บันเทิง

ยอดหญิงปันซู 41

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อมีเจ้าหญิงและองค์ชายมาจากเมืองโหลวหลาน ซึ่งเป็นทูตที่จะมาสอดแนมความเคลื่อนไหวของต้าฮั่น และก็เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้น

ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00 น. / 23.10 น. ทางช่อง NOW26

Ban shu Legend No.41

    เมื่อองค์หญิงอันซินต้องการที่จะประลองความรู้กับหลันจือที่ว่ามีชื่อเสียง ว่าถ้าฝ่ายใดแพ้จะต้องสวามิภักดิ์ต่ออีกเมือง 
    หลันจือกับปันซูนำอันซินมาที่ห้องเรียน หลันจือแนะนำ
    “ท่านนี้คือองค์หญิงโหลวหลาน พระองค์อยากจะเรียนรู้ภาษาฮั่น และมาเข้าร่วมเรียนกับพวกเรา ขอให้ทุกคนคอยให้ความช่วยเหลือพระองค์ด้วย”
    “ได้ค่ะ”
    “เพื่อความยุติธรรม และไม่มีการลำเอียงใดๆ องค์หญิงถามหนึ่งคำถาม ถ้าพวกเราตอบไม่ได้ถือว่าแพ้ เช่นเดียวกัน เราถามหนึ่งคำถาม ถ้าองค์หญิงตอบไม่ได้ ถือว่าองค์หญิงแพ้ อย่างนี้ยุติธรรมนะเพคะ”
    “อย่างไรก็ได้ แล้วแต่ท่านอาจารย์โค่ว” 
    “ดี อาเฉิน”
    อาเฉินลุกขึ้น “อาจารย์โค่ว”
    “เจ้ามาประลองกับองค์หญิง”
    อันซินสวน “เดี๋ยวก่อน ท่านอาจารย์โค่ว ท่านพูดว่าถ้าอยากจะเรียนรู้ จะต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม ใช่หรือไม่”
    “แน่นอนอยู่แล้ว”
    “ถ้าอย่างนั้น ขอถ้าแม่นางเฉินสักหน่อย ครอบครัวของเจ้าทำอะไรหรือ”
    “ท่านพ่อเป็นหมอหลวงในเมือง แต่ข้าน้อยเป็นเพียงคนธรรมดา”
    “งั้นก็คงไม่ได้แล้ว เมื่อสักครู่ ท่านอาจารย์โค่วบอกเองว่า การประลอง จะต้องให้ความยุติธรรม ข้าเป็นถึงองค์หญิง คงจะประลองกับนางไม่ได้”
    หลันจือแปลกใจ “องค์หญิงหมายความว่า”
    อันซินว่า “มีองค์หญิงจากเมืองเหนือมาเรียนด้วยใช่หรือไม่ นางเป็นองค์หญิง ข้าเป็นองค์หญิง อย่างนี้ถึงจะเหมาะสมกัน ทำไมเหรอ หรือว่า องค์หญิงไม่กล้าประลองกับข้า”
    หลิวเอี้ยนลุกขึ้น “ก็ประลองสิ ข้าไม่กลัวท่านหรอก ท่านจะประลองเรื่องอะไรล่ะ”
    อันซินว่า “เช่นนั้นข้าจะเริ่มก่อน ปุจฉาบทกวี ฉางตี้คืออะไร”
    หลิวเอี้ยนตอบ “ฉางตี้จือฮวา กล่าวถึงการปรองดอง ที่มีการสมานฉันท์ ระหว่างพี่น้อง แผ่นดินใหญ่และโหลวหลาน ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
    “ตอบได้ดี”
    “ถ้าเช่นนั้นถึงตาของข้า คำสอนของเหลี่ยวเซียวคืออะไร”
    “สอนเกี่ยวกับความเคารพและความหวัง แต่ตอนนี้ หลังจากที่เขาตายไปไม่แปลกใจว่าทำไม ชายแดนถึงไม่อยากจะรับใช้ แผ่นดินใหญ่อีกแล้ว”
    หลันจือถาม “องค์หญิงหมายความว่า โหลวหลานไม่อยากจะรับใช้แผ่นดินใหญ่ ถ้าเช่นนั้นทำไมถึงได้ส่งทูตมาอีกล่ะ”
    “โหลวหลานต้องการจะปกครองตนเอง แต่เพื่อรักษาสัมพันธ์ที่ดีไว้ ถ้าหาก แผ่นดินใหญ่แสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีและความสามารถได้ โหลวหลานถึงอยากจะรับใช้ต้าฮั่นต่อ”
    “ขอถามสักหน่อย ต้าฮั่นต้องทำอย่างไร โหลวหลานถึงจะยอมรับ”
    “ต้องให้ข้าที่เป็นองค์หญิงรับรอง ว่าพวกท่านต้าฮั่นแข็งแกร่งกว่าพวกเรา พวกเราเพิ่งประลองไปแค่ข้อเดียว ตอนนี้เริ่มต่อเถอะ”
    หลันจือเรียก “องค์หญิง”
    “มีอะไรเหรออาจารย์โค่ว ท่านไม่อยากเห็นหรือ ว่าระหว่างข้ากับองค์หญิง ผลจะเป็นเช่นไร”
    หลิวเอี้ยนตัดบท “ไม่ต้องพูดแล้ว อยากประลอง ข้าก็จะสู้”
    หลันจือว่า “ถามคำถามที่ตนเองถนัดเช่นนี้ ไม่เรียกว่าการประลองที่ยุติธรรมหรอก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นผู้ชนะการประลอง”
    “อาจารย์โคว่ไม่ต้องกังวลไป ว่างใจเถอะ ครั้งนี้พวกเราจะประลองกันอย่างยุติธรรม เช่นการประลอง ท่องบทกวี”
    หลายคนกังวล เพราะหลิวเอี้ยนยังอ่านหนังสือได้ไม่เท่าไหร่เลย

ยอดหญิงปันซู 41
    อันซินเอ่ย “นี่คืออะไร จั่วฉวน โดยสำนักเฉา พวกเรา มาประลองกันเถอะ ว่าใครจะท่องได้คล่องกว่ากัน เชิญองค์หญิง”
    หลิวเอี้ยนท่องกลอน “ในฤดู ใบไม้ผลิ ก่อนราชวงศ์ เฉาแคว้นฉี นำกองทัพ เข้าล้อมพวกเรา แคว้นเฉากล่าวว่า กล่าวว่า กล่าวว่า กล่าว กล่าวว่า กล่าวว่า”
    อันซินแทรก “ทำไมล่ะ ท่องไม่ได้แล้วหรือ กล่าวว่า “พวกขุนนางพวกนั้น สายตาสั้น ไม่อาจมองการณ์ไกลได้ และท่านล่ะ ทำไมถึงทำสงคราม กับแคว้นฉี” แคว้นกวางกล่าวว่า “เพราะปัจจัยสี่ เป็นสิ่งจำเป็น ต่อทุกคน ไม่ใช่แค่ข้า แต่เป็นคนอื่นๆ ด้วย” แคว้นเฉากล่าว “เรื่องนี้ห้ามปด มิเช่นนั้น ประชาชนจะมิฟังอีก” ท่านอาจารย์โค่ว ท่านอาจารย์ปัน แค่คัมภีร์ฉาวองค์หญิงยังท่องได้ไม่คล่องเท่าข้า แล้วแผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งกว่าโหลวหลานได้อย่างไร”
    หลันจือว่า “องค์หญิงมีการเตรียมความพร้อม ความจริงแล้วบัณฑิตของเรา ก็มีการท่องจำ หากองค์หญิงจะกรุณา ปล่อยนางไป สักครั้งเถอะ”
    “แพ้แล้วไม่ยอมรับ แผ่นดินใหญ่คงไม่มีทางชนะแล้ว”
    ปันซูแทรก “องค์หญิง เกรงว่าท่าน จะพูดเกินไป”
    อันซินเถียง “เกินไปตรงไหน อาจารย์โคว่ก็แพ้แล้ว แต่ว่า ไม่ยอมรับความจริง อ้อ ข้ารู้แล้ว แต่ไหนแต่ไรชาวฮั่นเอง เป็นพวกไม่ยอมเสียหน้า”
    โค่วเฟิงแทรกเข้ามา “โปรดระวังคำพูด นี่คือที่ของพวกเรา แผ่นดินใหญ่ของต้าฮั่น และที่นี่ ไม่ได้มีเพียงบัณฑิตหญิง แต่มีบัณฑิตชายด้วย ถ้างั้น ให้โอกาสพวกเรา ได้ประลองยุทธ์  กับองค์ชายแห่งโหลวหลานด้วย ถึงจะยุติธรรม ได้มั้ยพะยะค่ะ”
    “เจ้าเป็นใครกัน ถึงจะมาประลองยุทธ์กับน้องชายข้า”
    “ข้าชื่อโค่วเฟิง เป็นน้องชายของอาจารย์โค่ว องค์หญิงอันซิน ได้ยินมาว่าพวกท่าน ให้ความสำคัญ กับความยุติธรรมมิใช่หรือ ท่านดูถูกพี่สาวข้า ไม่ลองประลองกับน้องชายท่านได้อย่างไร ทำไมล่ะ หากท่านไม่รับคำท้า จะถือว่าผู้ชายของโหลวหลานเข้มแข็งไม่เท่าผู้หญิง หา”
    หลันจือหัวเราะ หลายคนหัวเราะ 
    อันซินฮึด “ไร้สาระ แล้วจะให้เห็นว่าผู้ชายโหลวหลานนั้นเก่งแค่ไหน”
    โค่วเฟิงว่า “ถ้างั้น พวกเราจะประลองอะไรกัน”
    “เมื่อครู่เพิ่งแข่งความรู้ งั้นเรามาประลองยุทธ์กัน ได้ยินมาว่าต้าฮั่นก็มีธนูเหมือนโหลวหลาน เรามาประลอง ยิงธนูกันเถอะ”
    โค่วเฟิงรับทันที “ตกลง”
    โค่วเฟิงกับอันผิงประลองยิงธนูกัน ปรากฎว่าเสมอ 
    หลันจือว่า “อย่างนี้ เท่ากับว่าพวกเราเสมอกัน”
    อันซินว่า “เมื่อสักครู่แข่งกับองค์หญิงเป่ยเซียงแพ้ ยิงธนูเสมอกัน แต่ก็ไม่นับว่าแผ่นดินใหญ่ จะแกร่งกว่าโหลวหลาน”
    โค่วเฟิงยังไม่ยอม “เช่นนั้นจะเพิ่มระยะไป จนกว่าจะมีใครชนะ”
    อันซินตัดบท “น้องข้าอายุยังไม่ถึงสิบหกปี เกรงว่าจะเด็กว่าเจ้าหลายปีนัก อย่างนี้ก็นับว่าไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เรื่องแพ้ชนะไม่สำคัญอะไร แค่ อาจารย์โค่ว พูดว่าต้าฮั่นไม่แกร่งกว่าโหลวหลาน แค่นี้ก็น่าจะพอ” 
    โค่วเฟิงไม่ยอม “ใครบอกว่าพวกเราแพ้ ท่านพี่ ข้าขอยืมผ้าเช็ดหน้าหน่อย ถ้าหากข้าปิดตา อย่างนี้ก็คงไม่ถือว่า ไม่ยุติธรรมแล้วล่ะ”
    อันซินท้าทาย “ได้ ถ้าหากว่าเจ้าปิดตาแล้วยิงเข้าเป้า ก็ถือว่าเจ้าชนะ”
    โค่วเฟิงปิดตายิงได้ตรงเป้า จูติงร้องบอก “ฮ่ะ เข้าเป้า เข้าเป้าแล้ว”
    ทุกคนดีใจมาก โค่วเฟิงว่า “องค์หญิง ท่านชนะความรู้ ข้าชนะเรื่องการรบ ตอนนี้ถือว่าเสมอกัน”
    อันซินกลับบอกว่า “พวกเราเดินทางมาไกล การแพ้ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
    โค่วเฟิงงง “อะไรกันองค์หญิง วางท่าว่าเก่งกาจ แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นแค่สาวน้อยไร้เดียงสา”
    อันซินโมโห “เจ้าว่าใครเป็นสาวน้อย ท่านอาจารย์โค่ว ประลองอย่างนี้มันง่ายไป นับแพ้ชนะไม่ได้ วันก่อนไทเฮาเชิญพวกเราไปรับประทานอาหารค่ำ อย่างนี้ดีกว่า แผ่นดินใหญ่และฝั่งโหลวหลานส่งตัวแทนจะชายหรือหญิงก็ได้ ให้มาประลองความรู้กัน และอีกสามคนประลองการรบ ถ้าหากพวกท่านชนะ เรายอมอยู่ภายใต้การปกครอง ถ้าพวกเราชนะ ท่านต้องให้ม้าพันธุ์ดี สามพันตัวและทองอีกสองพันชั่ง”
    ฮ่องเต้เข้ามา “ประลองก็ประลอง”
    “ถวายบังคมฝ่าบาท” ทุกคนถวายความเคารพ
    “ตามสบาย องค์หญิงวางใจเถอะ ครั้งนี้ต้าฮั่นของเราจะไม่แพ้ให้ท่านอย่างแน่นอน”
    “ข้าและน้องชาย จะรอประลองกับต้าฮั่นทันทีที่พระองค์เอ่ยปาก”
    ฮ่องเต้ชื่นชม “อาเฟิง ทำดีมาก”

ยอดหญิงปันซู 41
    ปันซูคุยกับเหยาเจียน แปลกใจเมื่อรู้ว่าเหยาเจียนลา
    “ศิษย์พี่ ทำไมท่านถึงลาล่ะ ท่านไม่เห็นหรือว่าองค์หญิงจากโหลวหลานเก่งมาก และฮ่องเต้เองก็ทรงผลีผลาม รับปากการประลองกับพวกเขา ถ้าหากเราแพ้ จะเป็นเรื่องใหญ่นะ”
    เหยาเจียนว่า “อีกสองวันไม่ใช่หรือ ช่วงนี้ข้ายุ่งกับการเตรียมงานมาก จริงสิ อีกสองวันข้าจะแต่งงาน หากเจ้าว่างก็มาร่วมงานด้วยนะ”
    ปันซูประหลาดใจ “ท่านจะแต่งงานแล้ว กับใครกัน” 
    เหยาเจียนว่า “ก็ต้องเป็นฮั่งเหิงสิ จะเป็นใครไปได้”
    “ท่านจะแต่งงานทั้งทีจะมาบอกข้าว่าถ้าว่างก็ให้ไปนะ ไม่ให้ข้าได้เตรียมตัวเลย”
    เหยาเจียนยิ้มๆ พอดีเพ่ยหวนเข้ามาบอกว่าหลิวเซียนมาหา
    หลิวเซียนเข้ามา “อาซู”
    “พี่เซียน ช่วงนี้ที่โรงเรียนยุ่งมาก ข้าไม่มีเวลาไปเยี่ยมเลย ท่านดีขึ้นแล้วหรือ” ปันซูถาม
    “ดีขึ้นมากแล้ว อาซู ไม่ต้องให้อาอิงคอยดูแลแล้ว ข้ารู้เรื่องของพวกเจ้าแล้ว ความจริงควรจะเดาได้ตั้งแต่แรก การกระทำทุกอย่าง ของอาอิงไม่เหมือนเดิม หัวใจของเขาอยู่กับเจ้า ความเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และ ไม่มีใครผิด”
    “ท่านพี่ ไม่ได้ต้องการจะปิดบังท่าน แต่ความจริงแล้ว เราเลิกกันแล้ว” ปันซูยืนยัน
    “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเลิกรากัน ข้าผิดเอง จากไปสามปี ไม่แปลกอะไร ที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เขาเองก็ควรหาความสุขให้กับตัวเองได้แล้ว”
    “ท่านพี่ ไม่ต้องพูดแล้ว ความจริงเว่ยอิง ไม่เคยลืมท่านเลย ข้าพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่อยากอยู่กับข้า ตอนที่ท่านอยู่ที่โรงเรียน เขาเองก็มาหาท่านทุกวันเลย ท่านรู้หรือเปล่า”
    “อาซู เจ้าอย่าสับสน ที่ไม่ให้พวกเจ้าเลิกกัน ไม่ใช่เพราะว่าโกรธ ฟังข้าให้จบก่อน ความจริงแล้ว ช่วงนี้ที่เราแยกกันอยู่ ข้ารู้สึกว่า ระหว่างเขากับข้า เป็นเพียงแค่พี่น้องกัน ไม่มีความรัก จนถึงตอนนี้ ข้ากลับคิดถึงเรื่องตอนอยู่โม่หนาน คิดถึงคนที่ดูแล เขามาปรากฏตัวในความฝันเสมอ ข้าไม่เคยลืม เรื่องที่นั่นเลย แม้แต่นอนหลับ ก็ยังฝันถึง เรื่องราวที่อยู่ที่นั่น ฮ่ะ อาซู ข้าไม่ได้รักอาอิงแล้ว ข้าทำผิดต่อเขา ข้าไม่อยากให้เขาเสียใจอีก วันนี้ ข้าคืนเขาให้เจ้า” 
    “พี่เซียน ท่านอย่าพูดอีกเลย บอกมาเพียงเพราะว่าข้า..”
    ทันใดนั้นมีคนร้ายบุกเข้ามา ปันซูรีบปกป้องหลิวเซียน เธอบอกให้หลิวเซียนหนี
    หนานเข้าถึงตัวหลิวเซียน “โม่โชว่ ไปกันเถอะ”
    หลิวเซียนตกใจร้อง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย เจ้าปล่อยข้า”
    หนานสวน “โม่โชว่ นี่ข้าเอง”
    หลิวเซียนงง “เจ้าเป็นใคร ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
    “ข้าเอง องค์ชายหนาน”
    ปันซูเข้ามา “ปล่อยพี่เซียนนะ ที่นี่คือแผ่นดินใหญ่ เข้ามาได้อย่างไร”
    หนานสั่งลูกน้อง “ห้ามทำร้ายพระชายา รีบพานางไปก่อน” 
    เว่ยอิงเข้ามาถึงจี้หนานไว้ “รีบปล่อยนาง ถ้าไม่ปล่อย ข้าจะฆ่าองค์ชายหนานซะ”
    หนานสั่ง “รีบพาพระชายาไป ไม่ต้องห่วงข้า พวกเขาไม่กล้าฆ่าข้าหรอก”
    เว่ยอิงไม่สน “ข้าจะนับถึงสาม ถ้ายังไม่ปล่อย ข้าจะฆ่าเขาทันที หนึ่ง สอง สาม”
    หลิวเซียนตั้งสติได้ “เดี๋ยวก่อน อาอิง อย่าฆ่าเขา อย่าฆ่าเขา ข้ารู้จักท่าน ท่านคือคนที่ช่วยข้าจากคนโม่เป่ย ใช่หรือไม่”
    “ใช่ข้าเอง เจ้าแค่ป่วยและจำข้าไม่ได้ ข้าคือสวามีของเจ้า องค์ชายหนานไง”
    หลิวเซียนคิด “องค์ชายหนาน องค์ชายหนาน”
    “ทหาร รีบพาองค์ชายน้อยมา”
    ทหารรีบออกไปนำตัวองค์ชายน้อยเข้ามา หลิวเซียนจำลูกได้
    “สือโท่ว เสี่ยวสือโท่ว เสี่ยวสือโท่ว” หลิวเซียนเรียก
    หนานสั่ง “ปล่อยพระชายาเร็วเข้า ในที่สุดเจ้าก็จำได้ เจ้าดูสิ เขาไม่มีรอยสัก ข้าไม่ปล่อยให้ท่านแม่ทำแน่นอน”
    หลิวเซียนร้องขอ “มา ให้ข้าอุ้มเอง องค์ชาย ท่านบ้าไปแล้วเหรอ เดินทางไกลเป็นพันลี้ ท่านพาเขามาทำไม”
    “รู้แล้วๆ ข้าผิดไปแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดอะไรเลย ตอนที่ถูกพวกเขาพามา ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าโกรธข้า และถูกพวกเขาหลอกลวงอีก ต่อมาก็คิดได้ ว่าเจ้าไม่สบาย ถ้าไม่เอาลูกมาด้วย ก็เกรงว่าจะไม่มีวิธีอื่น”
    เว่ยอิงเตือนหลิวเซียน “อาเซียน เจ้าคิดให้ดีแล้วบอกข้ามา ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”
    หนานดุสวนมาว่า “ห้ามเรียนนางว่าอาเซียน โม่โชว่ ก่อนหน้านี้ เว่ยอิงคือคนรักของเจ้าใช่หรือไม่ ถึงได้แอบหนีกลับมา ที่ต้าฮั่นด้วยกันนะ”
    หลิวเซียนตัดบท “ไว้คุยกันทีหลัง”

ยอดหญิงปันซู 41
    ขุนนางนำรางวัลมามอบให้ที่บ้านตระกูลโค่ว
    “ในวันนี้บัณฑิตโค่วเฟิง ได้ทำความดีความชอบให้แก่แผ่นดิน ได้รับพระราชทานทองคำห้าสิบชั่ง”
    ใต้เท้าโค่วดีใจมาก “ดูสิ แม้ว่าจะเป็นโชคเล็กๆ น้อยๆ แต่ฮ่องเต้และไทเฮาก็ประทานของให้ตระกูลโค่ว เจ้านี่เก่งจริงๆ อาเฟิง เจ้าทำได้ดีมาก ก็นับว่าสามารถกู้หน้าให้พวกเราตระกูลโค่วได้แล้ว ฮ่ะๆๆ”
    โค่วเฟิงปลื้ม “ท่านพ่อ”
    หลันจือน้อยใจ “ท่านพ่อ ดูเหมือนว่าการถอนหมั้นของข้า จะเป็นเรื่องอัปยศของตระกูลใช่หรือไม่”
    “นี่ เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เป็นเพียง การพูดคุยระหว่างพวกเรา ได้ยินมาว่าหลันจือ เจ้าใกล้ชิดกับท่านแม่ทัพไม่ใช่หรือ ทำไมไม่พยายามสักหน่อยล่ะ”
    หลันจือสวน “ข้าก็ตั้งใจเช่นเดียวกับเมื่อก่อน แต่จะให้แบกหน้าไปขอร้องเขาอีกน่ะ ก็เหมือนกับการหลอกล่อเขา”
    โค่วเฟิงปราม “ท่านพ่อ อย่าพูดเช่นนั้น ชื่อเสียงของตระกูลเรา ข้าต้องรักษาอยู่แล้ว ท่านพี่ ไม่ว่าท่านจะอยากแต่งงานกับใคร หรือไม่อยากแต่งงาน ข้าก็สนับสนุนท่าน”
    หลันจือปลื้ม “อาเฟิง พี่ภูมิใจในตัวเจ้า ท่านพ่อ ข้ายังไม่ค่อยแข็งแรง ขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
    ใต้เท้าโค่วบอกโค่วเฟิง “เฮ้อ อาเฟิง ไปบอกกับพี่สาวของเจ้านะ ว่าข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ไม่อยากให้นางเข้าใจผิด”
    “ท่านพ่อ เมื่อไหร่ท่านพ่อสนใจพวกเรามากกว่าชื่อเสียงของตระกูล เมื่อนั้นพวกเราก็จะไม่ผิดหวังแล้ว ท่านพี่ก็ไม่ต้องเจ็บปวดอีก” 
    ใต้เท้าโค่วเข้าใจ “อ่ะ”
    อันซินแอบหนีออกไปเที่ยวในเมืองลำพัง เจอปิ่นอันหนึ่งถูกใจก็ซื้อ แล้วจ่ายเงินเป็นเปลือกหอย พ่อค้าตามมาเอาของคืน อันซินไม่ให้ เพราะจ่ายเงินแล้ว พ่อค้าเอาให้ทุกคนดูว่าเป็นแค่เปลือกหอย อันซินกำลังแย่ พอดีโค่วเฟิงผ่านมาเห็นก็เข้าไปคุยและจ่ายเงินให้พ่อค้า เรื่องจึงจบ
    อันซินกล่าว “ขอบใจเจ้ามาก พวกนี้นี่จริงๆ เลย ข้าเป็นเจ้าหญิงนะ จะขโมยของพวกเขาได้อย่างไร”
    “เปลือกหอยของพวกเจ้า ไม่สามารถใช้เป็นเงินที่นี่ได้ ช่างไม่รู้เรื่องเลย” โค่วเฟิงเดินหนีไป
    อันซินถาม “เฮ้ๆ เจ้าจะไปไหน”
    “หมดธุระของข้าแล้ว องค์หญิงยังมีอะไรอีก”
    “ข้าอยาก ข้า ข้าไม่มีเงินแล้ว”
    โค่วเฟิงส่งเงินให้ “นี่ พอใจหรือยัง”
    “ขอบคุณเจ้ามาก แล้วข้าจะคืนเงินให้เจ้า เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว”
    “ทำตัวเหมือนขอทานจริงๆ แล้วยังจะกล้ามาแข่งกับข้า และท่านพี่ข้า ฮึ่” โค่วเฟิงว่า แต่อันซินไม่สนใจไปเที่ยวต่อ 

00000000000000

ยอดหญิงปันซู 41

    หลิวเซียนคุยกับปันซู เว่ยอิงมีหนานอยู่ด้วย
    หลิวเซียนว่า “ทั้งหมด เป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น คิดไม่ถึง ว่าเจ้าทั้งสองจะมารักกัน แต่ต้องมาช่วยข้าตามสัญญา โชคดีที่บัณฑิตของเจ้ามาบอกและองค์ชายหนานมาตามหา แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นที่นี่ เพราะข้าเป็นต้นเหตุ ไม่อย่างงั้น เรื่องคงจะบานปลาย ทำให้เราสองเมืองจะต้องมาขัดใจกันอีก ถ้าอย่างงั้น ให้เรื่องมันจบเถอะ”
    ปันซูมองหน้ากับเว่ยอิง งงว่าใคร “บัณฑิต”
    “ใช่แล้ว เขาเป็นน้องชายของโคว่หลันจือชื่อโคว่เฟิง ทั้งน่าตำหนิและน่าขอบคุณ”
    ปันซูว่า “อย่างไรก็ต้องขอบคุณเขา”
    หลิวเซียนว่า “ความทรงจำข้ากลับมาแล้ว ความจริงแล้ว ข้ากับองค์ชายหนานแต่งงานกัน เมื่อสองปีก่อน และอยู่ด้วยกัน เขาก็ให้เกียรติข้า”
    ปันซูแปลกใจ “หา ไม่ใช่ว่าเขา จะจับท่านไปเป็นทาส อย่างที่เข้าใจเหรอ”
    หนานปฏิเสธ “ข้าไม่เคยให้โม่โชว่เป็นทาสเลยแม้แต่วันเดียว”
    หลิวเซียนเล่าว่า “คนที่จับข้าไปเป็นทาส ไม่ใช่เขา แต่เป็นคนโม่เป่ย จากนั้นพวกเขา ก็ขืนใจข้า ต่อมาองค์ชายหนาน ก็มาช่วยข้า เพราะข้าต้องการจะหนี ข้าจึงปิดบังชื่อจริง และบอกว่าชื่อโม่โชว่ แต่ว่าองค์ชายหนาน ชื่อจริงๆ ของข้าคือหลิวเซียน เซียนแปลว่าโม่โชว่ ต้องขอบคุณ ที่เขารักและดูแลข้ามาตลอด ไม่เคยรังเกลียดข้าแม้แต่น้อย คอยปกป้องข้า ไม่ให้ใครปองร้ายข้าได้เลย ตอนที่ข้าอยู่ที่นั่น ก็มีความสุขดี จนทำให้ข้าอยู่ได้จนวันนี้ หลิวเซียน หรือว่าโม่โช่วคนนี้”
    หนานว่า “เรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่า เจ้าจะชื่อหลิวเซียน ก็ไม่เพราะเท่าโม่โชว่”
    “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แต่ที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย หลายต่อหลายครั้ง ที่ท่านมาเพื่อพาข้ากลับไปโม่หนาน ข้าค่อยๆ จำเรื่องราว ตอนที่ข้าอยู่ที่ต้าฮั่นได้ ดังนั้น จึงอยากกลับมาเยี่ยมบ้าง” 
    ปันซูเริ่มเข้าใจ “ดังนั้น จดหมายที่ท่านฝากข้ามา คือไม่ได้จะให้ข้าไปช่วย”
    “แค่จะบอกว่าข้าปลอดภัยดี แต่จดหมายฉบับนั้น กลับทำให้พวกเจ้าเข้าใจผิด ข้าทำเช่นนั้นเพื่อโกหกแม่ขององค์ชาย เพราะนางไม่ชอบข้าเท่าไหร่ แต่ก็ ทำให้พวกเจ้าเข้าใจผิด เป็นความผิดของข้า ที่หนีตามอาอิงมาจากที่นั่น”
    หนานหึง “ไม่ใช่เพราะเจ้าอยากอยู่กับเขาหรอกเหรอ”
    หลิวเซียนสวน “ท่านพูดพอหรือยัง อาอิงคือคนรักเก่าของข้า แต่กล้าพูดไหม ว่าท่านแต่งงานกับข้าแล้วไม่มีคนอื่นอีก”
    “ข้าเชื่อเจ้า แต่เขายอมเดินทางไกลเป็นพันลี้ไปช่วยเจ้า เขา”
    หลิวเซียนว่า “เรื่องพวกนี้มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ อาอิงเป็นน้องเขยของข้า ข้าจะบอกท่าน จากนี้ไปท่านต้องดีกับเขา ถ้าไม่เช่นนั้น ข้ากับเสี่ยวสือโท่ว จะอยู่ซะที่นี่”
    “โม่โช่ว เพื่อตามหาเจ้า ข้ายอมเดินทางไกลหลายพันลี้ บังเอิญเจอกับขบวนของโหลวหลาน เจ้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ” หนานน้อยใจ 
    “แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร องค์ชายหนาน ท่านจะผูกใจเจ็บกับอาอิงไม่ได้ เพราะมันเป็นอดีตไปแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนตอนนี้เอง เขาก็มีคนรักใหม่ หลังจากที่เราแต่งงานกัน ตัวท่านเอง ก็ยังมีผู้หญิงอื่น นี่หรือที่ท่านให้เกียรติข้าแล้ว ถ้าหากว่า ลืมอดีตไม่ได้ แล้วจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร องค์ชายหนาน ท่านก็ลองคิดดูสิ” 
    “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร ในเมื่อเจ้าเองก็ยังคิดถึงเขา บอกข้ามาสิ ว่าเจ้าเอง ก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว”
    “เช่นนั้นท่านกลับไปโม่หนานของท่าน ลูกเป็นของข้า ใครก็เอาไปไม่ได้”
    “ตกลงๆ เป็นความผิดของข้าเอง แค่เจ้ายอมกลับไปกับข้า ข้ายอมเจ้าทุกอย่าง”
    “จริงหรือ”
    “อื้อ”
    “ท่านรู้มั้ย ว่าท่านเกือบจะทำร้ายครอบครัวของข้า และยังเข้ามาวุ่นวายในบ้านคนอื่น คงจะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้”
    “ฮ่ะ เว่ยอิง เจ้ากล้ามากที่ไปเพื่อช่วยพระชายาของข้า ถือว่าเจ้าเป็นวีรบุรุษ เรื่องที่เข้าใจผิด ก็ขอให้ผ่านไป” หนานพูดกับเว่ยอิง
    เว่ยอิงว่า “ท่านก็พูดเกินไป ข้ากับอาเซียน ตอนนี้ เป็นแค่พี่น้องกัน หวังว่าท่านจะรักและดูนางอย่างดี”
    “แน่นอน อาซู เจ้าเป็นผู้หญิงของอาอิง เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะดูแลพี่สาวของเจ้าเอง จากนี้ไป เจ้ามองไป ที่อนาคตเถอะ”
    “แน่นอน แต่ว่าองค์ชาย เข้ามาที่ลั่วหยางนั้นไม่ง่าย ทำไมไม่รออีกสักสองสามวัน ฮ่ะ ท่านสามารถหาบ้านของข้าเจอ ไม่เชื่อว่าท่านจะไม่รู้ว่าพี่ชายของข้าคือปันหย่ง ซึ่งกำลังสานสัมพันธ์กับโม่หนานอยู่ แต่ว่าช่วงนี้คงจะยังไม่เหมาะ อ้อ ใช่แล้ว ท่านรู้หรือยัง ว่าท่านพี่เซียนเป็นที่ชื่นชมของประชาชนชาวฮั่นมาก เป็นองค์หญิงฝู่หยวน ดังนั้นเสี่ยวสือโทว่มีสายเลือดอันสูงส่งของทั้งสองแผ่นดิน”
    ด้านอันซินไปเที่ยว จู่ๆ วิ่งหนีชายกลุ่มหนึ่งออกมา พอดีเจอโค่วเฟิง จูติงและหลี่หย่งก็เข้าไปขอให้ช่วย บอกว่าชายกลุ่มนั้นจะทำร้าย ชายคนนั้นบอกว่า
    “พวกเราดื่มกันอยู่ดีๆ เห็นนางสวยดีเลยให้เงินนาง นางเอาเงินไปแล้วก็ไม่ดื่ม นี่ ยังเอาเหล้าสาดพวกข้าอีก แล้วอย่างนี้หมายความว่าไง ถ้าอย่างงั้น ก็แปลว่า อยากจะมีเรื่องงั้นรึ ถ้างั้นคงไม่กล้าดีอย่างนี้ แถมยังทำเสื้อข้าเปียกอีก” 
    “ใครบอกว่าจะดื่มเหล้าล่ะ ข้าเต้นอยู่ดีๆ ไปเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า”
    “เอ๊ะ เจ้าเด็กคนนี้นี่”
    โค่วเฟิงกับจูติงร้องห้าม หลี่หย่งว่าให้ตามทหารมาช่วยอันซินดีกว่า ไม่งั้นพวกเราลำบาก แต่โค่วเฟิงว่า
    “ไม่ได้ ไม่ชอบนางเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นางเป็นองค์หญิง ถ้าหาก เกิดเรื่องขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ พวกเราต้องช่วยนาง” โค่วเฟิงหันไปบอกชายกลุ่มนั้น “นี่พี่ชาย นางเป็นลูกพี่ลูกน้อง เพิ่งมาจากต่างเมือง นางไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก เอาอย่างนี้ละกัน ข้ามีหยกอยู่ มูลค่าห้าสิบตำลึง ถ้ายอมความก็เอาหยกไป ถ้าไม่ก็กลัวว่าพวกเราจะสู้ ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น เกรงว่าพวกท่าน จะตกที่นั่งลำบาก คุยกันง่ายๆ เรื่องทุกอย่างจะได้จบ หรือว่า อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่”
    ชายกลุ่มนั้นตกลง รับหยกแล้วพากันออกไป พวกโค่วเฟิงถอนหายใจโล่งอก

ยอดหญิงปันซู 41
    อันซินไม่ชอบนัก “นี่ ทำไมใช้วิธีเช่นนี้ ทำไมถึงไม่สู้กับพวกเขา เรื่องแค่นี้ต้องรอทหาร ข้าจะไปรายงานไทเฮาว่าประชาชนของต้าฮั่น มีแต่คนแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลย”
    โค่วเฟิงสวน “เอาสิ พระตำหนักก็อยู่ตรงหน้า อยากไปฟ้อง ก็เชิญเลย ให้คนได้รู้กันทั่วกันว่า ท่านทูตที่เป็นตัวแทนของบ้านเมือง มีความประพฤติเสื่อมเสียเช่นนี้ เดี๋ยวก็ไปขโมยของ เดี๋ยวก็ดื่มเหล้า และเต้นรำกับชายแปลกหน้า จะได้รู้ว่าท่านเป็นคนเช่นนี้”
    อันซินโกรธ “นี่ ถ้าเจ้าพูดอีกครั้ง”
    “พูดอีกแล้วจะทำไม เรียนหนังสือมาตั้งมากมาย เอาความรู้ไปไว้ที่ไหนหมด แล้วผู้หญิงโหลวหลาน กล้าดื่มกับคนแปลกหน้าทุกคนหรือ”
    อันซินร้องไห้ โค่วเฟิงตกใจ “เอ๊ะ อย่าร้อง หา อย่าร้องสิ ร้องไห้ทำไม อย่าร้องไห้เลยนะ”
    จูติงรีบบอก “อาเฟิง ข้ากับหลี่หย่งมีธุระ งั้นพวกเรา ไปก่อนนะ”
    หลี่หย่งว่า “ใช่ๆๆ เจ้าก็ค่อยๆ ปลอบนางนะ พวกข้าไปก่อน”
    อันซินร้องไห้ โค่วเฟิงเหวอ “นี่พวกเจ้า อย่าร้องนะ อย่างนี้ละกัน ถ้าหยุดร้อง ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ”
    “ฮือๆๆ ข้าอยากได้จิ้งหรีดตัวนั้น”
    “ตกลง ข้าจะไปซื้อให้”
    โค่วเฟิงซื้อจิ้งหรีดให้ อันซินว่า
    “ตอนอยู่ที่โหลวหลาน ไม่ได้เป็นแบบนี้ ข้าอยากได้อะไรก็ต้องได้”
    “แต่ท่านไม่ควรรับเงินของคนอื่นมา ท่านรับเงินมา เขาก็จะคิดว่าเป็นนักเต้นน่ะสิ”
    “ข้าไม่ได้เอาเงินคนอื่น จะรู้ได้อย่างไรว่านี่คือเงิน เงินที่เจ้าให้เป็นวงกลมๆ แล้วก็มีรูตรงกลางนี่”
    “นี่คือหมางปี้ ถ้าไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ไม่ควรรับมา”
    อันซินงง “หมางปี้”
    “องค์หญิง พวกเราชาวฮั่นไม่คิดว่า คนที่อ่านหนังสือของชาวฮั่น แค่ไม่นานจะแข่งกับพวกเราได้”
    “ได้ไม่ได้ อีกไม่นานก็รู้เอง อีกอย่าง เจ้าพูดเสียขนาดนี้ทำไมเจ้าไม่ลงเองล่ะ” 
    “ข้าก็กังวล กลัวว่าจะแพ้”
    “การรบของเจ้าก็ไม่แย่ ถือว่าเก่งมากเลยล่ะ สามารถเป็นอัศวินได้เลย แต่เพื่อนของเจ้าใช้ไม่ได้ เห็นเมื่อกี้จะทิ้งข้าแล้ววิ่งหนี อีกสองวันข้าจะได้พบกับไทเฮา ข้าจะให้นางจัดการ อึ่ งั้นข้าไม่ยอมหรอก”
    โค่วเฟิงสวน “กล้าพูดเรื่องนี้กับไทเฮา ข้าก็จะพูดเรื่องที่โรงเตี๊ยมเหมือนกัน”
    “เจ้ากล้า”
    “ท่านกล้า ข้าก็กล้า”
    “เจ้า อาเฟิง ไม่ใช่อย่างนี้ เจ้าช่วยข้าเรื่องนึง แล้วข้าจะไม่บอกไทเฮา”
    “ช่วยอะไร”
    “เจ้าพาข้าเที่ยวรอบเมืองลั่วหยางหน่อยสิ”
    “องค์หญิงอ่านหนังสือฮั่นมากมาย อยากให้ข้าทำแผนที่ให้เหรอ”
    “แล้วไงล่ะ ฮึ่ มันไม่เหมือนกันซะหน่อย อีกอย่าง ข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ข้าก็ดูแผนที่มาแล้ว แต่พอมาจริงๆ มันไม่เหมือนกัน ในนั้นพูดถึง พระราชวัง ไม่พอหรอก และนี่ยังเป็นครั้งแรก ที่ข้าแอบออกมาไม่อยากให้เสียเที่ยว อยากเห็นอะไรบ้าง โค่วเฟิง ช่วยข้าสักครั้งนะ นะ ได้หรือไม่”
    โค่วเฟิงยอมตกลง และพาอันซินไปนั่งทานน้ำเต้าหู้
    “นี่ใช้เต้าหู้ทำจริงๆ เหรอ”
    “อร่อยมาก ลองชิมสิ”
    อันซินชิม “ฮึ่ อื้อ”
    โค่วเฟิงถาม “อร่อยไหม”
    “อื้อ อร่อย อื้อ” อันซินสำลัก
    “ท่านเป็นอะไร เป็นอะไรไหม”
    “เจ้าอย่าตีแรงนักสิ”
    “ดีขึ้นหรือยัง”
    “อือ ดีแล้ว แค่กินเร็วไปหน่อย ฮ่ะๆ”
    “เอ๊ะ ข้าว่า นี่สายแล้ว เรากลับกันเถอะ”
    “ก็ได้ แต่ข้ายังอยากเที่ยวอยู่เลย ถ้างั้นเอาอย่างนี้ เจ้าลาหยุดสองวัน ไปเที่ยวกับข้าได้ไหม”
    โค่วเฟิงอึ้ง “หา”
    “ได้ไหม” โค่วเฟิงรับปาก อันซินดีใจ
    เติ้งเดินอยู่แล้วเห็นหลันจือก็เข้ามาทัก
    “ฮ่ะ ทำไมมายืนคนเดียวล่ะ” 
    “อากาศดี ข้าเลยออกมาเดินเล่น”
    “อ้อ อย่างนั้น เจ้ามองอะไรล่ะ”
    “ไม่ได้มองอะไร แค่เหม่อไม่ได้หรือ”
    “ฮ่ะ ได้ ได้สิ นี่ วันนี้ ข้าไม่ได้จะมาทำอะไร ไม่ต้องยอกย้อนข้าก็ได้”
    “ฮึ่ ไม่มีอะไร ข้าผิดเอง”
    เติ้งว่า “งั้นก็ไม่ต้องโกรธแล้ว ได้ยินมาว่า วันนี้โค่วเฟิงแข่งธนูที่โรงเรียน ไม่ใช่เพื่อปกป้องเจ้าไว้เหรอ พูดสิ ว่าจริงหรือเปล่า”
    “ข้าก็คิดว่า ตัวเองไม่ได้เรื่อง ใช่ อาเฟิงทำเพื่อข้า ถ้าไม่ได้เขา ชื่อเสียงของโรงเรียนคงถูกทำลาย”
    “เจ้าหมายความว่าไง” 
    “องค์หญิงท้าข้า ปันซูก็ยอม ให้ข้าจัดการเรื่องนี้ แต่สุดท้ายมันก็ผิดพลาด โดนองค์หญิงหยาม ข้าไม่ได้เป็น ผู้หญิงที่มีความรู้ เป็นอันดับหนึ่งอะไร แค่ผู้หญิงธรรมดา”
    เติ้งหัวเราะ “แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยคิด ว่าเจ้าเป็นคนแบบนั้น จะเทียบกับใต้เท้าเฉาไม่ได้ นั่นไง เจ้าโกรธอีกแล้ว เจ้าแค่เป็นตัวเจ้า ไม่จำเป็น ต้องเป็นเหมือนคนอื่นหรอก มันเหนื่อย เจ้าคิดดู คนอื่นบอกว่าข้าเป็นนักรบอันดับหนึ่ง เป็นแม่ทัพใหญ่สำหรับต้าฮั่น แต่ก็ไม่ได้เก่ง ไปกว่าเว่ยอิง ไม่ได้เก่งไปกว่าใคร หา ไม่เก่งกว่าฮั่วเหิง จะไปเทียบกับเหยาเจียนไม่ได้ เจ้าเองก็รู้”
    “ท่านพูดถูก ข้าไม่เข้มแข็งขนาดนั้น คนอื่นยังหัวเราะเยาะเลย ก็แค่ หนีไปให้ไกลจากเมืองหลวง ไปจากลั่วหยางที่วุ่นวายนี้ ลืมอดีตที่เลวร้าย ทิ้งทุกอย่างที่นี่ ใช้ชีวิตในฐานะโค่วหลันจือ แค่นี้ก็พอ” 
    “เจ้าก็เป็นเช่นนี้ คิดมาก นี่ อย่าเป็นอย่างนี้สิ พวกเราสองคนก็เหมือนกัน เจ้าไม่มีใคร หา ข้าก็ไม่มีใคร เรื่องถอนหมั้นไทเฮาเองก็ไม่รู้”
    “ใครบอกว่าข้าไม่มีใครเอา ปันซูไม่ชอบท่านไปชอบเว่ยอิง ไม่มีคนเอาท่านเหมือนกัน” 
    “เจ้าอย่าพูดอย่างนี้สิ ถ้าเจ้ายอมแต่งงานกับข้า ห๊ะ เจ้าก็จะเป็นคนของแม่ทัพใหญ่ อย่างนี้ก็จะไม่มีใครกล้านินทาแล้ว เรื่องที่ผ่านมาก็ลืมมันซะ อย่ามองข้าเช่นนั้นสิ หรือว่าเจ้า จะหาผู้ชายดีๆ อย่างข้าได้ที่ไหน ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเดือดร้อน ข้า”
    หลันจือสวน “ใครให้ท่านลำบาก ใครให้ท่านเมตตา ท่านพาข้ากลับมาเมืองหลวง ข้าขอขอบคุณท่าน วางใจเถอะ ตำแหน่<

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ