บันเทิง

จากวันวานของหนุ่มขี้อาย ถึงวันนี้ของผู้ชายที่ชื่อ “อินดี้”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อินดี้" อินทัช ลั่นไม่อยากเป็นตัวถ่วงละคร

         เป็นอีกหนึ่งลูกไม้ที่หล่นใต้ต้น สำหรับ “อินดี้”  อินทัช เหลียวรักวงศ์   ลูกชายหัวแก้วหััวแหวนของนักแสดงรุ่นเก๋า “บี๋” ธีรพงศ์ กับ “ฮันนี่” ภัสสร     ซึ่งในวันนี้หนุ่มอินดี้ได้พิสูจน์ความสามารถด้านการแสดงจนขึ้นแท่นพระเอกคลื่นลูกใหม่ของช่อง 3 ได้แล้ว ล่าสุดสกู๊ปวันเสาร์จึงคว้าตัวหนุ่มหล่อคนนี้มาพูดคุยกันเสียหน่อย 

จากวันวานของหนุ่มขี้อาย ถึงวันนี้ของผู้ชายที่ชื่อ “อินดี้”

@@ อัพเดทละครเรื่องล่าสุดกันหน่อย 

@ พูดถึงบทบาทในซีรีส์ เดอะ คิวปิดส์ ตอนลูบคมกามเทพ 

         เรื่องนี้ผมรับบทเป็นแดเนียล เป็นตำรวจสากลมาสืบคดีค้าประเวณีในเมืองไทย แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส แล้วมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ตัวร้ายต้องหนีมาเมืองไทย ในเรื่องนี้ตัวร้ายมีเยอะมาก  ซึ่งเราก็สืบไปจนรู้ว่าเขาล่อผู้หญิงมาจากบริษัทคิวปิดส์   ความที่เราต้องปลอมตัวไปเป็นลูกค้าที่บริษัทนี้จึงทำให้เจอกับการเกด (“วาววา” ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด) เหมือนกับว่าเราไม่ได้ตั้งใจที่จะไปหาคู่เลยนะ เรามาทำงาน  ในตัวของแดเนียล เขาเป็นคนที่มุ่งมั่นมากด้วยนะ เป็นคนที่อาฆาตแค้นมาก เนื่องจากว่าบรรดาตัวร้ายทีมนี้ฆ่าลูกน้องผมหมดเลย

@ถือเป็นตอนท่ี่บู๊หนักที่สุดของ 8 เรื่อง 

         ใช่เลยนะ ถ้าถามถึงการเตรียมตัวนะ  ผมโดนบู๊มาก่อนของป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) เรื่องลูกผู้ชายเลือดเดือด ซึ่งอันนั้นก็เป็นบู๊ที่หนักมากด้วยนะ  ด้วยความที่เป็นมวยด้วย  แต่เรื่องลูบคมกามเทพ ก็จะเบามาหน่อยเพราะว่าเป็นอินเตอร์โพล (ตำรวจสากล) 

@ มีการส่งเรียนอะไรเพิ่่มเติ่มเพื่อไว้รับบทบาทนี้ไหม 

         ทีมงานส่งผมไปเรีียนตำรวจประมาณ 2 เดือนเลยนะ เพื่อฝึกความพร้อม ผมไปเรียนแบบว่าปฏิบัติการได้จริงเลยนะ ไม่แค่ว่าไปเรียนเพื่อมาถ่ายละคร  เขาก็สอนจริงๆ แบบว่าเราสามารถช่วยตัวประกันได้จริง  พังประตูเข้าไปแบบนี้ วิธีการถือปืนแบบตำรวจทำอย่างไร ถ้าเจอคนร้ายมีตัวประกัน เราจะยิงคนร้ายอย่างไร เขามาสอนจริง ไม่ได้มาเล่นๆ เลยนะ ตอนแรกผมคิดว่าไม่ได้ซีเรียส แต่เอาเข้าจริงก็จริงจังนะ ส่วนเรื่องร่างกาย ถ้าถามผมว่าฟิตไหม ผมเป็นคนที่เล่นฟิตเนสอยู่แล้วก็เลยรู้สึกว่าเราฟิต ไม่ต้องไปใส่อะไรให้เพิ่มเข้าไปอีก   คือสำหรับการเล่นของผม เล่นให้ลีนนะ ไม่ได้ให้ดูตัวใหญ่ เพราะว่าถ้าใหญ่พอเข้ากล้องตัวเราจะใหญ่มาก เขาก็กำชับว่าเอาลีนๆ เอาเท่ๆ  

@การทำงานกับ “วาววา” ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด เป็นอย่างไรบ้าง

         ต้องบอกว่าดีมาก ดีเกินคาดมากๆ เลย ในช่วงแรกผมกังวลนะว่าผมกับเขาจะเข้ากันไหม จะออกมาเป็นอย่างไร แต่เมื่อได้ร่วมงานกัน ผมว่าออกมาดีมาก วาววาเป็นเหมือนทั้งแม่ (ยิ้ม) พี่สาวและเพื่อนของผมเลย  ประมาณแบบว่าความเป็นห่วงคอยเตือน คอยแนะนำด้วยความที่ว่าเขามีประสบการณ์เยอะกว่าเราด้วย เราก็ต้องฟังเขาบ้าง ซึ่งเขาจะมีอายุมากกว่าผม 1 ปี แต่ในเรื่องการทำงานเขาทำงานมาก่อนผม  เขามักจะเตือนด้วยความเป็นห่วง อย่างเวลาผมถึงกองละคร เขาจะบอกว่าให้ผมรีบไปแต่งหน้าเลย บางครั้งกองนัดเช้ามาก เราเองก็อาจจะยังไม่มีสติมากนัก (ยิ้ม) ขอนั่งหรือนอนหน่อย เราก็แบบว่าขอนั่งนิ่งสัก 5-10 นาทีก่อนทำอะไร  แต่พอวาววาเห็นปุ๊บ เขาจะบอกให้ไปแต่งหน้าเลย เขาคอยกระตุ้นเราอ่ะ ให้เราตื่นตัวในการทำงาน 

@ในช่วงที่ผ่านมามีเรื่องราวสวีทกันจนคนคิดว่าอินดี้กับวาววา จริงจังกัน

          ยอมรับนะว่ามันมีความสวีท แต่ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกัน และทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่   แต่ว่าเราไม่ได้โพสต์ข้อความ หรือรูปหนักเหมือนเมื่อก่อน  คือตอนนั้นเราต้องทำงานด้วยกัน อยู่ด้วยกัน เนื่องจากว่าละครเรื่องนี้เราทำงานกันหนักมาก คือสำหรับตอนอื่นๆ ดูเป็นซีรีส์หวานแหวว แต่สำหรับตอนลูบคมกามเทพของผม หนักและหนัักมาก เนื่องจากเป็นบทบู๊ แล้วเขาไม่อยากให้ผมใช้สแตนด์อินด้วย อยากให้ผมเล่นบู๊เอง แล้วจะมีฉากยากๆ และหินๆ เช่นฉากที่ผมต้องยกวาววาขึ้นมา ด้วยความที่ผมต้องถีบคนซ้ายก่อน แล้วต้องสู้กับอีกคน เราก็ต้องยกตัววาววามาช่วยด้วย  ซึ่งแต่ละฉากมันละเอียดมาก  เพราะเรื่องนี้ขายเรื่องบู๊ของเราสองคน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว  เพราะฉะนั้นจำเป็นที่ว่าเราสองคนต้องสนิทกัน   ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมโพสต์ลงไปในอินสตาแกรมของตัวเอง (ยิ้ม) เป็นไดอะล็อกที่ตัวของแดเนียลพูดกับการเกดในเรื่องนี้เลย  คือมีบทสนทนาต่างๆ ที่คุยกับเขาอยู่ในหัวของเรา จะวนอยู่ในหัวของเร ซึ่งผมก็เอาประโยคเหล่านั้นโพสต์ลงไอจี ผมไม่รู้ว่าจะเขียนแคปชั่นว่าอย่างไร   บางคนก็จะไม่รู้ นึกไปว่าผมกับวาววา หวานมาก (ยิ้ม)  แล้วโลเกชั่นทุกโลเกชั่นที่ถ่ายแล้วเอาลง คือมาจากในละคร หลายคนคิดว่าผมกัับเขา เราไปเที่ยวกันสองคน ไม่คิดว่าเราสองคนไปถ่ายละครกัน  ถ้าถามว่าอยากสานต่อไหม เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าพูดถึงเรื่องการทำงานด้วยกันผมอยากเล่นละครกับเขาอีกสักเรื่อง คือว่าเราสองคนเข้าขากัน ผมแฮปปี้กับการได้ทำงานกับผู้หญิงคนนี้ 

@แล้วการทำงานกับ “ซ้ง” ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ ผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง 

         พี่ซ้งเป็นคนที่ทำงานละเอียดมากเลยนะ  แล้วพี่เขาเป็นคนที่ทำภาพสวยมากด้วย แต่ผมโชคดีที่ผมสนิทกับวาววา เพราะฉะนั้นในเรื่องของซีนอารมณ์ผมไม่ห่วง ว่าถ้าซีนนี้ที่ต้องทำงานด้วยกันแล้วจะเป็นอย่างไร อารมณ์จะถึงไหม ผมห่วงว่าบู๊จะออกมาอย่างไร 

@เมื่อทีมงานบอกว่าให้เล่นจริง มีไหมว่าที่อินดี้ขอทีมงานใช้สแตนด์อิน 

          (พยักหน้า) มีนะ  ซึ่งเป็นฉากที่ว่ามอเตอร์ไซค์ล้มแค่นั้นเอง ไม่รู้ว่าจะอย่างไรเลย คือต้องล้มจริงๆ เอาหน้าลงเลยอ่ะ แล้วผมรู้สึกว่าให้ทีมงานมืออาชีพเขาเป็นคนเล่นดีกว่า แต่สตันท์เขาก็ใส่หมวกกันน็อก 

@ด้วยความที่ละครแต่ละตอนสั้น มีความกังวลมากน้อยขนาดไหน 

          ส่วนตัวผมไม่ได้กังวลในเรื่องนี้เลยนะ แต่สิ่งที่ผมกังวลก็คือว่า ผมเป็นคนที่อายุน้อยและประสบการณ์ทำงานน้อยที่สุดในเรื่องเลย ผมเห็นตัวอย่างในตอนของพี่ปั้นจั่น (ปรมะ อิ่มอโนทัย) กับพี่คริส  (คริส หอวัง) โป้งเดียว  เขาเอาอยู่มากเลย ภายใน 2 วีกเท่านั้น เป็น 2 วีกที่สนุกมากเลย  แต่ตอนนี้เรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนของผมกับวาววาแล้ว แต่ผมรู้สึกอุ่นใจเนื่องจากว่าของผมเป็นตอนที่เน้นเรื่องบู๊ไง   ผมมองว่าละครถ้าสั้นแล้วกระชับมันดีกว่าเรื่องที่ยาวแล้วยืด   

@การที่เราได้เล่นเรื่องลูบคมกามเทพ เรียกว่าตอบโจทย์การแสดงไหม  

          (ยิ้ม) ก็ตอบโจทย์นะ   อย่างแรกผมต้องบอกว่าผมขอขอบคุณป้าแจ๋วก่อนที่ฝึกผมมาดี จากละครเรื่องลูกผู้ชายเลิือดเดือด  ซึ่งในเรื่องตอนนั้นเวลาที่ผมต้องขึ้นยก ผมต้องใช้การมูฟเมนท์เป็นร้อยกว่าจะมูฟได้  แต่ว่าอยู่ภายใน 7 ยกนะ มวย 7 ยก แล้วแบบว่า 7 ยกต้องต่อยอย่างไรไม่ให้เหมือนกัน   แล้วพอมาเจอลูบคมกามเทพแล้ว เปลี่ยนแนวให้มาเป็นการต่อสู้แบบตำรวจที่ว่าอีกมือหนึ่งถือปืน แล้วมืออีกข้างสามารถใส่กุญแจคนร้ายได้ 

@ ถามถึงความคาดหวังกับเรื่องนี้

          ผมบอกเลยว่าผมคาดหวังมาก จะพูดกันตรงๆ เลยนะ ผมไม่อยากจะเป็นจุดอ่อนของเรื่อง ที่แบบว่าหลายๆ คนมามองว่าพี่นักแสดงคนอื่นๆ ทำมาดีแล้ว มาแป้กที่ผม แต่สิ่งที่ผมมั่นใจก็คือว่า ความที่ผมกับวาววา เคมีเข้ากันพอสมควร แค่ว่าจะมีมากน้อยขนาดไหนผมอยากให้คนดูเป็นคนตัดสินใจมากกว่า

จากวันวานของหนุ่มขี้อาย ถึงวันนี้ของผู้ชายที่ชื่อ “อินดี้”

@@ การใช้ชีวิตในฐานะของนักแสดง 

@ ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมากี่ปีแล้ว 

          น่าจะ 3 ปีแล้ว มีละครถึง 3 เรื่อง หลายคนอาจจะมองว่าผมก้าวเร็ว แต่สำหรับผมผมมองว่าตัวเองค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปมากกว่า ผมยอมรับว่าตัวเองก็โชคดี

@ถ้าถามว่าอะไรในตัวของเราที่ทำให้ผู้จัดเลือกอินดี้มาทำงานด้วย 

          เริ่มจากป้าแจ๋วก่อน เขาเลือกผมมาจากการที่ผมมีคาแรกเตอร์ค่อนข้างจะดาร์ก อย่างบทผมในเรื่องลูกผู้ชายเลืิอดเดือด ในเรื่องมีพระเอก 2 คนคือพระเอกด้านสว่าง แล้วก็พระเอกดาร์ก ผมเป็นตัวดาร์ก (ยิ้ม) แต่ผมไม่ใช่ตัวร้ายนะ และการแสดงอันนั้นมันตอบโจทย์เรา คือเราสามารถถ่ายทอดบทอย่างนั้นออกมาได้ ผมมั่นใจว่าผมทำได้ เพราะว่าเป็นตัวเรา

@บางคนมองว่าเพราะมีนามสกุลเป็นใบเบิกทางทำให้มีโอกาสด้านการแสดง 

          ตอนแรกผมต้องบอกก่อนนะว่าป้าแจ๋วไม่รู้นะว่าผมเป็นลูกใคร เพราะว่าผมเล่นหนังมาก่อน แล้วตอนนั้นผมใช้ชื่อว่า อินดี้ อินทัช เท่านั้น เหมือนเป็นการที่คนเรียกก็ไม่มีใครเรียกนามสกุลแล้ว   ซึ่งในตอนแรกจะมีคนรู้น้อยมากนะว่าพ่อแม่ของผมเป็นใคร   แต่พอมีคนรู้ก็มีคนพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ผมก็กดดันนะ จนกระทั่งละครเรื่องลูกผู้ชายเลือดเดือดกระแสดี ผมก็ไม่กดดันแล้ว บวกกับว่าเรื่องนั้นที่แสดงเป็นเรื่องของผู้ชายทั้งหมด ก็เลยกลมกลืน 

@ในฐานะที่อินดี้เกิดและเติบโตมาจากครอบครัวนัักแสดงได้รับคำแนะนำจากพ่อแม่อย่างไรบ้าง 

         ไม่ค่อยได้คุยกันในเรื่องพวกนี้ แต่ผมจะคุยกับพ่อและแม่ในเรื่องของการรับงานมากกว่า ว่ามีงานแบบไหนติดต่อเข้ามา  ส่วนด้านการแสดงไม่ค่อยปรึกษานะ เพราะเรามั่นใจว่าเราทำได้ คือผมคิดว่าเราต้องเรียนรู้เอง เขาบอกว่าเรื่องพวกนี้สอนกันไม่ได้ เราต้องเรียนรู้เอง  พ่อแม่จะเน้นในเรื่องของการรับงานและความมีระเบียบวินัยในการทำงานมากกว่า สำหรับพ่อแม่นะ ผมว่าเขาเองก็มั่นใจในตัวผมอย่างหนึ่งว่าผมไม่เถลไถลเรื่องงาน ถึงแม้จะเถลไถลเรื่องเรียน 

@ มองวงการอย่างไรบ้าง 

         ตอนแรกผมไม่กล้ามาทำงานในวงการ เนื่องจากผมเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก แบบว่าจะต้องแสดงออกมาให้กล้องมาจับที่ตัวเรา มันแปลก ผมรู้สึกไม่ชิน อย่างตอนที่เล่นลูบคมกามเทพ ผมก็ยังไม่ค่อยชิน  แล้วถ้าถามว่าผมสลัดความขี้อายเหล่านั้นได้อย่างไร ผมต้องบอกว่าผมได้รับการต้อนรับจากทีมงานทุกๆ คน ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น   ตัวผมพอมาทำงานในวงการ ผมว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราโตขึ้น  สมัยก่อนผมเป็นเด็กเกเรมากเลย โดดเรียนไปแทงสนุ้ก หรือไม่ก็ไปแตะบอลแบบนี้  แต่ไม่ได้ไปปาร์ตี้อะไรนะ พอมาทำงานด้านนี้ แม่ก็มีความเป็นห่วงว่าผมจะรอดไหม แต่ว่าโอเค ผมขอทำงานมากกว่า ผมขอหยุดพักเรื่องเรียนก่อน เพราะว่าผมไม่สามารถแยกแยะได้ คือต้องโฟกัสเป็นอย่างๆ ไป  ขอเต็มที่กับงานไปก่อน 

@ มองตัวเองต่อไปยังไงในวงการบันเทิง 

          อยากทำงานไปเรื่อยๆ เรื่องที่ว่าได้มาเป็นพระเอกผมก็ต้องขอขอบคุณพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) มากๆ ที่ให้โอกาสผมด้วย เพราะผมไม่เคยคาดคิดนะว่าจะได้มาเป็นหนึ่งในแปดพระเอกของเรื่อง 

@คำว่าพระเอกสร้างความกดดันในชีวิตประจำวันไหม

         (นึก)  ไม่ถึงขนาดที่ว่าพอเป็นพระเอกแล้วจะนอนไม่หลับ ผมยังใช้ชีวิตปกติ  

@@ อัพเดทเรื่องหััวใจกันหน่อย 

@ มีคนพิเศษหรือยัง 

          มีคนคุย เป็นคนนอกวงการ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน เขาเป็นเพื่อนผม สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยรังสิต ผมไม่ได้ปิดนะ ผมเองก็บอกกับเขาว่าเราสองคนคุยกันอยู่ ศึกษาดูใจ แต่ยังไม่อยากเรียกว่าเราเป็นแฟนกัน ไม่อยากจำกัด เขาเองก็เข้าใจว่าผมเองก็เพิ่งทำงานและเข้าวงการด้วย  เพราะถ้าเราไปจำกัดขอบเขตจะสร้างความกดดันให้เราทั้งคู่  ผมให้เกียรติเขาในหลายๆ มุม 

  เขาแหละ อินดี้ อินทัช 

-----------------------------------

ชื่อจริง  อินทัช เหลียวรักวงศ์

ชื่อเล่น  อินดี้ 

เกิดเมื่อ   27 มีนาคม พ.ศ.2536 

ผลงานสร้างชื่อ ภาพยนตร์เรื่อง  ตีสาม คืนสาม 3D

ผลงานละครที่ผ่านมา   ลูกผู้ชายเลือดเดือด  

ผลงานล่าสุด  ลูบคมกามเทพ

ผลงานต่อไป  ลิขิตรัก 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ