พลิกแฟ้มการต่อสู้ของ “แหวน” ฐิติมา สุตสุนทร หลังรู้ว่าป่วยเป็น “มะเร็ง”
“วงการบันเทิง” ได้สูญเสียนักร้องหญิงแกร่งมากความสามารถของวงการเพลงไปอีก 1 คน เมื่อ “แหวน” ฐิติมา ได้จากไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 15.15 น.วันศุกร์ที่ 7 ก.ค.2560 ณ โรงพยาบาลศิริราชจากภาวะโรคมะเร็งลุกลามเข้ากระดูก ซึ่งก่อนหน้านี้เธอพยายามต่อสู้มาหลายครั้ง จากเริ่มแรกที่เป็นมะเร็งลำไส้ ก่อนที่มะเร็งจะลุกลามไปจุดอื่นๆของร่างกาย เช่น เต้านม กระทั่งมาถึงกระดูก “บันเทิง คมชัดลึก” ขอนำบทสัมภาษณ์ที่เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559 ของนักร้องหญิงแกร่งคนนี้ มาให้หวนรำลึกถึงหัวใจที่ “แข็งแรง” แม้ในยามที่ชีวิตพบพานกับอุปสรรค แต่เธอไม่เคยย่อท้อ และมีกำลังใจที่ดีเสมอ จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2558 กลายเป็นเรื่องฮือฮาในโลกออนไลน์ เมื่อ "แหวน" ฐิติมา ร็อคเกอร์ชื่อดัง วัย 53 ปี ในเวลานั้น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Waen Thitima" โดยระบุว่าได้ตรวจพบว่าเป็น "มะเร็งเต้านม" ด้านซ้ายและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีแฟนคลับเข้าไปให้กำลังใจอย่างมาก
กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 ผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” ได้พูดคุยกับนักร้องสาวชื่อดัง ถึงการตรวจพบเชื้อมะเร็งที่เต้านมและความคืบหน้าการรักษาอาการป่วยนักร้องชื่อดัง เปิดเผยว่า ตรวจพบตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว (พ.ศ. 2558) โดยเป็นมะเร็งที่เต้านมด้านซ้าย ในระยะที่ 2 ตอนแรกที่ทราบไม่เชิงตกใจ คือรู้ว่าเป็นมันก็ต้องเป็น และถือว่าโชคดี ที่ได้ไปเจอแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลศิริราช
“คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวทำให้ใหม่ ทำแบบ “แองเจลีนา โจลี” ซึ่งคุณหมอชิลมากเลย เราก็เลยชิลด้วย คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวผมทำให้ใหม่ จะได้ไม่ต้องตัด 2 ข้าง คุณหมอไปเรียนอยู่ที่อิตาลีในเรื่องการทำเต้านมใหม่ สำหรับคนเป็นโรคมะเร็ง อยู่ที่โน่นประมาณ 4 ปีกว่าเลย กลับมาอยู่เมืองไทยได้ 2 ปี แล้วก็จะมาเจอเรา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ ส่วนใหญ่คือตัดทิ้งไปเลย ตอนที่ตรวจเจอครั้งแรกคือมีก้อนเนื้อประมาณ 2 เซนติเมตรแล้ว พอทำแมมโมแกรม อัลตราซาวนด์ ก็เจอก้อนเล็กๆ อีกก้อนอยู่ข้างใน คุณหมอก็อธิบายการผ่าตัดทำใหม่ เปรียบเทียบเหมือนซาลาเปา ที่คว้านเอาไส้ข้างในออก แต่เนื้อซาลาเปายังมีเหมือนเดิม แล้วค่อยเอาไส้ใหม่ใส่เข้าไป โดยโกยเนื้อจากข้างๆ มาใส่ไว้ แล้วขาดนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาซิลิโคนเติมเข้าไป” น.ส.ฐิติมา กล่าวถึงวิธีการรักษา
นักร้องชื่อดัง กล่าวอีกว่า ในเรื่องการรักษาตอนนี้ รักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม (พ.ศ.2559) ที่ผ่านมา โดยฉายแสงเป็นครั้งสุดท้าย คือครั้งที่ 25 หลังจากให้คีโมหรือเคมีบำบัดมาเป็นเวลา 6 เดือน แล้วก็เว้น 1 เดือน แล้วก็มาฉายแสง 25 ครั้งติดกัน จันทร์-ศุกร์ เว้นเสาร์-อาทิตย์ อาการตอนนี้ คือจะมีอาการของการไหม้ ผิวจะไหม้เกรียม โดยแพทย์เจ้าของไข้แจ้งว่าผิวจะไหม้เหมือนคนที่อาบแดด แล้วค่อยลอกออกเหมือนเป็นการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งวิธีการรักษาตรงนี้คือการทาครีมกันผิวอักเสบ พยายามให้ผิวแห้ง อย่าให้เปียก ถ้าเปียกก็รีบซับให้แห้ง ซึ่ง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ผิวก็จะลอกออกไป
ส่วนเรื่องทั่วไปแพทย์ที่ทำการรักษาก็ไม่ได้ให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ สามารถใช้ชีวิตปกติ มีเพียงแค่ต้องกินยาต้านฮอร์โมนทุกวัน วันละเม็ด เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งยาตัวนี้กล่องละประมาณ 5,000 บาท ต้องกินเดือนละกล่อง โดยแพทย์แจ้งว่าที่ต้องกินยาตัวนี้ เนื่องจากฮอร์โมนอาจจะไปกระตุ้นให้กลับมาเป็นอีก เลยต้องกินยาดักไว้ ซึ่งผู้ป่วยบางคนก็อาจจะไม่ต้องกินก็ได้
“ตอนที่เรารักษา ลูกสาวคือน้องปันปัน (น.ส.เต็มฟ้า กฤษณายุธ) เราต้องส่งเขาไปเรียนที่อเมริกา ไปเรียนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ของแคลิฟอร์เนีย ไปช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ตอนที่เราทำคีโมเขาก็ถ่ายละครเรื่องสลักจิตของทางช่องวัน ถามว่าตอนที่เขาทราบเรื่อง จริงๆ เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรมาก แต่เรารู้ว่าเขาเป็นห่วงเราอยู่ข้างใน เพราะเราทำตัวปกติมากๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า เราไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกตกใจหรือว่าเดือดร้อน เราใช้ชีวิตปกติมาก มีเพียงแค่ว่าเราไม่ออกงานเลย มีไปช่วยงานของโรงพยาบาลศิริราช และก็งานคณะนิเทศศาสตร์ของจุฬาฯ บ้างเท่านั้น รอฟื้นตัวก่อน เดี๋ยวก็คงกลับมารับงานปกติ” นักร้องสาวกล่าว
นักร้องหญิงแกร่งกล่าวอีกว่า การที่ทำตัวปกติจะช่วยในเรื่องของจิตใจด้วย ที่ผ่านมาใจสู้และไม่เคยท้อเลย คิดว่าก็สนุกไปกับโรคนี้ อีกอย่างโชคดีด้วยที่ไม่มีการแพ้ไม่มีอาเจียน เลยบำรุงตัวเองเป็นการใหญ่ ทำให้ช่วงก่อนหน้านี้น้ำหนักขึ้นมาเยอะมาก พอหลังจากให้คีโมเสร็จก็กลับมาดูแลตัวเองด้วยการลดน้ำหนัก เพราะตอนให้คีโมบำรุงตัวเองจนอ้วน ส่วนเรื่องอาการผมร่วงก็มีอยู่แล้ว เพราะในส่วนขอมะเร็งเต้านมถ้าให้คีโมแล้วผมจะร่วง
จากการเริ่มต้นรักษาในครั้งนั้น แหวน ต้องต่อสู้กับอาการกลับมาของมะเร็งที่ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นมะเร็งเต้านม แหวนป่วยเป็นมะเร็งลำไส้มาก่อน จนกระทั่งสาเหตุของการเสียชีวิต คือการที่มะเร็งลุกลามไปที่กระดูก
ตลอดระยะเวลารักษาตัวในช่วง 5-6 ปี นักร้องหญิงแกร่งสู้มาโดยตลอด และ “ปุ๊” บรรเจิด กฤษณายุท สามี เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “แหวนจะมีกำลังใจดีทุกครั้ง ที่ได้เห็นหน้าลูกสาวคือ "ปันปัน" เต็มฟ้า กำลังใจของแหวนแข็งแรงมาตลอด เขาเป็นผู้หญิงที่สู้เป็นพิเศษ เวลาได้พิสูจน์ ว่าเขาสู้มา 5 ปีแล้ว สู้มาตั้งแต่ตัดลำไส้ใหญ่ ตัดหน้าอก ตอนนี้มะเร็งมาที่กระดูกก็ไปกันใหญ่ เพราะมะเร็งยังออกไปไม่หมดยังลามอยู่ในตัว มันเป็นโรคที่แย่มาก แต่สรุปแล้วก็ยังเป็นโรคเดิม ถึงเราจะมีความหวังไม่มาก แค่เห็นเขายิ้มได้ ก็ดีมากแล้ว" ปุ๊สามีแหวนกล่าว
เธอจะอยู่ในหัวใจของแฟนเพลงตลอดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง