
ก้าวใหม่ของ “บรู๊ค” กับก้าวแรกของการเป็นผู้จัด
“บรู๊ค” ดนุพร กับก้าวแรกของการเป็นผู้จัดละคร “DIAMOND EYES ตา-สัมผัส-ผี” ให้ช่องโมโน
ห่างหายจากวงการบันเทิงหันไปมีครอบครัวและเอาดีเส้นทางการเมืองอยู่พักใหญ่ สำหรับ “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ ระยะหลังเบรกงานด้านการเมือง หันมาจับงานละครให้ช่องโมโน ทเวนตี้ไนน์ อย่างจริงจัง ประเดิมโดยการเป็นผู้จัดในซีรีส์เรื่อง “DIAMOND EYES ตา-สัมผัส-ผี” โดยเรื่องนี้ได้ ชาคริต แย้มนาม มาแสดงนำ และได้ “เพื่อน” ภาคภูมิ วงษ์จินดา มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ นอกจากเป็นผู้จัด อดีตนักแสดงหนุ่มนอกยังเขียนพล็อตเองและเป็นผู้คัดนักแสดงเองอีกด้วย นับเป็นโอกาสที่ดีที่ “คม ชัด ลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยอัพเดทชีวิตและผลงานในตอนนี้
@ กับบทบาทการเป็นผู้จัดละครเรื่องแรก
สนุกดีและได้ทำอะไรอย่างที่เราชอบ คือผมเป็นคนที่ชอบดูหนังบู๊ ชอบดูหนังผีตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งเราได้ทำความคิดของเราให้ออกมา โดยการถ่ายทอดความคิดของเราให้ออกมาเป็นภาพ เหมือนในละครหรือภาพยนตร์ก็น่าจะดี เพราะมันน่าเก็บไว้ในความทรงจำของเรา
@ เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้สร้างบทขึ้นมาใหม่
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่มีบทประพันธ์ เป็นเริื่องที่ผมพล็อตขึ้นมาเอง ดังนั้นมันจะมีความพิเศษหน่อย ตรงที่ไม่ทราบตอนจบ เพราะถ้าสร้างมาจากบทประพันธ์ พอเราซื้อบทประพันธ์มาอ่าน เราก็จะทราบตอนจบเป็นอย่างไร แต่เรื่องนี้มันไม่มีตอนจบ มันจะคล้ายซีรีส์ฝรั่ง ผมถือว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ละคร เพราะถ้าเป็นละครมันจะจบแล้วจบเลย แต่เนื่องจากเป็นซีรีส์มันก็จะไปเรื่อยๆ มีภาคต่อเรื่อยๆ
@ นักแสดงคัดเองเลยหรือเปล่า
แน่นอน เราเริ่มจากการพล็อตเรื่องขึ้นมาก่อน ระหว่างที่กำลังเขียนเนื้อเรื่อง ผมก็คิดว่าจะวางใครแสดง เราก็วางเป็นตัวตุ๊กตาไว้ในใจ ก็มีทั้งน้องๆ ที่เป็นคนในสังกัดของโมโนเอง รวมถึงนักแสดงนอกค่ายที่ผมมองไว้รับไว้เป็นบทนำ ตอนแรกผมวางนักแสดงนำไว้ 2 คน คือ ชาคริต แย้มนาม และ “ตุ้ย” ธีรภัทร์ สัจจกุล แต่ช่วงนั้นตุ้ยติดละคร คิวไม่ได้ เราก็เลยคุยกับชาคริต รอคิวมานานหลายเดือนเหมือนกัน สรุปก็เลยได้ชาคริตเป็นพระเอกของเรื่อง คือตอนที่เขียนเรื่องนี้ผมก็นึกถึงหน้าเขา ผมมองว่าเขาเหมาะกับการเป็นตำรวจ โดยวัยในเรื่องพระเอกต้องมียศเป็นสารวัตร อายุก็น่าจะประมาณนี้ คือถ้าเราใช้นักแสดงที่เด็กกว่านี้ก็คงไม่เหมาะ ถามว่ากว่าจะได้คิวยากไหม จริงๆ ผมกับชาคริตรู้จักกันมานานแล้ว ก่อนที่ผมจะเข้าวงการด้วยซ้ำ ก็เลยคุยกันง่าย เจอหน้ากันก็เซย์ฮัลโหลกันปกติ ตอนที่เขาอ่านบทเขารับเลยนะ ชาคริตเขาชอบนะ เขาชอบซีรีส์แบบนี้ เราก็บอกเขาว่ามันเป็นซีรีส์ยาว มี 16 ตอน สนไหม ซึ่งเขาก็เซย์เยส แต่เพราะทางผมเองที่ยังไม่ยอมเปิดกล้อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่พล็อตเองต้องส่งให้ทางช่องดูด้วย กว่าบทจะผ่านก็มีการปรับเปลี่ยน กว่าจะเปิดกล้องก็เลยเลตนิดหน่อย ตอนนี้ถ่ายทำเสร็จแล้ว ปิดกล้องไปตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว
@ กับนักแสดงคนอื่นๆ มีวิธีคัดเลือกอย่างไร
คือเรามีการแคสตัวนักแสดง อย่างน้องๆ นักแสดงที่สังกัดโมโน ผมก็ขอดูตัวก่อน เพราะทางโมโนเปิดโอกาสให้เรามาก ถ้าน้องเล่นไม่ได้ก็ไม่เอา อย่ามาเกรงใจว่าเป็นโมโนต้องเอา เราก็ลองให้น้องมาเล่นให้ดู โดยเราเขียนบทง่ายๆ ให้น้องเล่นให้ดูก่อนว่าต้องเรียนเพิ่มอะไรไหม ซึ่งถ้าต้องเรียนเพิ่มทางโมโนก็จัดให้ เราก็แนะไปว่าต้องเรียนเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ และเราก็เลือกเอาเฉพาะคนที่ได้ คือเขาส่งคนมาให้เลือกเยอะ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะ หรือเล่นได้ เราก็ต้องเลือกเอาเฉพาะคนที่เราคิดว่าดีที่สุดออกมา นอกจากนักแสดงหลักเรื่องนี้มีนักแสดงรับเชิญเยอะมาก เพราะซีรีส์เรื่องนี้เป็นละครสืบสวนสอบสวน เป็นละครแนวผี ผมก็เลยคุยกับช่องว่าถ้ามีตัวล้อมแค่นี้มันน้อยไป พอเป็นเรื่องสืบสวนสอบสวนมันก็จะมีคดีหลายคดี ในแต่ละตอนเราก็จะเพิ่มนักแสดงรับเชิญเข้ามา เราก็เอานักแสดงที่มีชื่อเสียงมาเล่นว่าตอนนี้เป็นตอนของคนนี้ คดีของคนนั้น เรียกว่าเป็นการเพิ่มความสนใจให้กับซีรีส์ของเรา ซึ่งกว่าจะออกมาแต่ละตอนเราต้องคิดเยอะมาก
@ เรื่องนี้ได้ เพื่อน (ภาคภูมิ วงษ์จินดา) มาเป็นผู้กำกับ
ใช่ คือพี่เพื่อนเขาเคยกำกับเรื่องรับน้องสยองขวัญ เขาชอบหนังผี และชอบหนังบู๊เหมือนกับ ผมก็เลยคอตรงกัน เราก็เลยมาช่วยกันคิดหนังเรื่องนี้ การถ่ายทำก็เป็นแบบภาพยนตร์ ถ่ายแบบโฟร์เค คือคุณภาพเทียบเท่าฮอลลีวู้ด เราถ่ายเป็นลองไฟล์ต้องมาตัดต่อยากมาก ขั้นตอนเยอะ ถือเป็นเรื่องแรกของช่องที่ถ่ายแบบนี้ ค่าใช้จ่ายก็อาจจะมากกว่าเรื่องอื่น แต่ทางช่องก็ช่วย เพราะทางช่องทราบดีว่าคุณภาพขนาดนี้ต้องใช้เงินเพิ่ม ถามว่าใช้เงินเยอะกว่าถ่ายปกติไหม ก็พอสมควร สมมุติถ้ามามีเมมอันหนึ่ง ถ้าถ่ายแบบเฮชดีเราจะถ่าย 25 นาที เมมก็จะเต็ม แต่ถ้าถ่ายเป็นลองไฟล์แบบโฟร์เคจะถ่ายได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีอุปกรณ์เยอะมากที่ใช้โหลดไฟล์ เรียกว่าเราต้องมีอีกแผนกหนึ่งที่เมื่อถ่ายปุ๊บ การ์ดเต็มก็ต้องมาโหลดเอาการ์ดไปถ่ายต่อ เรียกว่ารายละเอียดเยอะ
@ การเป็นผู้จัดงานหนักกว่าเป็นนักแสดงมากไหม
งานหนักกว่าการเป็นนักแสดงแน่นอน เพราะเราต้องรับผิดชอบเยอะกว่าการเป็นนักแสดง ไม่ใช่แค่รับผิดชอบแค่ตัวเอง อ่านบท ไปตรงเวลา พอเป็นผู้จัดเราก็ต้องประชุมกับผู้กำกับ ต้องรันทรูเรื่องบทว่าวันนี้มีอะไรบ้างต้องถ่ายกี่ซีน ผมก็ไปนั่งฟังเขาบ้าง งานเยอะขึ้นมาก เราต้องเขียนพล็อตเอง
@ ประสบการณ์ในการเป็นนักแสดงมันสามารถนำมาปรับใช้ในการเป็นผู้จัดได้ไหม
มันช่วยแน่นอน ช่วยให้เข้าใจนักแสดงด้วยกันเอง ตอนเรางานเยอะๆ เราก็เหนื่อย และน้องๆ ที่มาเล่นให้เราแต่ละคนก็งานเยอะมาก เราก็ต้องยืดหยุ่น บางครั้งคนทำงานไม่เข้าใจนักแสดง แต่ผมเข้าใจเพราะผมเคยผ่านมาก่อน เราเคยเป็นนักแสดงมาก่อน นอกจากนักแสดงการทำงานเบื้องหลัง ทำให้เราเข้าใจทีมงานมากขึ้น เพราะเราได้คลุกคลีกับทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นทีมพล็อบ ทีมไฟ แม่บ้าน ฯลฯ และผมเป็นคนที่เฝ้าสังเกตคน เวลาเจอทีมงานเราก็จะเข้าไปทักทายเขาพูดคุย ผมว่าเราก็จะได้รู้จักคนลึกขึ้น เพราะตอนที่เราเป็นนักแสดง เราก็ไม่ได้คลุกคลีเพราะงานของตัวเองก็เยอะมากพออยู่แล้ว
@ มีข่าวว่าตอนนี้ทำภาคต่อแล้ว
ใช่ คือภาคใหม่เราเปลี่ยนพระเอกเนื่องจากเรื่องคิวของชาคริต ถ้าจะรอคิวเขาอาจจะได้คิวปลายปี ซึ่งเรารู้สึกว่านานจัง ก็เลยคุยกับชาคริต ซึ่งเขาก็ไม่ซีเรียส เพราะมันเป็นซีรีส์ เหมือนหนังฝรั่งทั่วไป ซีรีส์ก็เป็นแบบนี้แหละ ก็จะเปลี่ยนนักแสดงไปเรื่อยๆ คือเราก็อยากทำพระเอกให้เหมือนเจมส์บอนด์ คือชื่อเดียว แต่เปลี่ยนพระเอกไปเรื่อยๆ เราก็รู้ว่าดีเหมือนักันนะ ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่าปรับเปลี่ยน ก็มีเขียนเรื่องนิดหนึ่ง คิดว่าบทน่าจะนิ่งเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องเปิดกล้องคาดว่าน่าจะเป็นเดือนหน้าหรือปลายๆ เดือนหน้า ตอนนี้เอาเรื่องตอนต่อให้ช่องดูแล้วซึ่งช่องก็โอเคแล้ว
@ แล้วมีเรื่องอื่นอีกไหม
คือปีนี้ผมจะทำละคร 2 เรื่อง มีไดมอนด์อายภาค 2 และอีกเรื่องหนึ่งยังไม่มีชื่อเรื่อง แต่จะใสๆ หน่อยเป็นเรื่องราวของเด็กมหาลัย ตอนนี้ก็กำลังเขียนเรื่องอยู่เหมือนกัน ประมาณเดือนนี้ก็จะมีการแคสตัวนักแสดง นักแสดงเราไม่ได้มองใครเป็นพิเศษ คือพอเราทำซีรีส์ 2 เรื่องพร้อมกัน ก็เป็นอะไรที่เราสามารถดึงอะไรที่เหมาะสมมาช่วยกันได้
@ มาเป็นผู้จัดจะไปแสดงละครตัวเองบ้างไหม
กลัวคนว่า จริงๆ ก็มีแฟนๆ บ่นถึงผลงานเหมือนกัน อย่างภาค 2 พี่เพื่อนผู้กำกับก็บอกผมว่าให้ผมเล่น แต่ผมยังงอแงอยู่ ยังเหนื่อย ก็บอกเขาว่าขอดูอีกที กับครอบครัวก็เป็นนักแสดงสมัครเล่น ลูกผมก็เป็นนักแสดงสมัครเล่น ไม่ได้เป็นแบบจริงจัง เขาเคยเล่นแต่สั้นๆ ถามว่าจะเอาเขาไปแจมไหมคงไม่หรอก คือเขายังเป็นเด็กน้อย ถ้าเอาเขามาทำงานก็สงสารตัวเอง สงสารลูกๆ ด้วยว่าจะทำงานได้ไหม แต่เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่บทเป็นหลัก ถ้าเรื่องแบบนี้ คือเรื่องที่มีฆาตกรรมผมว่าคงไม่เหมาะ
@ เป็นแฟมิลี่แมน มีงานเยอะแต่ก็ยังไม่ทิ้งครอบครัว ไปรับไปส่งลูก
ก็สลับกัน ช่วงที่ผ่านมากบมีละครน้ำเซาะทรายกับซิทคอม คิวก็แน่นพอสมควร เราก็ต้องตกลงเรื่องของเวลา ว่าใครจะไปรับไปส่งลูก เพราะว่าถ้าผมติดงานกบจะไปส่ง แต่ถ้ากบไม่ว่างผมจะไปส่ง คือเราเลี้ยงลูกกันเอง แต่ที่บ้านก็จะมีพี่เลี้ยงอีกหนึ่งคนคอยดูแลลูกอยู่ที่บ้าน แต่ตอนไปรับไปส่งลูกผมจะไปเองอยู่แล้ว ถามว่าลำบากไหม ไม่นะ มันเป็นความสุขด้วยซ้ำ แต่เราอาจจะต้องตื่นเช้า ทุกวันนี้ผมตื่น 6 โมง เพราะต้องไปส่งลูกๆ
@ เรียกว่าตอนนี้มาทำงานผู้จัดเต็มตัว
ใช่ งานการเมืองโดนพักอยู่แล้ว เราก็ไม่กล้าขยับอะไร ในเมื่อเราหมดหน้าที่แล้วตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่รัฐบาลปัจจุบันทำไป ผมมองว่าตำแหน่งทางการเมืองก็เหมือนหัวโขนที่เราสวมมาหลายปี วันหนึ่งเมื่อมีคนเข้ามาแทนเรา เราก็ต้องถอยมาอยู่ในที่ที่เราเคยอยู่ แน่นอนว่าทุกคนก็ต้องมีอาชีพ ผมก็คิดถึงอาชีพเก่า อาชีพที่ผมเคยทำมา ซึ่งเราก็มีโอกาสได้รู้จักกับคนเยอะแยะ เราก็ใช้โอกาสตรงนี้ ทำอาชีพของเราก็เลยมาทำเป็นผู้จัด จากเมื่อก่อนเราเคยอยู่ข้างหน้า ก็มาทำงานเบื้องหลังก็โอเค เรื่องงานแสดงถามว่ารับไหมคือขอคิดดูก่อน เพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทของผมเอง เราต้องมีความรับผิดชอบเพราะเรามีลูกน้องที่ต้องดูแล ผมทิ้งเขาไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งผมจะกลับไปทำงานด้านการเมืองอีก ผมก็ต้องหาคนมาทำแทนผม เพราะการเป็นนักการเมืองผมไม่สามารถมีหุ้นในบริษัทแบบนี้ได้อยู่แล้ว ผมต้องเตรียมตัวเองเพื่อจะได้ถอยไปเล่นการเมืองจริงๆ แต่ยังอีกไกล เรียกได้ว่าอีกพักใหญ่ เดี๋ยวค่อยมาคิดกันว่าจะอย่างไร ถ้าถามวันนี้ผมอยากถอยเรื่องงานการเมือง เพราะตอนนี้เรากำลังสนุกกับอาชีพใหม่ตรงนี้อยู่ บริษัทของผมตั้งคนเดียวแต่มีน้องๆ ที่สนิทกันมาจัดร่วมกัน ส่วนที่ไม่อยากเอากบมาร่วมด้วย เพราะเราไม่อยากให้เขามาปวดหัว เราอยากให้เขาดูแลลูกไป และผมทำคนเดียวง่ายกว่า
@เรื่องงานห่วงอะไรบ้าง
ภาคแรกเริ่มคลี่คลาย ผมก็ไปเน้นภาคสอง คือเราต้องเปลี่ยนพระเอกใหม่ ที่เล็งๆ ไว้ก็มี ตุ้ย แอนดริว อนันดา “อั้ม” อธิชาติ คือเราต้องติดต่อคนที่ไม่มีสัญญาก่อน ส่วนพระเอกรุ่นเด็กก็มองโตโน่ ซึ่งมีข้อแม้ว่าผมต้องเล่นด้วย ซึ่งผมบอกว่าขอดูก่อน ช่วงนี้ยังไม่เปิดกล้อง เราก็ออกกำลังกายลดความอ้วนไป เมื่อก่อนไม่อยากเล่นละครเพราะผมอ้วน ภาคหนึ่งเล่นไม่ได้เลยอ้วนมาก ออกกล้องอืด ตอนนี้ลดไป 6 กิโล ก็วิ่ง เข้าฟิตเนส
@ ครอบครัวห่วงอะไร
คนเป็นพ่อก็ต้องห่วงลูกตลอดเวลา ผมก็ห่วงทุกจังหวะชีวิตของเขา ว่าเขาจะเรียนอย่างไร จะอะไรอย่างไร แต่ก็ต้องสลับกัน เพราะทั้งพ่อและแม่ก็มีงานต้องรับผิดชอบ ตอนนี้กบว่างก็ให้กบดูแลลูกเยอะหน่อย ถ้ากบรับงานผมก็เข้าไปดูแลเขา เราพยายามหาเวลา ล็อกคิวอาทิตย์ละวัน ก็จะพาลูกไปกินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน พาลูกไปซื้อของเล่นบ้าง ก็ปกติของครอบครัวทั่วไป แต่ช่วงนี้ความรับผิดชอบเยอะ ในส่วนน้องกบเราก็เจอกันทุกวันอยู่แล้ว ถ้าลูกหลับเขาก็จะมาคุยด้วย มาดูหนังด้วยกัน คือหลังๆ ผมกับกบนอนแยกห้องกันมาตั้งแต่มีน้องณดา แต่เวลาไปต่างประเทศจะนอนด้วยกัน คือผมมีงานเยอะ และเป็นคนที่ตื่นง่าย ถ้านอนกับลูกถ้าเราตื่นกลางดึกแล้วนอนหลับไม่สนิทจะทำให้ป่วย คือผมเป็นคนที่ถ้าพักผ่อนน้อยปุ๊บจะป่วย จะเจ็บคอและมีอาการไข้ขึ้น และถ้าไข้ขึ้นเมื่อไหร่ก็จะหนัก เราก็เลยแยกห้องนอนดีกว่า (มีตรวจสุขภาพไหม) ก็มีตรวจประจำปี สุขภาพก็แข็งแรงปกติ ตอนนี้ยิ่งออกกำลังกายยิ่งดีขึ้น ก่อนหน้านี้ผมป่วยเป็นไซนัส เพราะพักผ่อนน้อย หมอให้ออกกำลังกายและพักผ่อนให้พอ พอละครเรื่องนี้จบก็ดีขึ้้น เราก็พยายามทำหน้าที่แต่อาจจะไม่สมบูรณ์