บันเทิง

eat play life / อาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2560

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความหมายของ Bike Movies

โดย นันทขว้าง สิรสุนทร
 
    จักรยานที่หนูน้อยเสื้อแดงปั่นใน E.T. ปี 1982 ย่อมแตกต่างไปจากความหมายของสองล้อที่ อันโตนิโอ ถีบหางานใน The Bicycle Thief ปี 1949  และย่อม “ไม่เหมือนกันเลย” ในความหมายแห่งชีวิต ที่ หลี่หมิง และจางม่านอวี้ ขี่ใน “เถียนมิมี่” เมื่อปี 1995
    เช่นนี้แล้ว ใครจะลืม BMX ที่ แจ๊ค อ้วนดำ ปั่นกับเพื่อนๆ ใน “แฟนฉัน” แต่เมื่อชายตามอง ย้อนกลับไปเมื่อ 200 ปีที่ผ่านมา มีจักรยานอยู่สร้างโลกให้มีเรื่องราว มาจนถึงทุกวันนี้ บางรุ่นเป็นปรากฏการณ์ บางคันเป็นประวัติศาสตร์
    ผมคิดว่า “จักรยาน” ไม่ใช่พาหนะที่ถูกนำเสนอเป็นพร็อพประกอบเฉยๆ ในโลกของหนัง
    เช่น ใน The Bicycle Thief ของ เดอ ซิก้า อาจเป็นความหมายของชีวิตและการอยู่รอด, ใน เถียนมิมี่ ของ ปีเตอร์ ชาน จักรยานคือตัวแทนของ “เมืองเล็ก” หรือ “ชีวิตในยุคชนบท” ที่ต้องต่อสู้กับทุนนิยมเมืองใหญ่ (โดยมีทีวีตามริมทางคือ ตัวแทนของ capitalism ที่อยู่ในหนัง)
    พอมาถึง “แฟนฉัน” จักรยานทำหน้าที่ในเชิง nostalgia เป็นภาพแทนของวันคืนเก่าๆ และแน่นอนว่า จักรยานในหนังปี 1982 เรื่อง E.T. นั้นคือ เสรีนิยมพาชีวิตหลุดไปสู่อีกโลกหนึ่งของเด็กๆ
    อย่างไรก็ดี มีจักรยานอีกหลายคันที่เคยผ่านตาในหนัง และเป็นพาหนะที่สร้างประวัติศาสตร์หลายอย่างเอาไว้
    นี่คือส่วนหนึ่งเท่านั้น
  eat play life / อาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2560
    1."Swiftwalker"(1820)
    ในร่องรอยของ “สองล้อ” ใดๆ ที่ปรากฏอยู่บนโลกใบนี้ ล้วนต้องโค้งคารวะ Swiftwalker ซึ่งเซียนจักรยานอย่าง คริส บอร์ดแมน ยังบอกว่านี่คือรุ่นแรกอย่างเป็นทางการของพาหนะสองล้อ ที่เกิดขึ้นในปี 1820 หรือเกือบ 200 ปีที่แล้ว ซึ่ง inventor ไม่ใช่ใครที่ไหน เดนิส จอห์นสัน ที่มักจะมีเครดิตในการออกแบบจักรยานในยุคแรก เขาบอกว่าตอนนั้นมันจะไม่มี “ที่ถีบ” ต้องใช้ขาและเท้า “เข็นและดัน” จนเรียกกันว่ามันคือ จักรยานสกูตเตอร์ ! ที่สำคัญมันเป็นไม้ทั้งหมด ความเร็วน่ะเหรอ ช้ามาก แต่จะช้าแค่ไหน นี่คือ จักรยานทางการประวัติศาสตร์รุ่นแรกของโลก !
    2."Eagle Bike"(1888)
    ถ้า Swiftwalker เป็นเครดิตของทางยุโรป รุ่น Eagle ก็เป็นความภาคภูมิใจของทางอเมริกา เพราะมันคือจักรยานที่เริ่มมีดีไซน์เข้ามา และแนวคิดของกลไกโครงสร้างที่สำคัญ ไม่ว่าจะใช้ปั่นเพื่องาน หรือถีบเพื่อความสนุก เจ้าสายตาอินทรีก็ตอบสนองได้หมด จนเราจะเห็นได้ว่ามีการนำไปปั่นแสดงในงานสตรีทหลายๆ ครั้ง (รวมทั้งเป็นจักรยานแข่งขันในมหกรรมกีฬา) น้ำหนักของมันคือ 20 กิโลกรัม และพี่กนก รัตน์วงศ์สกุล หมดสิทธิ์ขี่รุ่นนี้
เพราะล้อหลังอย่างเดียวสูง “เมตร 50” ! ทั้งที่น้ำหนักของมันแค่ 20 กิโลกรัม !
    3."Rudge-Whitworth"(1909)
    คำหน้าของรุ่น มาจากชื่อผู้สร้างคือ Daniel Rudge ซึ่งโด่งดังมากในต้นศตวรรษที่ 20 และทำให้จักรยานจากเมืองโคเวนทรีของอังกฤษ เป็นสินค้าที่รับประกันถึงการใช้งานที่มาพร้อมกับความสวยงามของการออกแบบ ที่ตื่นตาตื่นใจในตอนนั้นก็คือ รุ่นนี้มีการใช้เฟืองได้ถึง 3 สปีด และฮิตยาวนานหลายสิบปี จนทำกันออกมาหลายรุ่น (อีกรุ่นที่ดังมากคือปี 1930) แบบของรุ่นนี้ ยังมีอิทธิพลไปสู่การดีไซน์ของมอเตอร์ไซค์บางรุ่น ในเวลาต่อมา
    4."Bianchi Reparto Corse"(1949)
    ว่ากันว่า จักรยานอันเป็นที่รักของ “นักปั่น” จะไม่สมบูรณ์ ถ้าของสะสมในบ้าน ขาดแบรนด์ที่ชื่อว่า Bianchi ไป (มาจากชื่อ Edoardo Bianchi) และเป็นเรื่องต้องยากที่จะเล่า “ประวัติศาสตร์” ของมันได้หมดในเวลาอันสั้น !
    แต่ที่บอกได้ตรงนี้ก็คือ คนอย่าง เดวิด ริปลีย์ พูดถึงสองล้อรุ่นนี้ว่า เป็นแบรนด์ที่คลาสสิกที่สุด เป็นจักรยานที่อยู่รอดจากสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นพาหนะที่ “ไม่ตาย” เมื่อเจอยุคเศรษฐกิจล่มสลาย ! แถมอีกนิด นี่คือแบรนด์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนัง The Bicycle Thief งานนีโอ-เรียลิสม์ ขึ้นชั้น ที่ขนาดท่านมุ้ยยังนำมาสร้างเป็น “ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น” ในปี 2520
    5."Raleigh Twenty"(1971)
    โลกของจักรยาน ปล่อยให้พวก “ล้อใหญ่” กลายเป็นขาใหญ่ครอบครองการขี่อยู่นานเป็นศตวรรษ และแล้วในที่สุดจักรยาน “ล้อเล็ก” จากเมืองนอตติงแฮมป์ของอังกฤษ ก็ได้เวลาสร้าง history ให้ตัวเอง ความคล่องตัวของชีวิตยุคใหม่ การใช้งาน และยุคสมัยที่ปฏิเสธของเทอะทะ ทำให้ Raleigh Twenty กลายเป็นจักรยานล้อเล็กที่ขายได้ถึง 140,000 คันในปีเดียว ! และนี่คือจักรยานที่โฆษณาตัวเองว่า หมดยุคจักรยานล้อใหญ่ !
    6."BMX : JMC black shadow"(1982)
    ไม่มีคนรุ่น Gen X ที่ไหน ไม่รู้จักจักรยาน BMX จะรวยจน ขี่สองล้อเป็นไม่เป็น ในต้นทศวรรษที่ 80 จักรยานรุ่นนี้ ดังระเบิดถล่มโลก (และเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่หนัง “แฟนฉัน” เอามาใช้อย่างได้ผล) แต่แน่นอนว่าเมื่อฮิตระเบิดอยู่นานเป็นทศวรรษ จึงมีหลายรุ่นขึ้นทำเนียบคลาสสิก ทว่า รุ่นที่ขายดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งคือ jmc black shadow ในปี 1982
    คำว่า jmc ย่อมาจาก jim melton cyclery ซึ่งเป็นชื่อผู้ผลิตและช็อปขายจักรยาน จุดเด่นของรุ่นนี้คือ คานเหล็กที่ยาวสามารถนั่งอีกคน และก้นไม่ลื่นไหลลงเหมือนรุ่นอื่นๆ มีน้ำหนักเบา และออกแบบมาเพื่อเด็กวัยรุ่น จนมันถล่มโลก
    7."Trek 850"(1983)
    คุ้นๆ มั้ยว่ามันไปปรากฏอยู่ในหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง เพราะขณะที่ BMX ครอบครองทศวรรษที่ 80 เอาไว้ มันก็เปิดโอกาสให้จักรยาน offroad ได้แจ้งเกิดอีกครั้ง และรุ่นที่เปรี้ยงปร้างมากที่สุดในตอนยุค 80 ก็คือ Trek 850 ซึ่งประกาศด้วยเสียงอันดังว่า นี่คือ mountain bike รุ่นแรก ! ที่พร้อมบุกทุกภูเขา ราคาตอนนั้นคือ 367 ปอนด์ และรุ่นสีดำ หมดทันทีเมื่อออกจำหน่าย
    8."De Rosa Corum"(2005)
    เมื่อการปั่นวิ่งมาถึง “โลกสมัยใหม่” ที่ไม่ใช่แค่ “พาเราไปไหน” แต่ต้องสร้าง image ในขณะที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การปั่นได้ด้วย ว่าแล้วแบรนด์เก่าอย่าง De Rosa Corum ก็ไม่ยอมเก่า ไปตามปีเกิดในยุค 50 ของตัวเอง
เขาออกรุ่นปี 2005 ด้วยนวัตกรรมใหม่ 3 อย่างคือ น้ำหนักเบาสุดๆ สปีดเร็ว และเฟรมของจักรยานสวยแบบยุคโมเดิร์น จนเป็นที่มาของคำโฆษณาว่า เมื่อนั่งบนอานคันนี้ เหมือนคุณหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
    9."Shane Stoater"(2012)
    ประวัติศาสตร์จักรยาน “เปลี่ยนผ่าน” อีกครั้ง เมื่อปี 2012 เข้าสู่ยุคของ high modulus & handcrafted และจักรยานแนว Touring Bike กลายเป็นแฟชั่น รุ่นที่ขายดีมากคือ shane stoater จากสกอตแลนด์ จนหมู่บ้านและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซื้อไปไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาพักอาศัย
    10."Boardman Air 9.2 Di2"
    จักรยานของแชมเปี้ยน ! นี่คือคำพูดของพาหนะรุ่นนี้ ในหนังสือรวมจักรยาน 1001 bikes to dream of riding before you die ถึงขนาดสารภาพว่า มันคือจักรยานที่สวยที่สุดในเล่ม และมีความสมบูรณ์ของส่วนต่างๆ และเป็นเหตุผลสำคัญว่า ทำไมตัวหนังสือหลายเล่มต้องมีชื่อของ คริส บอร์ดแมน เป็นปรมาจารย์ฟันธง เลือกจักรยานรุ่นต่างๆ !

eat play life / อาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2560

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ