‘ทีเด็ด’ เคล็ดลับมัดใจสามี ‘พิ้งกี้’ ต้อง ‘เป็นทุกอย่าง’

         ห่างหายจากงานละครไปกว่า 3 ปี เพื่อไปทำหน้าที่ภรรยาให้กับ “เพชร” อิทธิ สามีนักธุรกิจหนุ่ม จนหลายเสียงถามไถ่ว่า ชีวิตของนางเอกสาวตาคม “พิ้งกี้” สาวิกา ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะช่วงที่ผ่านมานางเอกสาวไม่ค่อยได้ออกสื่อเท่าไหร่ พร้อมกับมีกระแสข่าวคราวมากมาย ทั้งเตียงหักบ้าง อึดอึดกับสถานะนกน้อยในกรงทอง จนถึงขั้นอยากเลิก รวมถึงทำอย่างไร ถึงมัดใจสามีไฮโซคนนี้อยู่หมัด มีโอกาสเจอตัวนางเอกสาว ในงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง “มังกร นารี ปีศาจ” ทั้งที พิ้งกี้เผยถึงชีวิตส่วนตัว  

 

         "เรื่องมีน้อง ตอนนี้เตรียมพร้อมแล้ว ก่อนหน้านี้ก็พร้อมนะ แต่ช่วงนี้ต้องคอยบำรุงให้ดี กินวิตามินบำรุง ไปตรวจร่างกายมาแล้ว ก็ปกติดี ดีใจมาก ถามคุณหมอว่ามีปัญหาอะไรไหม คุณหมอบอกว่าอาจจะเป็นจังหวะไม่ดี ถ้าไม่ได้จริงๆ จะมีวิธีต่างๆ แต่เรารอธรรมชาติก่อน ซึ่งเหนื่อยมาก ถามว่าเป็นเพราะเราทำงานเครียด เลยมีผลกับการมีน้องหรือเปล่า กี้ก็ปล่อยมานานแล้วนะ ก่อนมาทำงานหนังอีก แต่ก็ไม่มี เขาอาจจะอยากมาในจังหวะที่เราเหนื่อยมากๆ (ยิ้ม) ถามว่าเรากดดันมั้ย ก็กดดัน ส่วนลิมิตที่ตั้งไว้ว่าจะพยายามแบบธรรมชาติ คงในปีนี้ เพราะว่ากี้อายุ 31 ปีแล้ว คุยกับคุณหมอก็บอกว่าควรจะรีบ" 

         พิ้งกี้ อยากมีลูกกี่คน 

         “อยากมีแฝดด้วยซ้ำ (ยิ้ม) แต่ตอนนี้ลุ้นคนเดียวก่อนก็ได้ ส่วนพี่เพชร เขาไม่กังวล เขาบอกไม่เป็นไร เดือนนี้ไม่มี เป็นเดือนหน้าละกัน เขาให้กำลังใจเรา คือผู้หญิงเวลาอยากมีลูก แล้วไม่มี มันก็ท้อนะ เรารู้สึกว่าทำไมเราตั้งใจมันไม่มีนะ แต่คนไม่ตั้งใจมันกลับมาจัง ซึ่งเราพยายามหลายทาง ตามที่ผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราคิดว่าคงตามเวรตามกรรมแล้ว ไม่มีก็ไม่มี ไม่รีบดีกว่า เราต้องปล่อยวาง ไม่เครียด”

 

เพชร - พิ้งกี้ 

 

         ก่อนหน้านี้ ชอบมีข่าวเม้าท์ว่า พิ้งกี้ เป็นนกน้อยในกรงทอง

         “ไม่เป็นนกน้อย แค่คำว่านกน้อยในกรงทองนี้ พี่เพชรคงได้ยินมั้ง เพราะมีฉากหนึ่งในหนังเรื่อง “มังกร นารี ปีศาจ” พี่เพชรเซ็ทฉากในโรงละครเป็นกรงนกขึ้นมาเลย ถ้าถามกี้ตอนนี้นะ พี่เพชรกับกี้ คือจะเป็นเหมือน ว่าเธอจะไปทำอะไรก็ทำเลย เพราะตอนนี้เขาโฟกัสกับงานภาพยนตร์เรื่องนี้มาก เขาให้อิสระในความคิด แต่ด้วยความที่ ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้เห็นกี้ออกมาทำงานตรงนี้เลย เพราะเรามีครอบครัวแล้ว พอเราแต่งงานอยู่กับพี่เพชร เราก็โฟกัสเรื่องเป็นคู่กัน ต้องเดินไปข้างหน้า แต่บางคนอาจจะต่างคนต่างทำงาน แล้วกลับบ้านมาเจอกัน แต่คู่เราทำงานด้วยกันเป็นบริษัทของตัวเอง คงไม่เหมือนคู่อื่น คนอาจจะไม่เข้าใจ ว่าทำไมเราไม่รับงานในวงการบันเทิงเลย คือเราก็รับบ้างนะ ที่เป็นงานอีเว้นท์ ถ่ายแบบเบาๆ ส่วนละครก็คงไม่ได้รับ เพราะว่ามันใช้เวลานาน” 

         เพชร ลุคดูดุ มาดนักธุรกิจ 

         “อาจจะใช่ แต่เขาเป็นคนตลกนะ มีหลายบุคลิกเลย ถามว่าเขาดุมั้ย คือเขาเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำเต็มที่ และเป็นคนคอยสอน ชอบก็บอกว่าชอบ ถ้าเราถามว่าใส่ชุดนี้สวยมั้ย ถ้าเขาไม่ชอบ เขาจะบอกว่า น่าเกลียดมาก เป็นคนพูดตรง อาจจะทำให้ดูเป็นคนดุ แต่แค่เขาเป็นคนพูดเสียงดัง คนอาจจะมองเขาเป็นอย่างนั้น" 

 

         แต่งงานมา 3 ปี ชีวิต แฮปปี้มั้ย 

         “เรียกว่า ปรับเปลี่ยนดีกว่าชีวิต ถามว่าเป็นคุณนายมั้ย ก็ไม่ได้เป็นคุณนายเลย ยังเหมือนเดิม ไม่ฟุ่มเฟือย แต่ปรับเปลี่ยนในเรื่องการใช้ชีวิตมากกว่า จากที่ต้องใช้ชีวิตทำงานในวงการบันเทิงทุกวัน ต้องไปถ่ายละคร เราเปลี่ยนมาเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เรียนรู้การมีครอบครัวที่ดีว่าต้องอยู่ยังไง คือแต่ละคู่ เชื่อว่าไม่เหมือนกันนะ คนสองคนมาอยู่ด้วยกัน ต้องมีอันนั้นฉันไม่ชอบ เธอชอบ เราต้องมาจูนกันให้ลงตัว 3 ปี ที่ผ่านมา เป็นเวลาเริ่มต้นของครอบครัวที่จะเดินไปข้างหน้า” 

         มีข่าวว่ากี้หายไปเพราะชีวิตครอบครัวมีปัญหาทะเลาะกันบ่อย

         “ทุกคนต้องมีทะเลาะกันนะ กี้มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวสูง ซึ่งพี่เพชรเป็นผู้ใหญ่ อายุห่างกว่าเรา 13 ปี เลยจะมีความต่างกัน แต่ 3 ปีนี้ เราจูนกันตรงแล้วนะ แต่ก่อนหน้านั้น จะมีตรงที่ว่า เขาไม่ชอบเราแบบนี้ เราไม่ชอบเขาแบบนั้น และเราจะมีคำถามว่าทำไม ซึ่งเราต้องเรียนรู้กันและกัน เรารับฟังให้มากขึ้น เดี๋ยวนี้เราเป็นคนฟังคนมากขึ้น คิดแล้วค่อยพูด จากเมื่อก่อนเราจะพูดก่อนคิด ซึ่งพี่เพชรก็สอนเราตรงนี้ ถามว่ามีอารมณ์ทนไม่ไหวอยากเลิกมั้ย ไม่นะ การมีครอบครัว เราต้องเป็นผู้ใหญ่ เราต้องมองถึงอนาคต ไม่ใช่ว่าวันนี้ อยากเลิกเป็นแฟนกัน ในเมื่อเราตัดสินใจ ที่จะอยู่ร่วมกันแล้ว เราต้องมองไปข้างหน้า จะทำยังไงให้อนาคตของครอบครัวเรามีรากฐานที่ดี มีอนาคตที่ดี  คนอาจจะสงสัย ว่าพี่เพชรจะมาทำงานวงการบันเทิงยังไง คือพี่เพชรเขาผ่านอะไรมาเยอะ สร้างตึกขายก็ทำมาแล้ว งานนี้เป็นความชอบของเขาที่อยากทำ ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวแม่ยกทั้งหลาย ฝากพี่เพชร เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงด้วย (หัวเราะ) พร้อมกับสาวิกา เป็นแม่ดัน” 

 

         

         โดนเพชรสอน แนะนำตลอด พิ้งกี้รู้สึกยังไง 

         “กี้ ว่าดีนะ เหมือนมีครู มีคนสอนที่ดี น้อยนะที่จะมีแฟนและสามี เป็นครูในเรื่องต่างๆ ถามว่ารู้สึกว่าเขาบังคับเรามั้ย ก็ไม่นะ ช่วงนี้ กี้กลับรู้สึกว่า พี่เพชร มาหากี้หน่อย ต้องการความอบอุ่นบ้าง มันห่างเหินกัน เพราะช่วงนี้เขาทำงานหนัก พอเวลาติดกันก็ติดกันมาก พอมันห่างก็รู้สึกห่างเหินกันไปมั้ย คือไม่ตายตัว” 

         ดูแลสามียังไง บางคนมองว่าพิ้งกี้เอาอยู่ 

         “ด้วยความที่เราเป็นทุกอย่าง ทั้งผู้ฟังที่ดี ไม่พูดแทรกในเวลาที่เขาเหนื่อย ถ้าเห็นว่าเขาเหนื่อย ก็พยายามอย่าไปเค้นปัญหาของเขา ว่ามันเป็นอะไร ไม่ต้องปล่อยให้เขาคิดอะไรไป เวลาเขาเหนื่อยอาจจะเข้าไปนวดให้คลายเครียด เราเรียนรู้ว่าสามีเป็นยังไง ถ้าเขาทุกข์ หรือ เหนื่อย อย่าไปคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา  แต่ถ้าเขาต้องการผู้ฟังที่ดี เราก็เป็นผู้รับฟังและเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดี ทำให้เขารู้สึกดีที่สุด 3 ปีที่่ผานมา ถือว่ารักลงตัวแล้ว รู้ใจทุกอย่าง เพราะก่อนหน้าที่เราจะแต่งงาน เราเรียนรู้กันแค่ปีกว่า ไม่ได้เป็นแฟนกันมา 10 ปี แต่หลังแต่งงานถือเป็นช่วงเวลาเรียนรู้กัน ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ชีวิตคู่เป็นแบบนี้เอง”

 

         วางอนาคตตัวเองยังไง

         "กี้อยากมีลูกที่ฉลาดเหมือนพ่อ คือพี่เพชรเป็นคนฉลาด หัวไว และได้ความน่ารักของแม่ แต่ถ้าเรื่องหน้าตา เขาจะบอกว่าลูกต้องน่ารักเหมือนเขานะ แต่เราก็จะคิดว่าลูกต้องหน้าเหมือนกี้ แล้วเอาสมองพ่อไป (หัวเราะ) ส่วนข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่าคู่เราไปไม่รอด ถามว่ามีผลกับคู่เรามั้ย ไม่ค่อยมีนะ กี้ไม่อ่านข่าวมานานมากแล้ว แต่มีช่วงแรกๆ ก็รู้สึกบ้าง  แต่มันคือลมปากคน เราไม่ใส่ใจดีกว่า ข่าวก็จะมีทำนองว่าเตียงหักหรือเปล่า ทำไมหายไป แล้วก็มีข่าวนกน้อยในกรงทอง  หรือกระแสว่าเราตกถังข้าวสาร ถ้าเป็นอย่างนั้น กี้คงถือกระเป๋าแอร์เมส ทุกวันไม่ซ้ำ แต่มันไม่ใช่ไง ชีวิตเราก็ไม่ได้ลำบากนะ แต่เราจะได้พัฒนาสมองในส่วนอื่นมากขึ้น คิดเรื่องการบริหารจัดการ ก็พัฒนามา 3 ปีแล้ว ฉลาดขึ้น เรียนรู้จากพี่เพชร ชีวิตมีรสชาติขึ้น ถามว่ารสอะไร ตอนนี้เป็นรสเปรี้ยวนะ จี๊ดจ๊าดดี” พิงกี้กล่าวสรุป