บันเทิง

'บาส' บอกเล่า กว่าจะมาเป็น ‘ฉลาดเกมส์โกง’ (คลิป)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กว่าจะมาเป็น "ฉลาดเกมส์โกง" ในวันนี้ "บาส" นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับ  เรียนรู้  "คำด่า" กลายเป็นแรงผลักดัน

         กำลังสร้างปรากฏการณ์อยู่ในขณะนี้ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “ฉลาดเกมส์โกง” ที่ทำรายได้เหนือความคาดหมาย แต่เบื้องหลังความสำเร็จ กว่าจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่าง “ชาญฉลาด” ในวันนี้ หนังได้ผ่านกระบวนการคิดของ “บาส”  นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับ ที่ฝากผลงานภาพยนตร์เรื่อง “เคาท์ดาวน์” เอาไว้เมื่อ 5 ปีก่อน ร่วมกับทีมงานเบื้องหลังและทีมเขียนบทฝีมือดี วันนี้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” จะพามาเปิดเบื้องหลังการทำงาน รวมถึงหลายกระแสที่มีคำถามต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งหลายคนอยากรู้

         ตอนที่ทำบทหนังเรื่องนี้ คิดว่าจะประสบความสำเร็จเท่านี้ไหม

         ไม่คิดเลย ทุกงานที่ทำผมพยายามไม่คิดล่วงหน้า ทุกครั้งจะตั้งหลักในการทำงานว่า ทำยังไงให้เราพอใจที่สุด และมันจะเหมาะสมกับตัวงานที่สุด ผมตั้งว่าเราจะสื่อสารทุกอารมณ์ ทุกความคิด ของหนังยังไงให้ไปสู่คนดูให้ชัดเจนที่สุด

 

'บาส' บอกเล่า กว่าจะมาเป็น ‘ฉลาดเกมส์โกง’  (คลิป)

 

         “บาส” เคยทำ “เคาท์ดาวน์” เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มาเรื่องนี้อรรถรสมันต่างกันเยอะไหม

         คือตอนเคาท์ดาวน์ ผมค่อนข้างใหม่มาก และเรามีความไฟแรง มีความติสต์อยู่นิดหนึ่ง ไม่ค่อยรู้ว่าคนดูต้องการอะไร รู้แค่เราต้องการอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้สื่อสารไปถึงคนดูได้ไกลขนาดนั้น แต่หลังจากนั้นเราได้เว้นไปทำโฆษณา ก็เลยเข้าใจความรู้สึกคนดูมากขึ้น เราเลยเริ่มรู้ว่าจะสื่อสารกับคนดูยังไงโดยที่ไม่สูญเสียความเป็นตัวเรา เราไม่ได้บอกว่าอะไรดีหรือไม่ดีไปกว่ากัน แต่ต้องเข้าใจว่าหนังที่เรากำลังทำอยู่สมควรทำหน้าที่อะไร สื่อสารยังไงให้มากสุด ตีโจทย์นี้ให้แตกก่อน แต่ยังทำในสิ่งที่เชื่อและชอบอยู่ ถามว่าเริ่มศึกษาจริตคนดูยังไง ผมยกเครดิตให้จากการที่เราทำโฆษณาเลย ผมได้ทำงานร่วมกับลูกค้า เอเยนซี ดูฟีดแบ็กตามโลกออนไลน์ แต่คำด่าจะทำให้เราเก่งขึ้น แข็งแรงขึ้นในการทำงาน ตอนนั้นเราบริหารไม่เป็น ลืมว่าเราทำหนัง ทำงานกับคนหมู่มาก

         ตอนนั้นคิดว่าสิ่งที่เราคิด คนดูจะเข้าใจ

         ใช่ ณ จุดนั้นเพราะเราเข้าใจ แต่ปรากฏว่าคนดูไม่เข้าใจ คือมันเกิดขึ้นได้ ไม่ผิด แต่เราต้องเลือกเส้นทางการทำงานของคุณว่าจะเป็นอย่างนี้ หรือเดินเข้าตรงกลางเพื่อหาจุดที่แฮปปี้ และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

'บาส' บอกเล่า กว่าจะมาเป็น ‘ฉลาดเกมส์โกง’  (คลิป)

         หลายคนบอกคนทำหนังต้องติสต์ถึงเท่

         ผมไม่ได้มองว่าเท่ ตอนนั้นเรามีจุดยืนว่า ศิลปินควรมีจุดยืนของตัวเอง เราเชื่อแบบนั้ เลยคาดหวังว่าคนดูจะชอบนะ แต่ไม่ใช่ กลายเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และปรับแก้กันไป

         อะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้ บาส ยอมเปลี่ยน

         ผมไม่ได้เรียนมาทางด้านภาพยนตร์ แต่ผมโตมากับการดูภาพยนตร์ และพอถามตัวเองว่า จริงๆ อะไรที่ทำให้เรามีความสุขกับการดูภาพยนตร์ เราตอบตัวเองได้ว่า คือการส่งความรู้สึกบางอย่าง เมื่อดูแล้วเศร้า ซึ้ง ทำให้เราเปลี่ยนทัศนคติบางอย่าง มันคือศิลปะหนึ่งชิ้นที่ส่งผลกับคน พอเรามาทำเอง ลึกๆ ผมเป็นคนแคร์คนดู เพียงแต่ไม่รู้จะสื่อสารยังไง ให้ความแคร์เราออกไปถึงคนดูจริงๆ คือตัวผมเอง อาจจะไม่ได้ติสต์ขนาดนั้น ช่วงแรกที่ไปทำโฆษณา มันก็มีความรู้สึกเหวอๆ เหมือนกันนะ แต่เราใช้เวลาไม่เกินครึ่งปีในการปรับตัว รู้ว่าจริงๆ การทำตามลูกค้า มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องกล้ำกลืนขนาดนั้น สามารถหาจุดตรงกลางได้ในการทำงาน

 

'บาส' บอกเล่า กว่าจะมาเป็น ‘ฉลาดเกมส์โกง’  (คลิป)

         วันนี้หนัง “ฉลาดเกมส์โกง” ประสบความสำเร็จ คิดว่าเเดินมาถูกทางไหม

         ผมว่าตัวงานทุกชิ้น เรียกร้องสิ่งที่ไม่เหมือนกัน ในอนาคตข้างหน้า ถ้าทำเรื่องใหม่ ผมอาจจะต้องอาศัยวิธีคิดและการทำงานอีกแบบหนึ่ง แต่กับหนังเรื่องนี้น่าจะถูกต้องตามโจทย์ที่กำหนดมา ที่พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) เป็นคนคิดขึ้นมา เรื่องการลอกข้อสอบ การใช้ไทม์โซน และผมพยายามใส่สไตล์ลงไป คือเราอยากทำหนังที่ดูสนุก แต่ไม่เบาหวิว คือมีสาระ ตอนแรกที่ผมทำก็กลัวคนจะไม่เข้าใจนะ เพราะตัวเรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนมากๆ เป็นงานที่ยากที่สุดตั้งแต่ผมทำงานมาเลย ในการเล่าหนัง ต้องเล่าให้คนเข้าใจพล็อต และเราต้องไม่ทิ้งไอเดีย ไม่ทิ้งตัวละคร ต้องผลักดันทั้ง 3 ก้อนไปด้วยกัน

         พอมาจุดที่มันประสบความสำเร็จ คนมองว่ามันจะเป็นการชี้นำไหม

         ช่วงแรกมีคำถามนี้เยอะเหมือนกัน แต่ผมจะบอกทุกครั้งว่า ถ้าให้เรามาบอก “สาร” ของหนังก่อน มันจะเป็นการสปอยล์หมดเลยนะ คนดูจะคาดเดาทิศทางได้ ผมและทีมงานเชื่อว่าตัวหนังจะตอบตัวเองว่าหนังเรื่องนี้ชี้นำหรือเปล่า แต่เราดีใจที่ทุกคนเข้าใจมัน รู้ว่าสุดท้ายหนังต้องการจะบอกอะไรเรา

 

'บาส' บอกเล่า กว่าจะมาเป็น ‘ฉลาดเกมส์โกง’  (คลิป)

         ฐานะผู้กำกับ คิดว่าคนจะนำวิธีในหนังมาทำได้จริงไหม

         มันยากมากเลยนะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมต้องบาลานซ์มัน บางคนจะรู้สึกว่าวิธีการมันเว่อร์จังเลย แต่ถามว่าเป็นจริงได้มั้ย คือได้ แต่ยากจริงๆ อย่าง “โค้ดเปียโน” เราคิดกันขึ้นมาเอง ถ้าน้องๆ จะเอาไปทำจริง เขาเอาเวลาไปอ่านหนังสือจะง่ายกว่า (หัวเราะ) คือเราไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอกขนาดนั้น

         บางคนมองว่าเรื่องนี้เป็นการเสียดสีวงการการศึกษาไทยเหมือนกัน

         ผมขอใช้คำว่า มองมัน อย่างที่มันเป็น เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมเห็นมาตลอด แต่ในขณะเดียวกัน ไอเดียพวกนี้มีเพื่อสนับสนุนตัวละคร ไม่ใช่สิ่งที่เราพยายามจะชูขึ้นมาเพื่อให้เด่น เรามีเป้าหมายของเราอยู่ ทีมงานทุกคนไม่มีใครถามอะไร เพราะทุกคนอ่านบทหมด รู้ทิศทางหนัง และสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทุกคนเข้าใจ และเห็นด้วยไปในทิศทางเดียวกัน

         คิดว่าตอนนี้หนังประสบความสำเร็จหรือยัง

         ความสำเร็จเป็นเรื่องที่พูดยากมากเลย บรรทัดฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตัวผมรู้สึกยินดี ขอบคุณแทนทีมงาน ที่คนดูให้การตอบรับกับมัน แต่เราไม่เคยคิดว่ามันสำเร็จแล้ว เราเก่งจังเลย แต่เราจะพยายามหาข้อด้อย เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป ซึ่งถ้ามองในมุมของความสุข รางวัลจริงๆ ของผมคือคนทำงาน ไม่ว่าจะนักแสดง ทีมงานทุกฝ่าย ขอแค่เขาเหล่านี้ดูหนัง และแฮปปี้กับมัน เราจะรู้สึกไม่เหนื่อยเปล่า สำหรับผมตรงนี้ คือความสำเร็จของผมนะ ที่เหลือคือโบนัสในการทำงาน

 

'บาส' บอกเล่า กว่าจะมาเป็น ‘ฉลาดเกมส์โกง’  (คลิป)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ