บันเทิง

ยอดหญิงปันซู 24

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพื่อจะเป็นการขอโทษเว่ยอิง ปันซูก็เลยดั้นด้นไปขอบทใช่ด่วนที่เว่ยอิงชอบมาให้ กว่าจะได้ปันซูแทบไม่สบาย พอนำไปให้เว่ยอิง เขาก็ปัดจนบทตกน้ำ

ทุกวันจันทร์อังคารเวลา 18.25 น. ทางช่อง NOW26

Banshu Legend No.24

    เพื่อจะเป็นการขอโทษเว่ยอิง ปันซูก็เลยดั้นด้นไปขอบทใข้ด่วนที่เว่ยอิงชอบมาให้ แต่ใต้เท้าโจวไม่ยอมให้ แถมไล่ปันซูกลับ ดีที่ปันซูออกมาเจอกับใต้เท้าไช่ แล้วรู้จักปันซูก็ถามว่ามีเรื่องอะไร ปันซูขอให้ใต้เท้าไช่ช่วยพูด ใต้เท้าโจวบอกปันซูว่า
    “ภายในครึ่งชั่วยาม เขียนอักษร “หมิง” ออกมาสิบห้าตัว ข้าก็จะยินดี แลกเปลี่ยนหนังสือเล่มนี้กับเจ้า”
    ปันซูนิ่งไป “อักษร “หมิง” สิบห้าตัวหรอ แต่ว่า ขอโทษ ข้าเขียนเป็นแค่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นอักษรฮั่น อีกตัวเป็นอักษรตะวันตก”
    “อย่างนั้น อาจารย์ปัน เชิญเจ้ากลับไปเถอะ”
    “ใต้เท้าโจว ให้เวลาข้าเพิ่มอีกครึ่งชั่วยามจะได้มั้ย ข้าต้องเขียนอักษร “หมิง”สิบห้าตัวได้แน่นอน”
    “เขียนขึ้นมาเองไม่นับ เขียนผิดไม่นับ”
    “แน่นอนอยู่แล้ว”
    “ดี ข้าจะให้เจ้าหนึ่งชั่วยาม”
    “ขอบคุณใต้เท้าโจว” ปันซูจะออกไป
    “เฮ้ เจ้าจะไปไหน”
    “ข้าจะไปหาคนที่เขียนเป็น ใต้เท้าโจวไม่ได้บอกว่าห้ามให้คนอื่นช่วย”
    ปันซูออกไป ใต้เท้าไช่ชอบใจปันซู
    ปันซูไปหาเหยาเจวียนกับเหล่าบัณฑิต เหยาเจวียนว่าเธอรู้แค่สิบเอ็ดตัว เหยาเจวียนว่ามีที่ เงินมีดเมืองเอี้ยน เหว่ยสี่มีก็รีบนำมาให้ดู ได้อีก 1 ตัว ขาดอีกสองแบบ
    อาเฉินว่าสิบสี่แบบ อยู่บนภาพวาดของหัวหน้าวัง เคยเห็นแบบนี้ ปันซูขอบใจที่ช่วย แล้วปันซูก็นึกได้ว่าเหยาเจวียนบอกว่าที่ป้ายหินอักษรหกก๊กมี จึงนำหมึกกับผ้าขาวไปลอกมา 
    ปันซูขี่ม้าไปอย่างรวดเร็ว พอลงก็รีบวิ่งไปที่ป้ายหินทำให้หกล้ม มือเจ็บแต่ก็ไม่ท้อ รีบทำแล้วนำกลับไปหาใต้เท้าโจวได้ทันเวลา จึงได้ตำราบทใข้ด่วน ปันซูดีใจมาก
    ด้านเว่ยอิงก็พยายามที่จะเช็ดหมึก ฮั่วหวนเห็นก็ว่า
    “ภาพวาดเปื้อนจนเป็นแบบนี้ โยนทิ้งก็สิ้นเรื่อง เฮ้ ข้าหามามีธุระ ทำไมจริงจังอย่างนี้ ก็แค่ภาพวาด ได้ยินคนใช้พูดว่า เพราะภาพวาดนี้ ถึงกับไล่ปันซูกลับไป เพื่ออะไร”
    “นี่เป็นเพียงภาพวาดเดียวที่อาเซวียนเหลือไว้”
    “โธ่เอ้ย นางก็ได้ตายไปนานแล้ว”
    “ถูกต้อง คนที่ตาย ย่อมไม่สำคัญ แต่ว่า เฮ้อ ช่างเถอะ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ ข้าหายโมโหแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากพบนาง”
    “ไม่อยากพบนาง หรือไม่มีหน้าพบนาง เฮอะ เอาอย่างนี้ ข้าจะบอกให้ ให้นางมาพบเจ้า เป็นยังไง”
    “อย่านะ แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นอาจารย์หญิง แต่ว่าทำอะไรยังไร้เดียงสา มุทะลุ ไม่ค่อยรอบคอบ นางทำลายภาพวาดของอาเซวียน งั้นพรุ่งนี้ ทำลายหนังสือหอหลันไถ หรือตีบัณฑิตในโรงเรียน แล้วจะเป็นยังไง จริงอยู่ ทุกเรื่องนางแก้ไชได้ดี แต่ทำไมนางไม่คิดก่อนทำล่ะ ใจเย็นสักหน่อย หรือว่าทำช้าหน่อย”
    “ฮ่าย.. นิสัยของนางก็เป็นแบบนี้”
    “เมื่อก่อนนิสัยของข้า ก็ใจร้อนเร่งรีบเหมือนกัน เพราะได้ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ถึงเดินมาถึงวันนี้ ข้ากับนางเป็นแค่เพื่อนกัน ย่อมไม่คววรพูดมาก แต่ข้าต้องรับผิดชอบนาง จึงต้องตักเตือนนาง เย็นชาต่อนางหน่อย ให้นางได้สำนึก จะได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง”
    “เจ้าพูดอย่างนี้ ก็ดูมีเหตุผล ก็ได้ เรื่องนี้ข้าก็จะไม่ยุ่งแล้ว แต่ว่าเจ้าให้เวลาข้าหนอ่ยจะได้มั้ย”
    “ทำไมล่ะ”
    “ตอนนี้ไทเฮา...ชอบเสด็จไปที่ไหนที่สุด อ้อ ถ้าข้ารู้ งานอารักขา จะได้เตรียมการล่วงหน้าได้”
    พอรู้จากเว่ยอิงแล้ว ฮั่วหวนก็ไปดักรอไทเฮา เพื่อมอบยาให้แต่ไทเฮาว่าในวังมีหมอหลวงไม่ต้อง
    ปันซูเริ่มไม่สบาย ขณะสอนหนังสือเหล่าบัณฑิตบอกให้พัก จะแบ่งกลุ่มฝึกกันเอง
    ช่วงพักปันซูแวะไปหาเว่ยอิง แต่หลิงหงว่าเว่ยอิงไม่สะดวกพบให้มาวันอื่น
    “วันอื่น เจ้าบอกเขามั้ย ว่าข้ามีของสำคัญจะมอบให้กับเขา”
    “ข้าบอกแล้ว อาจารย์เว่ยยังพูดอีกว่า หอวังมีแต่ผู้ชายเข้าออก ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ขอให้รีบออกไปโดยเร็ว ยังไง...ชายหญิงก็ต้องระวัง ดังนั้น...
    ปันซูสวน “เขายังไล่ข้าไปอีก ทุกวันที่มาโรงเรียนฝ่ายใน ก็ต้องระวังเหมือนกันน่ะหรือ เฮอ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ใช่แล้ว องค์หญิงเป่ยเซียง ทำไมยังไม่มาเรียน”
    “นางห้ามออกจากวัง อีกสามวันก็ครบแล้ว ถ้าถึงเวลาแล้ว ข้าจะส่งนางไปเอง อาจารย์ปันโปรดให้อภัย”
    “พระโอรสโปรดวางใจ คนเป็นอาจารย์ จะคิดเล็กคิดน้อยได้ยังไง ต้องรบกวนเจ้า ไปบอกองค์หญิงเป่ยเซียง ว่าทุกคน รอให้นางกลับมาเรียน”
    “เฮอ ขอบคุณอาจารย์ปัน”
    “งั้นข้าขอลา” 

ยอดหญิงปันซู 24
    ปันซูเดินบ่นกลับไป ปรากฎว่าเห็นเว่ยอิงเดินคุยกับเหล่าขุนนาง ก็เข้าไปหาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พวกขุนนางจึงขอตัวแยกจากเว่ยอิงไป
    เว่ยอิงบอกปันซูโดยไม่มองหน้า “พูดเถอะ มีธุระอะไร”
    “เรื่องวันนั้น ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” 
    “ขอโทษมีประโยชน์อะไร ทุกครั้งที่เจ้าทำผิด จะพูดแต่ว่าไม่ได้ตั้งใจ มาเป็นโล่ป้องกันตัว”
    “ไม่ใช่จริงๆ วันนั้น ข้าไม่ทันระวัง ถึงทำให้ภาพวาดของพี่เซวียนเปื้อน ข้า ข้ารู้ว่าไม่น่าให้อภัย ถ้างั้นท่านก็ตีข้าระบายอารมณ์ดีมั้ย”
    “ข้าหรือจะกล้าตีเจ้า ไม่รู้ว่าเจ้ามีนิสัยไม่ดีมาจากไหน อย่างแรกไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เข้าไปในห้องหนังสือ ปันซู เจ้าก็เป็นครูบาอาจารย์ ไม่เคยได้ยินเหรอ ไม่ควรดูอย่าดู”
    “แต่ว่าวันนั้น ท่านพูดเองว่าให้ข้าเดินดูได้ตามสบาย อีกอย่างที่กดลับของท่านข้าก็ไม่ได้ตั้งใจเปิดดู เป็นเพราะข้าไม่ระวังไปแตะถูกปุ่มลับเข้า” ปันซูพยายามอธิบาย
    “พูดแบบนี้ เจ้ายังไม่ผิดอีก”
    “ไม่ได้พูดว่าข้าไม่ผิด พวกเราสองคนคบหากัน ทำไมข้าจะไปห้องหนังสือท่านไม่ได้ ถ้าท่านมาที่บ้านของเรา ห้องของข้าเจ้าเข้าออกได้ ม้าของข้าเจ้าขี่ได้”
    “นั่นเป็นกฎระเบียบที่นั่น อย่าขนมาใช้กับที่นี่”
    “แต่ข้าเติบโตอยู่กับทุ่งหญ้า”
    เว่ยอิงสวน “งั้นเจ้าก็ไปเป็นผู้หญิงป่าเถื่อนก็ดีแล้ว ที่ต้าฮั่นที่ลั่วหยาง เจ้าต้องทำตามกฎระเบียบของชาวฮั่น อาซู เจ้ารู้มั้ยว่าความสัมพันธ์เราสองคนเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าอวดดีหยิ่งยะโส โวยวายไร้เหตุผล ที่บ้านญาติและเพื่อนพ้องของเจ้า จะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า หึ่”
    “เอ่อ ข้ารู้ว่าข้าทำไม่ถูก ข้าจะแก้ไข ท่านอย่าโมโห เอ๊ะ ท่านอย่าทำหน้าแบบนี้สิ ข้า อุตส่าห์ไปหาของมาให้ท่าน ลองดูสักหนอ่ย แล้วท่านจะต้องดีใจ”
    “ข้าไม่ดู”
    “เฮอ ดูซี ข้าจะให้ท่านดู” 
    “อย่าแตะถูกข้า” เว่ยอิงปัดทำให้ตำราตกน้ำ
    ปันซูตกใจ กระโดดลงน้ำไปงมหา เว่ยอิงเองก็ตกใจเรียกให้ปันซูขึ้น ปันซูก็ไม่ฟัง เหล่าขุนนางได้ยินก็ย้อนกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าปันซูตกน้ำก็บ่น
    “เฮ้อ เป็นนางอีกแล้ว คราวก่อนใช้ก้อนทองทำท่านแม่ทัพใหญ่บาดเจ็บ ก่อนหน้านั้น ใส่เสื้อผ้าประหลาด ทำในวังวุ่นวาย ใต้เท้าเว่ย ศิษย์น้องของเจ้า เหลือเกินจริงๆ”
    เว่ยอิงว่า “เป็นเพราะข้าดูแลไม่ดี ฮ่ะ ขอตัวก่อน”
    ปันซูยังไม่ยอมหยุดหา เว่ยอิงวิ่งไปอีกด้านพยายามเรียกให้ขึ้น ปันซูขึ้นมา
    “เฮ่อะๆๆ  อาซู เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
    “ฮึ่ม ไม่ต้องมาเป็นห่วง เกลียดคนอื่นถูกตัวไม่ใช่เหรอ”
    เว่ยอิงว่า “เมื่อกี้นี้ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
    “ใช่ ดังนั้น ข้าไม่คู่ควรถูกตัวท่านใช่มั้ย เส้นผมเส้นเดียวของพี่เซวียน สำคัญกว่าข้าใช่มั้ย”
    ขุนนางที่ดูอยู่พากันไม่ชอบใจที่ปันซูตะโกนใส่เว่ยอิง พากันซุบซิบ เว่ยอิงเห็นก็เตือนปันซู
    “เจ้าเสียงเบาหน่อย มีเรื่องอะไร กลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะ”
    “ได้ ท่านกลัวพวกเขาหัวเราะใช่มั้ย ข้าไม่รบกวนแล้วก็ได้” ปันซูจะเดินหนีไป
    “อาซู อาซู อย่าเอาแต่ใจตัวเองได้มั้ย ถ้าเจ้าไปแล้ว อย่าหาว่าข้าไม่รู้จักกับเจ้านะ”
    “ก็ตามใจ ข้าปันซูไม่สนใจ ฮึ่” ปันซูเดินไป เว่ยอิงมองตามแล้วถอนใจ
    ปันซูเดินร้องไห้ออกไป ทหารให้แสดงป้ายก็โวยต่อว่าแล้วเดินร้องไห้ต่อไป จนเติ้งเข้ามาหาแล้วชวนไปดื่มเหล้ากัน
    ปันซูเริ่มเมา “เขาว่าข้าเป็นผู้หญิงป่าเถื่อน ยังเอาบทใช้ด่วนที่ข้าขอมาโยนทิ้งไปอีก เลวมาก เลวจริงๆ”
    เติ้งคล้อยตาม “ใช่ เลวมาก เลวจริงๆ”
    ปันซูสะอื้น “เติ้งจื้อ บอกได้มั้ยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ข้ารักและหวังดีกับเขา แต่เขายังหยิ่งจองหองแบบนั้น ตอนข้าตกน้ำ เขายังไม่สนใจเลยสักนิด”
    “ข้าบอกแต่แรกแล้ว เว่ยอิงเป็นคนเลว” ปันซูสะอื้น “เจ้าอยู่กับเขา เขาต้องรังแกเจ้า จะคิดมากกับคนเลวไปทำไม”
    “ข้าไม่ให้เจ้าว่าเขา เจ้านั่นแหละไม่ดี เจ้าสิที่ไม่ดี”
    “ได้ๆๆ ข้าเป็นไม่ดี ข้าเป็นคนเลว มา ดื่มเหล้าเถอะ สักพักก็คงดีขึ้น ห๋า”
    ปันซูดื่มแล้วสะอื้นต่อ “เติ้งจื้อ ทำไมเจ้าต้องมาทำดีกับข้า ทำไมเขาไม่เหมือนเจ้าเลยสักนิด รู้จักแต่สั่งสอนข้า” 
    “เจ้าก็ชอบข้าเสียสิ ข้าหน้าตาหล่อกว่าเขา ตำแหน่งสูงกว่าเขา และให้เจ้าว่าได้ทุกอย่าง” ปันซูสะอื้น “มา จับดู จับได้ตามใจ จับยังไงก็ไม่เป็นไร”
    ปันซูสะอื้น “แต่ว่าข้าไม่ได้ชอบเจ้า”
    “เจ้าค่อยๆ ชอบข้าก็ได้ นี่ ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน เป็นพี่น้อง เดินทีละก้าวก็ได้ ใช่มั้ยล่ะ”
    ปันซูสะอื้น “เจ้าจะแต่งกับโค่วหลันจืออยู่แล้ว เจ้าหลอกข้า เขาเป็นคนเลว เจ้าก็เลวเหมือนกัน พวกเจ้ารังแกข้า”
    “อาซู ข้าไม่แต่งกับนาง จะแต่งกับเจ้า ข้าก็ไม่ใช่คนเลวใช่มั้ย ห๊ะ”
    “ไม่ได้ เจ้าไม่ใช่เว่ยอิงสักหน่อย ข้าไม่ต้องการเจ้า” ปันซูสะอื้น “เว่ยอิง เจ้าเป็นคนเลว เจ้าหลอกข้า เจ้ายังจะให้ข้าเรียกเจ้าท่านพี่เว่ย อึ่” ปันซูดื่ม “เว่ยอิง เจ้าเป็นคนหลอกลวง คนหลอกลวง” แล้วปันซูก็หมดสติไป
    “อาซู อาซู อาซู อาซู เจ้าเป็นยังไงบ้าง”

ยอดหญิงปันซู 24

    แม่ทัพเติ้งตามหมอมาดูปันซูที่หมดสติไป พร้อมให้ยา แม่ทัพเติ้งจะต้องป้อนยาให้แต่ปันซูหลับ ก็เลยอมยาและใช้ปากป้อนแทน
    เว่ยอิงให้คนลงไปงมหาตำราจนเจอ เขามองตำราอย่างรู้สึกผิด เว่ยอิงไปหาปันซู แต่เพ่ยหวนว่ายังไม่กลับมาเลย เว่ยอิงออกตามหาปันซู เหยาเจวียนก็ว่าไม่ได้ไปหาเธอ ทั้งสองรีบออกช่วยกันตามหา
    ปันซูฟื้นขึ้นมาก็จะกลับเลย แม่ทัพเติ้งปรามไว้
    “เจ้าเพิ่งจะฟื้น เดินยังไม่ไหวเลย ทำไมจะต้องกลับไปด้วย”
    “พวกเราชายหญิงแค่สองคน ถ้าข้าพักอยู่ที่บ้านของเจ้า พรุ่งนี้จะพูดยังไงก็ไม่มีประโยชน์”
    “ไม่มีประโยชน์ก็ยิ่งดี ในเมื่อพวกเรา...”
    ปันซูย้อนถาม “พวกเราทำไม”
    “พวกเราจะทำไมล่ะ หา”
    “ยืมม้าเร็วให้ข้าตัวสิ ข้าต้องกลับไป”
    “โธ่เอ๊ย เจ้าพอแล้ว ทางยังเดินไม่ไหว จะขี่ม้าได้ยังไงกัน ข้ากับเจ้าขี่ม้าตัวเดียวกัน เอ่อ ล้อเล่นน่ะ เอ่อ งั้นเดี๋ยวข้า ขับรถม้าไปส่งดีกว่า ได้ใช่มั้ย” 
    ระหว่างทางกลับ แม่ทัพเติ้งก็พยายามพูดกล่อมปันซู
    “พูดมาสิ เจ้าเว่ยอิงก้นสุนัขมีอะไรดี สู้อยู่กับข้าไม่ได้”
    “พอแล้ว เจ้าเหมือนแมลงวันตัวนึง วันๆ น่ารำคาญจะตาย” เติ้งเมินหน้า “นี่ โกรธข้าเหรอ เอาเถอะ เมื่อกี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว อย่าโกรธได้มั้ย เติ้งจื้อ ท่านแม่ทัพใหญ่เติ้ง พี่ที่แสนดี เห็นแก่ข้าที่ยังป่วยอยู่ อย่าโกรธข้าเลยนะ”
    “หยุด..... เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไร”
    “ท่านแม่ทัพใหญ่เติ้ง”
    “ไม่ใช่คำนั้น”
    “พี่เติ้ง พี่ที่แสนดี อย่าโกรธเลยนะ”
    “นี่ยังพอไหวหน่อย จะบอกให้นะ อย่าเห็นว่าเจ้าจะตะคอกใส่ข้าได้ ที่จริงข้าก็มีศักดิ์ศรี ถึงยังไงข้าก็เป็นแม่ทัพใหญ่อยู่เหนือหมื่นคน”
    ปันซูสวน “ใช่ๆๆ”
    “รู้ว่าใช่แล้วทำไมไม่ยอมอยู่กับข้า”
    “พี่เติ้ง ท่านว่าพวกเราสองคน จะอยู่ด้วยกันได้หรอ”
    “ได้สิ พวกเรานิสัยเหมือนกัน เอ่อ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบตรงไปตรงมา”
    “ใครกันไม่ชอบเรียนหนังสือ ข้าชอบ ไม่อย่างนั้น ทำไมข้าถึงได้เป็นอาจารย์หญิง เพราะฉะนั้น เจ้าเห็นเพียงด้านที่ต้องการจะเห็น ไม่ใช่เพราะชอบตัวตนที่แท้จริง ก็ใช่ นิสัยของพวกเรา เข้ากันได้ดีมาก แต่ถ้าเป็นเพราะจุดนี้ พอแต่งงานกัน ก็ไม่มีประโยขน์อะไร บ้านของเจ้าใหญ่โตขนาดนี้ แค่เปิดประตูก็มีเจ็ดชั้น ยังมีห้องรับรองแขกอีก ข้าไม่มีเลยสักนิด อีกอย่างความสามารถในการพูดคุยเจรจา ชาตินี้ข้าก็หัดไม่ได้”
    “ที่บ้านข้ามีพ่อบ้าน ไม่ต้องหัดหรอก”
    “แต่ดูแลเจ้าไม่เป็น เจ้าโกรธแล้ว ข้าก็คงไม่ยอม มีแต่จะชวนเจ้าทะเลาะ เวลาผ่านนานไป เจ้าทนได้เหรอ”
    “ข้าอดทนได้”
    “อยู่ด้วยกันต้องมีความสุขทำไมต้องทนล่ะ เติ้งจื้อ ที่เจ้าดีต่อข้า ข้าจำได้เสมอ แต่มีหัวใจเพียงดวงเดียว หัวใจดวงนี้ ให้เว่ยอิงแล้ว จะดีต่อข้า เลวต่อข้า ก็จะพัวพันอยู่กับเขา จนกระทั่งถึงวันนั้น ข้าเหนื่อยแล้ว ถึงจะปล่อย เหมือนเจ้าไง หัวใจก็ยังไม่ลืมเยวี่ยจิ่น เช่นเดียวกัน”
    “เมื่อกี้เจ้าก็พูด เว่ยอิงลืมหลิวเซวียนไม่ได้ ในใจของเว่ยอิง ยังเทียบไม่ได้กับภาพวาดของหลิวเซวียนเลย”
    ปันซูทำเสียง “ฮึ่”
    “เป็นไรไป ไม่เอาน่า ฮึ่ ได้แล้วๆ ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเขา แค่ได้เป็นเพื่อนเจ้าก็พอแล้ว”
    “ใครให้เป็นเพื่อน ไปอยู่เป็นเพื่อนโค่วหลันจือเถอะ”
    “เฮ๋อะๆ เฮ้ ข้านี่...เป็นพี่ชาย เจ้าเป็นน้องสาว อยู่เป็นเพื่อนไม่ได้หรอ”
    “ขับรถไปเถอะอย่าพูดมาก” เติ้งยอมขับรถไป
    มาถึงหน้าบ้านปันซูไอ แล้วลงมาเอ่ยขอบใจที่เติ้งมาส่ง 
    “เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าไปพูดกับเขาให้ ถ้าเขายังดื้ออีก ข้าจะต่อยเขาเอง ดูแลตัวเองด้วย”
    ปันซูพยักหน้า “อืม”
    เว่ยอิงเข้ามา “หยุด เอามือของเจ้าออกไป เฮอ มานี่”
    ปันซูโวย “เอ๊ะ เจ้าทำอะไรน่ะ”
    “เจ้าดื่มเหล้าหรือ”
    เติ้งตอบแทน “ใช่แล้ว ดื่มเหล้า ทำไม”
    “ปันซู นี่ก็คือนิสัยของเจ้า นี่คือศักดิ์ศรีผู้หญิง เพื่อหาเจ้าแล้ว ข้าเกือบจะพลิกเมือหลวงหาเจ้า กลับมาดึกดื่น เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย อยู่กับคุณชายเสเพลคนนึง ยังคู่ควรเป็นอาจารย์หญิง ยังเป็นคนสกุลปันอยู่อีกหรือ”
    ปันซูสวน “ไม่คู่ควรเป็นคนสกุลปัน ไม่คู่ควรเป็นอาจารย์หญิง และไม่คู่ควรจะอยู่กับเจ้าพอใจหรือยัง ฮึ่”
    ปันซูเข้าไปเจอเพ่ยหวนก็ร้องไห้กับเพ่ยหวนทันที แล้วสั่งให้ปิดประตู
    ด้านหน้า เติ้งบ่นเว่ยอิง
    “หรือว่า พระอาจารย์หอวังเต็มตัวอย่างเจ้า ยังคิดจะบุกเข้าบ้านผู้หญิงกลางคืน แล้วเจ้า คู่ควรเป็นอาจารย์งั้นรึ”
    “เรื่องระหว่างข้ากับอาซู ไม่ขอรบกวนท่านให้เป็นห่วง”
    “ทำไมข้าจะห่วงไม่ได้ ห๋า อาซูพูดกับข้าว่า นางผิดหวังในตัวเจ้า อยากจะแยกทางกับเจ้า ส่วนข้า เบี้ยหวัดบำนาญสูง มีความรู้ เป็นทางเลือกสามีที่ดีของนาง”
    “ท่านแม่ทัพเติ้ง พูดให้มันดีๆ หน่อย อย่าคิดว่าเป็นพี่ชายของไทเฮา ข้าก็กลัวเจ้า”
    “วางใจเถอะ ข้าพูดดีอยู่แล้ว เพิ่งจะจูบอย่างดูดกับอาซูมา ไม่สะอาดได้หรือ”
    เว่ยอิงสู้กับเติ้งอย่างไม่มีใครยอมกัน 
    เติ้งว่า “เฮ๋อะ ข้าอยากจะช่วยอาซูระบายนานแล้ว เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ แค่หน้าตาหล่อเหล่า ห๋า วันๆ ปั้นหน้าตาย แถมคู่หมั้นก็ตายแล้ว อยากเป็นอยากตายอีก ข้าถุย”
    “หล่อกว่าเจ้าแล้วทำไม ยังจำเยวี่ยจิ่นได้มั้ย ยอมตายไม่ยอมแต่งกับเจ้า ตอนนี้เขาคงกำลังอยู่กับคนรักอยู่มั้ง”
    “เจ้าพูดอะไรนะ เยวี่ยจิ่นยังไม่ได้ตายเหรอ”
    “ถูกต้อง ข้าส่งนางกลับไปแดนตะวันตก”
    “เว่ยอิง ข้าไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเจ้า” ทั้งสองสู้กันต่อ
    “เจ้าคนเลว หลอกข้าไม่พอยังหลอกอาซูอีก นางติดอะไรเจ้า เพราะนางมีนิสัยไม่ถือตัว ก็สมควรให้เจ้าดูถูกงั้นรึ”
    เว่ยอิงโต้ “แล้วเจ้านับเป็นตัวอะไร เป็นแม่ทัพเต็มตัว เป็นแต่เรื่องเจ้าชู้ จะแต่งกับโค่วหลันจือ แต่กลับมาตอแยอาซูของข้า”
    “ข้าจะหมั้นเพื่อนาง ข้ารักนางไปชั่วชีวิตได้ เจ้าล่ะ ทำอะไรเพื่อนางได้บ้าง เจ้าคู่ควรแค่กอดป้ายชื่อของหลิวเซวียนไว้”
    เว่ยอิงกระโดดถีบ เติ้งว่า “ฮ่ะ เจ้ามีสิทธิอะไรมาว่าอาซู รู้หรือเปล่า เพื่อขอบทใช้ด่วนให้เจ้า นางเกือบจะสลบอยู่บนถนนแล้ว”
    เว่ยอิงชะงัก “นางไม่สบายหรือ”
    “ไม่มี ไปมั่วกับข้าอยู่” เว่ยอิงโมโหสู้กันต่อ
    ฮั่วหวนมาขวางทั้งคู่ไว้ “พอแล้วๆ คนหนึ่งแม่ทัพ คนหนึ่งขุนนาง กลางคืนดึกดื่น ต่อยตีกันอยู่หน้าบ้านผู้หญิง น่าดูมั้ยละ เฮ้ะ พอแล้วๆ พอแล้ว พวกเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนัก ตีกันระบายโทสะก็พอแล้ว ถึงแม้มีเรื่องใหญ่โต รอถึงพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน นี่ ใต้เท้า ไม่เป็นไรใช่มั้ย ต้องการให้ข้าไปส่งมั้ย”
    เติ้งโกรธ “ไม่ต้องยุ่ง ดูเจ้าขาเป๋นี้เถอะ”
    เว่ยอิงก็ว่า “ข้าไม่เป็นอะไร กระดูกซี่โครงของเขาคงถูกข้าตีหักหลายท่อน เจ้าไปดูเขาดีกว่า”
    “เอ๊ะ พูดแบบนี้ ข้าลำบากนะ”
    ทั้งเติ้งและเว่ยอิงพูดพร้อมกัน “ เป็นพวกเดียวกัน กับคนแบบนี้เถอะ ฮึ่”
    เว่ยอิงกลับไปก็ทุบตัวเอง ขณะที่ฮั่วหวนไปดื่มคุยกับเติ้ง
    “เจ้าไม่เหมือนกับน้องชายเลย เจ้าไม่ชอบมายุ่งกับเรื่องของข้า แล้ววันนี้ทำไม ถึงเปลี่ยนใจเข้ามายุ่งได้ล่ะ” เติ้งถาม
    “น้องชายข้าไปทำศึกแล้ว ข้าเป็นพี่ชาย ก็ควรทำอะไรเพื่อเขาบ้าง เจ้ากับเว่ยอิงเป็นเพื่อนของเขา เป็นเพื่อนของข้าด้วย ห้ามตีกัน เป็นเรื่องสมควร”
    “ขอบคุณมาก เวลาก็ใกล้เช้าแล้ว อีกสักครู่ เดี๋ยวข้าให้คนส่ง ยังมีอะไรเหรอ”
    “เฮ่อ ข้าอยากจะถามเจ้าสักหน่อย พระนางไทเฮา ปกติชอบอะไร อ้อ เฮ่อะๆ เอ่อ เจ้าก็รู้ ข้าเฝ้าประตูวัง วันๆ พบผู้คนตั้งมากมาย ถ้าไม่ระวังก็จะผิดพลาดได้ ในวังทั้งบนทั้งล่าง ไทเฮาใหญ่ที่สุด ถ้ารู้เรื่องได้มาก ชีวิตของข้าถึงจะอยู่ได้นาน เฮ๋อะๆๆๆๆ”
    “มานี่ ข้าจะบอกให้ น้องสาวของข้า เกลียดที่สุดก็คือ คนถ่อยที่อ่อนแอ ข้าดูท่าทางของเจ้า เกรงว่าจะไม่ผ่าน ข้าล้อเล่นน่ะ น้องสาวของข้า ชอบมีเหตุผล ขอเพียงเจ้ายืนอยู่บนเหตุผล นางก็จะไม่เรื่องมาก”

ยอดหญิงปันซู 24
    วันรุ่งขึ้น ฮั่วหวนก็เข้าเฝ้าไทเฮา 
    “พี่ชายข้า เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมกระดูกซี่โครงหัก”
    “เอ่อ เรียนไทเฮา ข้ากับท่านแม่ทัพใหญ่ว่างๆ จึงประลองหมัดกันหน่อย ท่านแม่ทัพไม่ระวัง ขาลื่นชนถูกหิน กระดูกซี่โครงจึงหัก”
    “ฮึ พอแล้ว อย่าพูดเรื่องไร้สาระกับข้า ข้าได้ยินคนพูดว่า เมื่อวานเขาอุ้มปันซูเข้าไปในบ้าน เกิดเรื่องนี้จริงเหรอ”
    “ไทเฮาทรงพระปรีชา มีเรื่องนี้จริง”
    “จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังทำเรื่องแบบนี้อีก เฮ่อะ อาหมิง เจ้ารีบไปดูที่บ้านท่านแม่ทัพใหญ่ และเรียกปันซูมาที่นี่ด้วย”
    “เพคะ”
    ฮั่วหวนรีบทูล “ไทเฮาได้โปรด ไทเฮา ข้าเอาชีวิตเป็นประกัน เรื่องเมื่อวาน เกี่ยวข้องกับอาจารย์ปันจริง แต่ไม่มีผลกระทบต่องานแต่งของสกุลโค่วอย่างแน่นอน ท่านแม่ทัพสารภาพกับกระหม่อมแล้ว เขากับอาจารย์ปัน เป็นแค่พี่น้อง ไม่มีความคิดแบบชู้สาว เรื่องเมื่อวาน แค่ผ่านมาช่วยเหลือเท่านั้น พระนางไทเฮา ข้ากับท่านแม่ทัพใหญ่ รู้จักกันมาแล้ว เรื่องของเยวี่ยจิ่น ก็พอรู้มาบ้าง เรื่องในวันนั้น เสียตรงที่ไทเฮา เป็นห่วงมากเกินไป”
    “บังอาจ”
    “ฮ่ะ ขออภัยไทเฮา กระหม่อมเพียงแต่พูดความจริง กระหม่อมรู้ดี ว่าพระองค์ ก็เคยคิดเช่นเดียวกับกระหม่อม โปรดอนุญาตให้กระหม่อมได้พูด แม้พระองค์จะสูงศักดิ์ เป็นไทเฮา แต่ก็เป็นน้องสาว แม้แต่เล็กน้อย เรื่องแต่งงานของพี่ชาย ทำไมพระองค์จะต้องเป็นห่วงขนาดนี้”
    “ฮืม ฮั่วหวน ถ้าเป็นจริงอย่างที่เจ้าพูดจริง หัวของเจ้าไม่รู้ว่า ต้องตกลงมากี่ครั้ง”
    “ขออภัย” ฮั่วหวนคิดในใจ “คำพูดของเติ้งจื้อได้ผลจริงๆ ไทเฮานี้ชอบคนมีเหตุผล เรื่องเกี่ยวกับญาติของนาง พูดแบบนี้ คงจะสามารถชนะใจนางได้ อีกด้านหนึ่ง ก็อาจจะกลายเป็นคนขี้ประจบ เพียงแต่ไม่รู้ว่า จะทำให้นางสังเกตได้หรือไม่”
    ไทเฮาเองก็นึก “แม้มีเหตุผล แต่สายตาไม่นิ่ง ไม่หนักแน่น เหมือนเขาแต่ไม่ใช่เขา ในโลกนี้ ยังจะมีเขาอีกคนได้ยังไง”
    ด้านโคว่หลันจือพอรู้เรื่องก็จะไปเยี่ยมเติ้ง แต่เป่ยเย่ที่สืบรู้ก่อนว่าเพราะสาเหตุมาจากปันซู ทำให้หลันจือเสียใจมาก

 จบตอนที่ 24 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ