บันเทิง

ไดรฟ์ พาไป จิม ทอมป์สัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เดินเที่ยวในชุมชนทอผ้าไหมชุมชนบ้านครัว แวะดูนิทรรศการศิลปะที่บ้านจิมทอมป์สัน ปิดท้ายด้วยของอร่อย ๆ ที่ร้าน ไมซอง อีริค เคเซอร์ กรุงเทพฯ

    เตรียมพบกัน ไดรฟ์ วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน เวลา 18.30 น. ทางช่องเนชั่นทีวี 22
    “จิม ทอมป์สัน” คือตำนานการประสบความสำเร็จของคนขายผ้าไหม ชุมชนบ้านครัวเหนือ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของเขาเช่นกัน เป็นเวลานานหลายสิบปีที่ชุมชนแห่งนี้ยึดอาชีพทอผ้าไหมกันทุกครัวเรือน ฝีมือการทอผ้าไหมได้รับการยอมรับจาก จิม ทอมป์สัน
    ที่เข้ามาเลือกซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายที่ร้าน พื้นเพของชาวบ้านใน ชุมชนบ้านครัวเหนือ เป็นชาวจามที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) โดยมาตั้งถิ่นฐานอยู่ริมคลองมหาราช ซึ่งเป็นที่ดินที่พระองค์พระราชทานให้และได้อาสาเข้าร่วมรบขับไล่ข้าศึกที่ยกทัพมารุกรานกรุงรัตนโกสินทร์ อาชีพดั้งเดิมของชาวจามก็คือการทำประมงและการทอผ้าไหมพื้นเมือง แต่ฝีมือการทอผ้าไหมของชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้จะมีความโดดเด่นมากกว่า และได้สืบทอดมาหลายชั่วคนนับตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
    การทอผ้าไหมของชุมชนแห่งนี้ในยุคแรกจะทอเป็นผ้าขาวม้า ผ้าโสร่ง ต่อมาเมื่อ จิม ทอมป์สัน ได้เข้ามาประกอบธุรกิจผ้าไหมส่งออกไปต่างประเทศ ก็ได้ช่วยพัฒนาปรับปรุงออกแบบลวดลายสีสันและใช้ฝีมือการทอจากชาวชุมชนเป็นหลักซึ่งจุดเด่นของผ้าไหมของชุมชนแห่งนี้ก็คือเนื้อผ้าจะมีคุณภาพสูง เส้นไหมจะเนื้อแน่นละเอียด สีจะสดสวย ใช้งานคงทนเป็นที่ถูกอกถูกใจและเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับการคัดเลือกให้ใช้เป็นเครื่องแต่งกายของนักแสดงในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่อย่า “เบนเฮอร์” รวมทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง โรเบิร์ด เคเนตี้ ก็ยังให้ความสนใจ จึงทำให้อาชีพทอผ้าไหมในสมัยนั้นเจริญรุ่งเรืองมาก
      เมื่อปี พ.ศ.2510 เหตุการณ์การหายตัวของ จิม มอมป์สัน ที่ประเทสมาเลเซีย ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของชุมชนแห่งนี้เป็นอย่างมาก หลายครอบครัวหันไปประกอบอาชีพอื่นประกอบกับสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้ในปัจจุบันนี้เหลือครัวเรือนอยู่เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ยังคงยึดอาชีพการทอผ้าไหม เนื่องจากขั้นตอนการเตรียมเส้นไหมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการทอสำเร็จเป็นผืนผ้าต้องอาศัยความชำนาญ ความอดทน และมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ยุ่งยาก
    อย่างไรก็ดีการทอผ้าไหมของชาว ชุมชนบ้านครัวเหนือ ยังคงคุณภาพความงดงาม และยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังได้มีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการคิดลายผ้าที่สวยงาม และเน้นเรื่องการใช้สีสันมากกว่าที่อื่น อาทิ ผ้าไหมฟูก ผ้าสายฝน ผ้าลายน้ำ ผ้าดิ้นฟูก ลายสายรุ้ง และลายหินอ่อน ล้วนแต่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้งานผ้าไหมทอของชุมชนแห่งนี้ดูแปลกตากว่าใคร
    ชุมชนบ้านครัวเหนือ ตั้งอยู่ที่ริมคลองแสนแสบ ซ.เกษมสันต์ 3 เขตราชเทวี นักท่องเที่ยวที่สนใจตำนานการผลิตผ้าไหมของชุมชนบ้านครัวเหนือได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. โดยติดต่อที่คุณวรรณี มนูทัศน์ (โทรศัพท์ 0-81246-9089) ซึ่งชุมชนแห่งนี้ยังอนุรักษ์การทอผ้าไหมไว้คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยยังใช้แรงงานฝีมือทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการฟอกสี การย้อมสีจนไปถึงการทอ ซึ่งที่นี่ยังใช้ระบบการทอด้วยกี่แบบดังเดิม และหากถูกใจผ้าไหมผืนใดก็สามารถเลือกซื้อได้ด้วย
    กิ่งเพชร ย่านเจียระไนพลอย น้อยคนที่จะรู้ว่าเขตราชเทวีเป็นย่านเจียระไนพลอย และออกแบบเครื่องประดับ แหวน กำไร สร้อยคอ ได้อย่างประณีตงดงาม จนกล่าวได้ว่า แต่ละชิ้นคืองานหัตถศิลป์ของแท้โดยช่างฝีมือที่ยังคงสืบทอดอาชีพการเจียระไนพลอยหินสีชนิดต่าง ๆ และอาชีพรับซื้อเศษทองเพื่อนำมาหลอมขึ้นรูปเป็นตัวเรือนเครื่องระดับ
    ย่านตลาดกิ่งเพชร ในซอยเพชรบุรี 12 ทั้งซอยแทบจะเรียกว่าเป็นแหล่งอาชีพรับซื้อเศษทองและเจียระไนพลอยเพื่อทำเครื่องประดับที่มีมานานกว่า 50 ปี ซึ่งปัจจุบันเจ้าของกิจการเหล่านี้ก็คือรุ่นลูกหลานที่มีความชำนาญในการคัดสรรพลอยจากทั้งในและต่างประเทศ นำมาเจียระไนจนได้พลอยน้ำงามที่สมบูรณ์ทั้งรูปทรงและเหลี่ยมมุมขณะเดียวกันก็รับซื้อเศษทองนำมาหลอมตามเจียระไนรอไว้ทำเป็นเครื่องประดับชนิดต่าง ๆ งานเครื่องประดับย่านกิ่งเพชรจะถูกส่งไปขายยังร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวหากสนใจและสั่งทำจะได้ราคาที่ถูกลง และสามารถเลือกแบบ หรือออกแบบตามความพอใจได้อีกด้วย
    ขอบคุณข้อมูล http://www.bangkok.go.th/
    House of Bread Eric Kayser ร้านขนมปังอาร์ทิซานเจ้าดังจากฝรั่งเศสมาเปิดสาขาที่ไทยเป็นสาขาแรกแล้ว จากทั้งหมดร้อยกว่าสาขาทั่วโลก โดยขนเอาทั้งเบเกอรี่ พาทิสเซอรี่และอาหารฝรั่งเศสมากมายมาให้ชาวกรุงเทพได้ทานกันที่ร้านใหม่ในซอยทองหล่อแห่งนี้ บริเวณร้านค่อนข้างโปร่งสบายและกว้างขวาง ตกแต่งด้วยโทนสีส้มอบอุ่น มีมุมเบเกอรี่ที่มีขนมปังนานาชนิดเรียงรายอยู่ และมุมพาทิสเซอรี่ที่มีขนมฝรั่งเศสสีสันน่ารักให้เลือกทานกัน และเร็ว ๆ นี้จะมีรูฟท็อปที่ชั้น 3 เป็นกลาสเฮ้าส์และมีพื้นที่เอ้าท์ดอร์ให้ขึ้นไปนั่งดริ้งก์และทานขนมกันได้ตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงช่วงค่ำ
    ขนมปังที่ขึ้นชื่อของที่นี่คงหนีไม่พ้น Baguette Monge (80 บาท) ขนมปังสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสที่มีฟองอากาศสวยงาม กรอบนอกนุ่มใน ส่วนขนมที่ขายดีที่สุดต้องยกให้ Croissant (65 บาท) ครัวซองต์ชิ้นกลมสวยที่ทำขึ้นมาอย่างละเมียดละไม มีความหวานเล็ก ๆ พร้อมกลิ่นหอมของเนย แนะนำให้ไปช่วงเช้าหน่อย เพราะช่วงสาย ๆ อาจหมดได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ