‘ปีเตอร์’ เปิดใจ! สถานะ 'พลอย' น้ำตาซึมเจอหน้าลูก

     ยังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องครอบครัวของหนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ที่ล่าสุดได้ถ่ายรูปร่วมเฟรม กับ "พลอย" พลอยพรรณ ภรรยาและลูกๆ ในงานปาร์ตี้วันเกิดของลูกชายคนโต “น้องแพนเตอร์” ออกมาให้เห็น แถมในวันหยุดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา นักร้องหนุ่ม ยังทำหน้าที่เป็นสุดยอดป๊ะป๋า คอยดูแลสองแสบ “น้องแพนเตอร์” และ “น้องพูม่า” แบบเต็มที่ ได้เจอหนุ่มปีเตอร์ในงาน “เผยผิวออร่า x3 กล้า..ท้าแดด กับสก๊อต คอลลาเจน-โอร่า” ณสภายวอล์ค สาทร ได้ถามถึงเรื่องครอบครัวและสถานะกับภรรยาในตอนนี้ได้ความดังนี้

     "หลังจาก ที่เกิดเรื่องอะไรมากมาย ตอนนี้ต่างคนต่างใจเย็นมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี พอเราคุยกันได้ก็ทำให้มีเวลาให้กับเด็กๆมากขึ้น ตอนนี้คุยกันว่าถ้าเราทะเลาะกันอย่างนี้ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ถ้าเราช่วยกันทำเพื่อลูก ก็ต้องมีอะไรดีขึ้นอยู่แล้ว (อะไรคือจุดที่ทำให้เปลี่ยนความคิด) คือผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเล่ารายละเอียดอะไรอยู่แล้ว จริงๆ ปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีใครถูกใครผิด ตอนนั้นผมเลือกที่จะถอย ซึ่งการถอยในครั้งนั้น ถือเป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับผม เพราะผมทราบดีว่าคนภายนอกจะมองผมอย่างไร และผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งผมเข้าใจคนเหล่านั้น แต่ในท้ายสุดเหตุการณ์เหล่านั้นมันก็ผ่านไป แต่ก็ต้องใช้เวลาในการเยียวยามากกว่าที่คิด พอเราคุยกันได้มากขึ้นและตกลงโฟกัสที่ลูก เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับเขา ตอนนี้ผมก็เข้าไปหาลูกเรื่อยๆ เมื่อวานก็เพิ่งไปมา (ได้เจอหน้าลูกตอนนั้นรู้สึกอย่างไร) น้ำตาจิไหล ผมเชื่อว่าใครมีลูก ก็ต้องรู้สึกแบบนี้ วันนั้นต่างคนต่างดีใจ ลูกก็วิ่งเข้ามากอด (ลูกมีถามไหมว่าพ่อไปไหน) ไม่มี เพราะเราก็บอกเขาว่าเราไปทำงาน และก่อนหน้านี้ เราก็ทำงานต่างจังหวัดไม่ค่อยอยู่กรุงเทพสักเท่าไหร่ (ช่วงที่ห่ายไปเป็นอย่างไร) เราก็กดดันเพราะเด็กๆ ก็โตเร็วมาก ทุกคนที่มีลูกต้องรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราและลูกมันจะพิเศษมาก" ปีเตอร์กล่าว

      เมื่อถูกถามถึงเรื่องความสัมพันธ์กับ "พลอย" พลอยพรรณ ว่ามีโอกาสกลับไปเหมือนเดิมไหม ซึ่งนักร้องหนุ่มกล่าวว่า 

     "เรื่องของผมกับพลอย คงจะเลยจุดที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว ซึ่งพลอยก็พูดแบบนี้เหมือนกัน (จบในฐานะสามีภรรยา แต่อยู่ในฐานะพ่อแม่ของลูก) เรื่องแบบนี้จะอยู่กันได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคน 2 คนจริงๆ ถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องทำหน้าที่พ่อหน้าที่แม่เพื่อลูก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราข้ามปัญหาระหว่างกันได้เร็วมากแค่ไหน มันก็ยิ่งดี เรื่องหย่าตอนนี้ยังไม่ได้หย่าเพราะต่างคนต่างยุ่ง และมันก็เป็นแค่เอกสารก็ยังคุยกันอยู่ว่าจะอย่างไร (พลอยกำหนดไหมว่าให้เจอลูกได้กี่วัน) พลอยเขาอยากให้มาเจอลูกบ่อยๆ เหมือนกัน เพราะลูกคิดถึงผมเคยบอกเขาว่าถ้าวันไหนเขาไม่ว่าง หรือเหนื่อยมากๆ จะให้ผมไปช่วยเลี่้ยงลูกบ้างก็ได้ ผมยินดีอยู่แล้ว จนกระทั่งช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พี่เลี้ยงของลูกทั้ง 2 คนลางาน พลอยเขาอยู่คนเดียวเขาถามเราว่าเราสามารถไปช่วยเลี้ยงลูกได้ไหม เราก็ตอบว่าได้ช่วงนั้นก็เลยมีโอกาสได้เปิดใจคุยกัน ทำให้เรารู้ว่าเราสามารถอยู่ร่วมกันได้

       แม้ที่ผ่านมาเราจะกระทบกระทั่งกันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เราก็ยังสามารถเป็นพ่อแม่ของลูกได้ (เรื่องบ้านสรุปว่าอย่างไร) ตอนแรกผมตั้งใจขายบ้าน เพราะช่วงที่มีมรสุมชีวิตผมยอมรับว่าค่าบ้านมันเยอะเดือนหนึ่งๆ จ่ายเป็นแสน ซึ่งผมจ่ายไม่ไหว เรื่องบ้านก็คุยๆ กับพลอยอยู่ ชื่อก็ยังเป็นชื่อของผม เพราะผมกู้ซิื้อบ้านร่วมกับน้าของผม ซึ่งพลอยบอกว่าเขาจะซื้อต่อเอง เราก็โอเคก็แค่ปิดบัญชี เราไม่เอาก็ถือว่าให้ลูก (เรื่องค่าเลี้ยงดูมีระบุไหมว่าต้องให้เท่าไหร่) ถ้ามีงานตลอดเราก็แบ่งตลอด เราไม่ได้ระบุว่าต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ มีเยอะก็แบ่งเยอะ มีน้อยเงินที่แบ่งก็อาจจะน้อยหน่อย (ตอนนี้เบาใจขึั้นไหม) จริงๆมันอยู่ที่เรายอมรับและทำใจกับเรื่องเหล่านี้ได้มากแค่ไหน อะไรหลายๆที่ติดใจ ถ้าเราข้ามไปได้ ซึ่งแต่ละคนจะใช้เวลาไม่เท่ากัน (หากย้อนเวลาได้เราจะแก้ไขอะไรไหม) จริงๆ แล้วการที่เป็นสามีภรรยากัน แล้วต้องแยกกัน มันก็เป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าเราเลี่ยงได้เราก็คงเลี่ยงไปแล้ว เรา 2 คนก็เหมือนลิ้นกับฟัน ก็ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา หลังจากนี้ ตอนนี้เราก็ต้องมอบความรักให้ลูก เพราะตอนนี้เขาต้องการความรักจากเรามากที่สุด" ปีเตอร์กล่าวปิดท้าย