (ถามถึงเจตนาที่ใส่ขึ้นไป) ผมอยากอวด (หัวเราะ) เรามีโอกาสได้ซื้อ ได้ใส่ แล้วเป็นงานคอนเสิร์ตที่เราชอบแต่งตัว ก็อยากสะพายขึ้นไปเล่นเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ผมขายไปแล้วนะ ขายเพราะว่าผมขี้เบื่อ คือว่าผมซื้ิอมาใส่แล้วถ่ายรูปเยอะๆ คนจำได้ผมขายทิ้งเลย ไม่ได้ขายเพราะตัดปัญหา ตอนนี้ผมซื้อใบใหม่มาใช้ ขายไปไม่ขาดทุนนะ” ทีเจบอกอย่างอารมณ์ดี

 

 

         ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงที่โพสต์โต้ตอบกลับไปแรง มีผู้ใหญ่เข้ามาตักเตือนไหม ทีเจเผยว่า

         “คือพอดีผมเป็นศิลปินอิสระและไม่มีค่ายอะไรอย่างนี้ คนที่มาเตือนจะเป็นคนที่เรารู้จักและสนิทกันจริงๆ ไม่มีค่ายมาคอยดูแล เขาแค่บอกว่าให้ผมใจเย็นๆ วินาทีนั้นผมจะตามไปหาที่บ้านเลยนะ ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน ถามว่าผมโกรธมากขนาดนั้นเลยเหรอ คืออย่างที่บอกผมเป็นคนโมโหง่าย ถามว่าตอนนี้ผมดีขึ้นยัง คือผมอยากจะบอกว่าจริงๆ ผมเป็นโรคซึมเศร้า แล้วไม่มีใครรู้มาก่อนผมหาหมอมา 2 ปี แล้วยังไม่หาย แล้วอะไรก็ตามที่มันกระทบจิตใจเรานิดเดียวไม่ว่าจะเป็นคอมเม้นท์ ผมจะมีอารมณ์ได้ง่ายมาก ผมต้องกินยาทุกวัน (สำหรับการดูแลตัวเอง) กินยาตามที่หมอสั่งและไปหาหมอทุกๆ เดือน  (พักหลังโพสต์รูปสีดำๆ เกี่ยวกับมาจากที่เราไม่สบายด้วยไหม) ก็ส่วนหนึ่งนะ มันรู้สึกอารมณ์มันดาร์ก มันมีอะไรเข้ามาเยอะแยะจนเรารับมือไม่ทัน ซึ่งมันจะมีช่วงก่อนหน้านี้ที่มันจะคล้ายเป็นไบโพล่าร์ มีความสุขก็สุดๆ แต่ดาวน์ก็แบบดำดิ่งไปเลย สำหรับตอนนี้ผมพยายามที่จะอยู่กับคนที่เข้าใจเราและพยายามที่จะไม่อยู่คนเดียว เพราะว่ามันอันตรายมาก สำหรับพ่อแม่ผมเลิกทางกันตั้งแต่ผมเด็กๆ แม่อยู่ต่างประเทศ  (ช่วงที่พีคมากๆ เคยคิดสั้นไหม) จะตอบว่ามีไหมมัน ก็มีนะ ผมเคยคิดและทำและเข้าโรงพยาบาลด้วย ยังรอดมาได้ หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าโรคนี้มันร้ายแรงมาก เอาจริงๆุ ถ้าวันไหนมีข่าวว่าผมผูกคอตาย (หัวเราะ) ไม่มีหรอก หลังๆ ผมปรึกษากับจิตแพทย์ เพราะว่าผมบอบบางกับคอมเม้นท์มาก ผมต้องทำไง เขาแนะว่าอย่าไปอ่านดีกว่า ผมยังเล่นแค่ไม่อ่านคอมเม้นท์ เราเลือกที่จะไม่อ่าน” นักร้องหนุ่มกล่าวปิดท้าย