บันเทิง

‘ริท’ จบหมอแล้ว ยิ้มชนะทุกคำสบประมาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ริท” เรืองฤทธิ์ เตรียมคัมแบ็ควงการบันเทิง หลังเรียนจบแพทย์แล้ว 

         เว้นวรรคงานบันเทิงไปเกือบ 5 ปี เพราะตั้งใจไปเรียนแพทย์ให้เสร็จ ในที่สุด “ริท” เรืองฤทธิ์ ก็เรียนจบแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหนุ่มริทได้เผยกับ “บันเทิง คมชัดลึก” ถึงการเรียนจบครั้งนี้ดังนี้ 

 

‘ริท’ จบหมอแล้ว ยิ้มชนะทุกคำสบประมาท

 

         "ตอนนี้ก็เรียกคุณหมอริทได้แล้ว เรียนแพทย์ 6 ปี ผ่านทุกขั้นตอนมาหมดแล้ว สอบอะไรครบหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่การอนุมัติจากแพทยสภา เพื่อให้ได้เลขวอร์มา ก็จะเป็นแพทย์เต็มตัว ขั้นตอนของการเรียนการฝึกงานเรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งเลขวอร์ (เลขใบประกอบการเป็นแพทย์) จะได้ก่อนที่จะปฏิบัติงานจริง ซึ่งฤทธิ์จะเริ่มปฏิบัติงาน วันที่ 1 มิถุนายน โดยฤทธิ์จะไปเป็นแพทย์ใช้ทุน ในสาขาอายุรศาสตร์ โดยปฏิบัติงาน อยู่ที่กรุงเทพนี่แหละ ถามความรู้สึกแรก ที่เรียนจบ ก็คือดีใจก่อนเลย คือไม่ใช่ว่าริทเรียนหมอ แล้วมันหนัก คิดว่าเรียนอะไรมันก็หนักด้วยกันทั้งนั้น แต่การเรียนแพทย์ สำหรับตัวริทมันหนัก ตรงที่เราต้องดูแลรับผิดชอบ อ่านหนังสือนอกจากนั้น เรายังต้องดูแลชีวิต ของคนไข้ไปในตัวด้วย ซึ่งมันก็มีความกดดันเข้ามาอยู่ด้วย เพราะทุกๆการตัดสินใจ มันผิดพลาดไม่ได้ เพราะความเป็นอยู่ ชีวิตเขาจะแย่ลง หรือดีขึ้นมันอยู่ที่การตัดสินใจของเราด้วย มันไม่ใช่แค่ทฤษฎีในหนังสือ แต่มันเป็นเรื่องของการปฏิบัติไปในตัว เพราะการปฏิบัติของเรา มันมีผลต่อคนอื่น"ริทกล่าว

 

‘ริท’ จบหมอแล้ว ยิ้มชนะทุกคำสบประมาท

 

         ทำไมถึงเลือกเป็นหมออายุรกรรม

         “อายุรกรรมหรืออายุรศาสตร์ เป็นเรื่องของการรักษาด้วยการใช้ยา ซึ่งจะรักษาตั้งแต่วัยผู้ใหญ่ จนถึงเด็ก ที่ริทชอบ เพราะรู้สึกว่ามันสามารถดูแลคุณได้กว้าง ซึ่งโลกของคนไทย ก็หนีไม่พ้นพวกเบาหวาน ความดัน ซึ่งเราก็สามารถดูแลญาติผู้ใหญ่ของเราได้ด้วย อีกอย่างคือ เป็นคนไม่ชอบเลือดไม่ชอบอุบัติเหตุ เลยขอเรียก พวกหมอกระดูกหมอศัลยกรรมออกไป  ตั้งแต่ก่อนเรียนแพทย์แล้ว ริทไม่โอเคมากกับการที่จะได้เห็นเลือดออกเยอะๆ การที่จะต้องตัดนั่นเสียนี่ไป เราไม่ค่อยชอบ เลยขอเลือกอะไร ที่มันเข้ากับเรามากที่สุดดีกว่า จะถามว่าในการทำงาน จะต้องเจอไหม มันต้องเจออยู่แล้วล่ะ แต่ว่าก็ขอไม่เจอบ่อยๆดีกว่า” ริทกล่าวพร้อมหัวเราะ

 

‘ริท’ จบหมอแล้ว ยิ้มชนะทุกคำสบประมาท

 

         พอเรียนจบแล้ว รู้สึกว่ามันโล่ง และประสบความสำเร็จไหมที่ริทสามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้

         “ถามว่าถึงขั้นประสบความสำเร็จไหม ริทว่ามันเป็นเพียงข้างหนึ่งมากกว่า เพราะการเรียนแพทย์ มันไม่มีจุดสิ้นสุดง่ายๆ เพราะจริงๆแล้ว การจบ 6 ปีแบบริท ก็แค่เป็นแพทย์ทั่วไป บางคนไปต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง หรือบางคน ก็มีเฉพาะทางของเฉพาะทางลงไปอีก แพทย์เป็นอะไรที่ยิ่งรู้แคบยิ่งเก่ง เพราะว่าเราจะรู้ลึกมากๆในด้านนั้น  ในส่วนของริทเรื่องของการเรียนต่อยังไม่ได้ตัดสินใจ เรายังมีความผูกพันกับวงการบันเทิงด้วย เลยตัดสินใจที่จะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงก่อน และก็ใช้ทุนไปด้วย หลังจากใช้ทุนเสร็จค่อยมาตัดสินใจอีกทีในเรื่องของการเรียนต่อ”หมอริทกล่าว

 

‘ริท’ จบหมอแล้ว ยิ้มชนะทุกคำสบประมาท

 

         ถามต่อว่า มีเหนื่อยมีท้อบ้างไหม ที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนหมอไปด้วย

         “ริททำอย่างนี้มาประมาณ 5 ปี ที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เสาร์อาทิตย์ทำงานและจันทร์ถึงศุกร์ เราก็เรียนเต็มที่ ถามว่าเหนื่อยไหม มันเหนื่อยมากๆ แต่ตอนที่ยังเรียนไม่จบ ริทไม่อยากที่จะใช้คำว่าเหนื่อย มาเป็นตัวที่บอกคนอื่น มันเหมือนเป็นการติดนิสัยกับการที่บอกคนอื่นว่าเราเหนื่อย มันจะเป็นการบั่นทอนตัวเราเอง และคนอื่นที่รักเรา ขอบคุณที่รักเรา เพราะรู้ว่าเราเหนื่อยเขาก็คงสงสาร และเห็นใจก็ไม่อยากที่จะให้เราทำ 2 อย่างควบกันไปแบบนี้ มันก็จะทำให้ไม่มีความสุข ริทเลยจะไม่บอกใครว่าเราเหนื่อย แต่พอมาถึงวันหนึ่ง ที่เราเรียนจบมาแล้วข้ามผ่านสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว แล้วมองย้อนกลับไป วันนี้เราพร้อมที่จะบอกทุกคนแล้วว่า ที่ผ่านมาเราเหนื่อยมาก (หัวเราะ)  ริทเองอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ ที่บ้านก็คาดหวัง ว่าอย่าให้เราเป็นหมอ เราก็เดินตามทางมาได้เรื่อยๆ อาจจะมีเถลไถลออกไปบ้าง ด้วยการมาอยู่ในวงการบันเทิง แต่สุดท้าย ผลลัพธ์ที่ออกมาคือเราทำได้สำเร็จ ก็ดีใจแล้วก็ภูมิใจ ริทมั่นใจว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องของดีทุกคนก็ภูมิใจกับความสำเร็จนี้” 

 

‘ริท’ จบหมอแล้ว ยิ้มชนะทุกคำสบประมาท

 

         จะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงเต็มตัวแล้วใช่ไหม

         “เรียกว่ากลับมาทำงานได้มากขึ้นดีกว่า คงอาจจะไม่เรียกว่าเต็มตัว เพราะว่าริทยังต้องใช้ทุนอยู่ แต่ก็คงดีกว่าเมื่อก่อนเพราะว่าเมื่อก่อนเราเรียนที่ขอนแก่นเรื่อวของการเดินทางก็ลำบาก แต่ตอนนี้เรามาใช้ทุนอยู่ที่กรุงเทพการทำงานก็อาจจะง่ายขึ้น ริทเอง ก็ไม่อยากทิ้ง ทางการเป็นแพทย์และงานในวงการ จะทำทั้งสองอย่าง”

         ก่อนหน้านี้ มีหลายคนคิดว่าริทจะทำไม่ได้ ตอนนี้ทำได้แล้วอยากบอกอะไรกับคนเหล่านั้น

         “ถ้าริทจะทำอะไร ริทก็จะทำให้สุดตามที่ตั้งใจ อย่างที่ริทตั้งเป้าไว้ว่า ริทจะทำสองอย่างนี้ควบคู่กับไปให้ได้ จะต้องเรียนจบแพทย์ให้ได้ เราก็จะตั้งเป้าไว้เลย ถึงมันจะยากจะลำบากก็จะพยายามไม่บ่น สุดท้ายแล้วเราก็เดินตามทางที่เราตั้งใจมาเรื่อยๆ และผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น ว่าวันนี้เรามาถึงปลายทางแล้ว”ริทกล่าวสรุป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ