บันเทิง

สืบจิต ไขปริศนา ปี 3 ตอน 12

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

The Mentalist 312 ตอน Bloodhounds

ทุกวันจันทร์ศุกร์ เวลา 23.00 น. ทางช่อง NOW26

The Mentalist 312 ตอน Bloodhounds 

    พบศพหญิงสาวโดนตีตายที่โกดังซากรถ เสียชีวิตมา 1 อาทิตย์ แพททริกเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุยกับคนเจอศพซึ่งมีสุนัข แล้วสุนัขเหมือนจะได้กลิ่นศพอีก เขาเรียบเคียงเข้าไปคุยแล้วปล่อยสุนัข 
    สุนัขวิ่งไป เจ้าของรีบตาม แพททริกก็ตามไปพร้อมเรียกลิสบอน ทำให้พบศพหญิงสาวอีกคนแต่เพิ่งเสียชีวิต 1 วัน 
    ลิสบอนเข้ามาถามแวน เพลท์ว่าเห็นรายชื่อคนเสียชีวิต
    “แค่รายเดียว ตรวจจากลายนิ้วมือ เป็นเหยื่อรายที่สองที่พบ เธอชื่อวาเลอรี่ เบสตินไร้ญาติพี่น้อง เคยถูกจับเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนเมาแล้วขับรถชนคนจรจัด”
    ริกส์บีต่อ “ระบุเวลาตายว่าเมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมงนี้ เบสตินถูกตีในลักษณะเดียวกับเหยื่อรายแรก”
    “เรื่องระบุตัวเหยื่ออีกรายล่ะ”
    “ยังเช็คลายนิ้วมือไม่พบ รู้แค่เชื้อสายลาติน 20 ต้นๆ”
    “เช็คคร่าวๆ กับฐานข้อมูลคนหายดูซิ ไม่แน่เราอาจโชคดี”
    “ได้ค่ะ”
    “โอเค มีเหยื่อ 2 ราย รายนึงผิวขาว อีกรายคงเชื้อสายลาติน อายุต่างกันอย่างน้อย 10 ปี และดูจากการแต่งตัว วาแลอรี่มีฐานะกว่า แต่ทั้งคู่ถูกตีหัวและถูกนำมาทิ้งที่เดียวกัน ห่างกัน 1 สัปดาห์ หาสิ่งเชื่อมโยง”
    ริกส์บีว่า “ห้องสมุด โรงโบว์ลิ่ง ร้านทำเล็บ อะไรก็ได้”
    ลิสบอนว่า “เน้นไปที่สิ่งที่เรารู้ คนจรจัดที่เบสตินขับรถชนล่ะ” 
    แวนเพลท์ว่า “ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิตตั้งแต่ปีก่อน”
    “พูดถึงโรงพยาบาลโรคจิต เห็นเจนรึเปล่า ฉันอยากคุยด้วย” 
    ลิสบอนเข้าไปที่ห้องเธอ ปรากฏว่าแพททริกนอนอยู่บนโซฟาใหม่ เขาว่าซื้อให้ใหม่เธอว่าชอบตัวเก่า แต่ตอนนี้เอาไว้ก่อน มีเรื่องตเองคุย แพททริกถามว่าเคยถักนิตติ้งมั้ย ลิสบอนงง พอดีมอนตากิวเข้ามาหาลิสบอน
    “ค่ะ..ดอกเตอร์มอนตากิว ยินดีที่รู้จัก”
    “คุณคงเป็นแพ็ททริก เจน”
    “คงงั้นครับ คุณบอกว่าเราต้องคุยกัน” แพททริกคุยกับลิสบอน 
    “ใช่ ดอกเตอร์มอนตากิวเป็นที่ปรึกษาคดีนี้ เธอเป็นที่ปรึกษาที่อาศัยหลักวิทยาศาสตร์ ทำงานอยู่กับเอฟบีไอและหน่วยงานของรัฐ และเคยช่วยจับฆาตกรเหมืองหินมาแล้ว”
    “ฉันพัฒนาการคาดเดาโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ มันช่วยบ่งชี้รูปแบบการลงมือและบอกได้ว่าเกิดขึ้นโดยฝีมือคนเดียวกันรึเปล่า”
    แพททริกชม “โอ้โห เจ๋ง”
    “ระบบระบุว่าฆาตกรรม 2 ราย เป็นการกลับมาใหม่ของฆาตกรที่ชื่อ”เดอะเคฟแมน”
    “ฉันจำเขาได้ เขาตีเหยื่อตายด้วยกระบองไม้ แต่มัน 10 ปีแล้ว”
    “ใช่ค่ะ แต่ความคล้ายคลึงกันระหว่างเหยื่อของเขากับเหยื่อในคดีนี้เหมือนกันเป๊ะทางสถิติ”
    ลิสบอนถาม “ยังไง”
    “เคฟแมนจะต้องเลือกเหยื่อ 2 ราย ห่าง 1 อาทิตย์ ลักษณะคล้ายกัน ผมเข้ม 120 ถึง 140 ปอนด์ ส่วนลักษณะแง่อื่น ดูเหมือนจะไม่มีอะไรชี้ชัด ไม่มีรูปแบบทางภูมิประเทศหรือประชากร เหยื่อจะถูกตีเข้าด้านข้างของศีรษะด้วยวัตถุที่เป็นไม้ไม่มีร่องรอยถูกล่วงละเมิด ศพถูกทิ้งไว้ในป่าช้ารถ และเหยื่อทั้งคู่ไม่รู้จักกันนี่คือฝีมือของเคฟแมน”
    “อื้อ คุณผิดได้ด้วยความเชื่อมั่น เหยื่อ 2 รายนี้รู้จักกัน”
    มอนตากิวย้อนถาม “รู้ได้ยังไง”
    “รูปนี้ นี่ ดูรายละเอียดของกุหลาบตรงนี้ แล้วมาดูที่รายละเอียดผ้าพันคอถักขึ้นด้วยมือคนเดียวกัน”
    ลิสบอนสีหน้าสงสัย ขณะที่มอนตากิวว่า “เป็นสมมุติฐานที่น่าสนใจ”
    “ครับ”
    “แต่ต่อให้เราสามารถระบุความเชื่อมโยงของเหยื่อได้ ก็ไม่ได้แปลกว่าไม่ใช่ฝีมือของ “เดอะเคฟแมน” มันแค่ทำให้การจำลองแบบของเรากว้างขึ้น”
    “มันแค่ทำให้การจำลองแบบกว้างขึ้นเหรอ”
    ลิสบอนว่า “แต่เคฟแมนจะต้องส่งบทกลอน เครื่องในของสัตว์ หรือภาพวาดมาให้ตำรวจไม่ใช่เหรอ เรายังไม่ได้รับของแบบนั้นเลย”
    มอนตากิวว่า “ได้แน่”
    ริกส์บีเข้ามา “หัวหน้า เราพบว่าวาเลอรี่ เบสตินเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัทออนไลน์ชื่อ แอจายล์ เทอร์เทิ่ล”
    ลิสบอนแนะนำ “ดอกเตอร์มอนตากิว นี่เจ้าหน้าที่เวนย์ ริกส์บี้..ริกส์บี้ ดอกเตอร์มอนตากิวเป็นที่ปรึกษาคดีนี้ และคุณเป็นผู้ประสานงาน”
    ริกส์บีทักทาย “ยินดีที่รู้จัก”
    ลิสบอนว่า “พาทัวร์ที่นี่หน่อย”
    “ครับ ผมจะพาทัวร์คร่าวๆ  เริ่มจากแผนกอาชญากรรม”
    แพททริกจะพูดถามเรื่องมอนตากิว ลิสบอนรีบสั่งว่าอย่าสร้างปัญหา
    ลิสบอนกับแพททริกที่ทำงานของวาเลอรี่ เจอปีชชั่มพาสำรวจโต๊ะทำงานเธอ แพททริกถามว่าโรงทานที่ใกล้ที่สุด  
    ทั้งสองไปถึงโรงทาน พรูเด๊นซ์ที่คอยบอกเล่าบอกว่ามีคนมาแล้ว ปรากฏว่าเป็น ริกส์บีกับมอนตากิว ลิสบอนถามว่ารู้ได้ยังไง
    มอนตากิวตอบว่า “70 เปอร์เซ็นต์ที่ผู้หญิงเป็นไปได้มากกว่าผู้ชาย ในการเรียนรู้ที่จะถ่ายบาปหลังจากกระทำผิด ดูแล้ววาเลอรี่ เบสตินไม่ได้ทำผิดอีกหลังเมาขับรถชนคนอื่น เธอก็น่าจะเป็นไปตามรูปแบบฉันเลยโทรไปศูนย์บำบัดและศูนย์พักพิงในละแวกนี้ จนกระทั่งมาเจอที่นี่”
    แพททริกพูดลอยๆ “แปลว่า..เดา” 
    ริกส์บีเถียงแทน “สมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์มากกว่าครับ”
    ลิสบอนว่า “รายงานเราด้วยแล้วกัน”
    มอนตากิวตอบรับ “รับทราบ ฉันต้องกลับไปประมวลคำให้การ ขอตัวนะคะ”
    ลิสบอนมองตาม “ต้องยอมรับ เธอเก่งเรื่องพวกนี้”
    “ไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น เธอหว่านแหไปมั่วซั่ว” แพททริกว่า 
    ลิสบอนเหล่ “เล่นคำเหรอ”
    โชกับริกส์บีไปค้นตามรถแวน แล้วพบเฟล็มมิ่งกับหญิงสาวแยสมีนกำลังสนุกกันบนรถ แล้วแยสมีนใส่กำไลที่เฟล็มมิ่งได้มาจากศพ เขาว่าก็เจอศพแล้วคิดว่าไม่มีประโยชน์ต่อเธอแล้ว แต่โชกับริกส์บีว่าเป็นหลักฐานได้ ซึ่งที่กำไลสลักอักษรเอฟทีไว้
    มินตากิวมั่นใจว่าคดีนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่อง เคฟแมน เพราะฆ่าคนด้วยไม้หน้าสาม แต่แพททริกไม่เชื่อเช่นนั้น พอดีกับที่ลิสบอนได้รับกล่องใส่ไต พร้อมโน้ตว่า
    “ถูกตีเลือดสาด สองสาวตายอนาถ เป็นแผลเหวอะหวะ ทิ้งร่างรวมขยะ” นี่จากเคฟแมน
    หลังได้หลักฐานชิ้นนี้มอนตากิวก็จัดแถลงกับนักข่าว ริกส์บีบอกเรื่องกำไลกับแพททริก ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มว่า
    “เฟอร์นานด้า ทาลัน ตัวย่อที่สลักไว้หลังกำไรที่ถูกขโมยไปทำให้เรารู้ว่าเธอเป็นใคร ญาติของเธอแจ้งว่าหายตัวไปได้ 1 สัปดาห์ เธอทำงานที่นั่น โรงงานน้ำอัดลมโดสเฮอร์มานัส”
    แพททริกทักมอนตากิว “อ้า ยังติดเข็มกลัดนั่นอยู่ แล้วสูทหญิงแกร่งล่ะครับ”
    มอนตากิวว่า “การใส่เสื้อผ้าสีกลางๆ ดูดุน้อยลงเวลาสอบปากคำ”
    แวนเพลท์รายงานว่า “หัวหน้า เพิ่งได้บันทึกโทรศัพท์ของวาเลอรี่ เบสติน ช่วงนี้เธอได้รับโทรศัพท์จาก โดโนแวน เทร้ดโลว์บ่อยมาก ผอ.ของสถานพักพิง”
    ลิสบอนว่าเขาบอกแทบไม่รู้จักเธอ ลิสบอนบอกให้โชไปสืบ
    ลิสบอน แพททริก มอนตากิวมาคุยกับเอสเธอร์และนิลด้า ทั้งสองบอกว่าเฟอร์นานด้าเป็นญาติทางแม่ มาทำงานที่นี่เพื่อหนีความรุนแรงที่โอ๊คแลนด์ แพททริกชวนคุยเรื่องน้ำอัดลม
    เอสเธอร์ว่า “เราใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใส่น้ำเชื่อม ไม่ใส่สารแต่งรส จ้างคนท้องถิ่นค่าแรงดี ตอนเปิดโรงงานคนแถวนี้มีแต่ส่ายหน้า แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว”
    นิลด้าต่อ “เฟอร์นานด้าช่วยเปลี่ยนแปลงที่นี่ไปมาก เธออยากเป็นพยาบาล แล้ว... มันช่างน่าเศร้า”
    แพททริกมองที่ตู้กิ้งก่า “ตัวผู้หรือตัวเมียครับ ผมมองไม่เห็น”
    เอสเธอร์ตอบ “ตัวผู้” 
    “กิ้งก่าตัวผู้ ชื่ออะไร”
    “ชูอี้” 
    แพททริกทัก “เฮ่ชูอี้ คุณมอนตากิว คุณเงียบจังเลย คุณน่าจะมีคำถาม คุณมอนตากิวคนนี้เป็นเอ่อ...นักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดมากๆ”  
    มอนตากิวเริ่มถาม “เฟอร์นานด้าเคยดื่มจัดรึเปล่า” 
    “ไม่” 
    “แล้วสิ่งเสพติดหรือสารควบคุมล่ะ”
    เอสเธอร์เริ่มไม่พอใจ “พยายามจะพูดอะไร เฟอร์นานด้ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเหรอ”
    “ฉันกำลังค้นหาลักษณะนิสัยที่อาจช่วยให้เราเข้าใจว่า ทำไมเธอถูกเลือกโดยเคฟแมน”
    เอสเธอร์เริ่มไม่พอใจ ลิสบอนช่วยไกล่เกลี่ย แพททริกขอเข้าไปดูในโรงงาน ไปดูการบรรจุน้ำ แล้วพูดคุยกับพนักงาน ซึ่งทุกคนต่างก็ชมว่าเฟอร์นานด้าเป็นคนน่ารัก และรู้จากอัลเฟรโด้ว่าพรุ่งนี้จะมีพิธีจุดเทียนไว้อาลัยให้เฟอร์นานด้า แพททริกถามว่าเธอไปขึ้นรถเมล์ที่ไหน เขาว่ารถเมล์จอดข้างหน้าเลย
    แพททริกเดินออกไปพบมอนตากิว เขาเลยชวนเธอขึ้นรถเมล์ บอกว่ารู้จุดเชื่อมโยงของทั้งสองแล้ว แต่มอนตากิวยังไม่รู้ เขาจึงขอร้องให้ขึ้นรถเมล์ไปกับเขา
    ลิสบอนโทรหาแพททริกเขาพูดเรื่องจุดเชื่อมโยงของสองสาวบนรถเมล์ แล้วให้ลิสบอนสืบต่อ แวนเพลท์พบเรื่องคนขับรถที่ชื่อราล์ฟ เมอร์เซอร์ เขาเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้แค่ 6 เดือน แต่ดูจากหมายเลขประกันสังคม เขาตายมา 15 ปีแล้ว หาข้อมูลเพิ่มเติมเช็คลายนิ้วมือแล้วปรากฏว่าเมอร์เซอร์ที่จริงคืออาเธอร์ คอฟฟี่ย์ ไม่ใช่คนดี มีประวัติ ซึ่งรวมทั้งข่มขืนและทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธร้ายแรง
    บนรถ แพททริกชวนมอนตากิวคุยเรื่องเข็มกลัดของเธอ แล้วเขายังพบคุณป้าคนหนึ่งที่มีผ้าถักนิตติ้งขึ้นเพื่อนำไปขาย แพททริกเข้าไปคุยแล้วจะให้มอนตากิวใช้ แต่เธอไม่ยอม และแสดงตัวว่ากำลังสอบสวนคดีอยู่ แพททริกจึงลุกขึ้นแนะนำกับทุกคน และถามเรื่องใครรู้จักผู้ตายทั้งสองที่ขึ้นรถเที่ยวนี้ประจำบ้างมั้ย ไม่มีใครตอบ 
    จู่ๆ รถเมล์ก็จอดแล้วคนขับรก็ถือกระเป๋าลงจากรถไป แพททริกกับมอนตากิวรีบตามไป กำลังจะถึงตัว คอฟฟี่ย์หันมาจะยิง ดีที่ทีมลิสบอนเข้ามาจัดการเสียก่อน
    มอนตากิวเข้ามาสอบปากคำคอฟฟี่ย์พร้อมกับโช แพททริกกับริกส์บีดูอยู่อีกห้อง แพททริกว่าริกส์บีควรทำ ริกส์บีงงว่าอะไร แพททริกบอกว่าเขาแหละรู้
    แพททริกบอกลิสบอนว่าคนขับรถนั่นเลง แต่ไม่ใช่เคฟแมน ลิสบอนเซ็งๆ เพราะโดนบี้มาด้วยให้จับเคฟแมนให้ได้ แพททริกว่าเคฟแมนไม่ใช่ฆาตกร เพราะเขาเป็นคนเขียนจดหมายจากเคฟแมนเอง เขาอยากกวนน้ำให้ขุ่น แหย่มอนตากิวนิดหน่อย
    ลิสบอนว่า “เธอทำให้คุณไม่พอใจ”
    “ผมไม่ได้ ไม่พอใจ ผมชอบเธอ เธอทำให้ผมขำด้วย”
    “แต่คุณทำให้ทุกคนสติแตกเพราะคิดว่ามีฆาตกรต่อเนื่องออกอาละวาด”
    “มันก็ใช่ แต่มันเรื่องของเธอ เธอพูดเอง ไม่ใช่ผม”
    “แก้ไขเรื่องนี้คงต้องเหมือนฝันร้าย สื่อจะต้องยำเราเละ ฉันต้องบอกครอบครัวผู้ตาย”
    “คืนนี้มี พิธีจุดเทียนไว้อาลัยไม่ใช่เหรอ”
    “ฉันว่ามี”
    “ถึงตอนนั้นทุกอย่างจะคลี่คลาย ผม..มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
    แพททริกเห็นริกส์บีเข้าไปคุยกับมอนตากิว เขาก็เข้าไปแล้วบอกว่าริกส์บีอยากชวนเธอไปออกเดทคืนนี้ ริกส์บีอึ้งๆ มอนตากิวก็ว่าจะไปจุดเทียนไว้อาลัย แพททริกรีบเปลี่ยนเรื่องว่ามีของให้เธอ โดยริกส์บีเป็นคนเลือก แต่ริกส์บีปฏิเสธ
    แพททริกไปที่พิธีจุดเทียนไว้อาลัย แล้วบอกทุกคนว่าเพิ่งรู้ว่าจดหมายของเคฟแมนเป็นของปลอม มีคนใช้ชื่อเคฟแมนบังหน้า
    นิลด้าว่า “ผู้หญิงนักวิเคราะห์บอกว่าคุณกำลังทำคดีคืบหน้าไปมาก”
    “เธอเข้าใจผิด ผมขอโทษ มันเกิดขึ้นได้”
    เอสเธอร์ถาม “แล้วคืบหน้าอะไรมั้ย อีกครั้งที่ผมอยากขอโทษอย่างยิ่งในความผิดพลาด มันดูเหมือนว่าคนที่เอ่อ ปลอมจดหมาย มีทักษะขั้นเยี่ยมยอด”
    พรูเด๊นซ์ตกใจ “โอ้ โอ้แม่เจ้า นั่นเลือด”
    เทร้ดโลว์ดู “โอ้ อะไรครับ”
    เอสเธอร์จำได้ “นี่เป็นเข็มกลัดของนักวิเคราะห์คนนั้น”
    “จริงด้วย ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่นี่ดูเหมือนกัน”
    “มีจดหมาย นักวิเคราะห์ตายแล้ว ไอ้คนเลียนแบบจะตายตามตอนเที่ยงคืน ลงชื่อ..จากเคฟแมน”
    แพททริกทำตกใจ “โอ้ไม่ ลิสบอนคุณอยู่ไหน ช่วยผมหน่อย”
    เอสเธอกับนิลด้ากลับไปจะเก็บข้าวของหนี นิลด้าเป็นห่วงกิ้งก่า แต่เอสเธอให้ลืมไปซะ พอดีมีเสียงให้ตกใจ ทั้งสองหันไปก็พบคนในมุมมีด นิลด้าตกใจ
    “นั่นเคฟแมน” 
    เอสเธอร์รีบบอก “นี่เป็นการเข้าใจผิด เราไม่ได้ตั้งใจเลียนแบบ ก็แค่เอาศพไปที่แรกที่เรานึกได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ สาบานได้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำ”
    “อย่าทำแบบนี้เลย” โชแสดงตัว
    ในห้องสอบปากคำ โชคุยกับเอสเธอร์ว่าเพราะน้ำอัดลมของเธอ ต้องมีสิ่งแปลกปลอม เอสเธอร์รับว่าอาหารหลายอย่างต้องใส่สารปรุงแต่งเพื่อรักษาความสด”
    “เฟอร์นานด้าเอาน้ำโซดาลังนึงให้เพื่อนชื่อวาเลอรี่ เบสตินเพื่อไปแจ้งที่บ้านพักพิงใช่มั้ย” 
    นิลด้ารับว่าใช่ ลิสบอนถามถึงคนที่สถานพักพิง มาร์ติน เบร้นท์ หรือมาร์ตี้ ตายหลังจากดื่มน้ำอัดลม นิลด้าว่าไม่รู้จัก
    “คุณรู้จัก ที่เราบอกเรื่องนี้ คุณจะได้รู้และไม่โกหก” 
    เอสเธอร์ย้อนถาม “ทำไมฉันต้องโกหกเรื่องรู้จักคนจรจัด”
    “ทุกคนคิดว่ามาร์ตี้ตายเพราะอ่อนแอรับไข้หวัดไม่ไหว แต่เมื่อเฟอร์นานด้าป่วยเธอเริ่มหาข้อมูล”
    “คุณโยงเรื่องนี้กับเราไม่ได้หรอก”
    “แค่ตรวจเลือดก็จะรู้ว่ามีสารอะไรในร่างกายของเขา ทุกคนที่ศูนย์ยืนยันได้ว่าดื่มน้ำอัดลม ได้มาจากไหน และต้องตรวจสอบ”
    นิลด้าว่า “เอสเตอร์บอกว่า น้ำอัดลมเสียรสชาติไปเยอะ เราเลยหันมาใช้ไกลคอลเพื่อรักษารสชาติ มีล็อตนึงไม่ดี”
    “แค่ไหน”
    “เอสเตอร์บอกว่าจะต้องดื่มเข้าไปเยอะมาก ไม่งั้นก็จะไม่เกิดผลเสียกับร่างกาย คนส่วนใหญ่ก็แค่มีอาการปวดท้อง แค่ 500 ขวดเท่านั้น”
    “คุณรู้ว่ามันเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค”
    “เอสเตอร์ว่าเรียกสินค้าคืนมันไม่คุ้ม บอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีใครดื่มทีนึง 12 ขวดบ้างล่ะ”
    “ใช่ แล้วชายจรจัดชื่อมาร์ตี้ตาย เฟอร์นานด้าเริ่มเชื่อมโยงได้ เริ่มถามโน่นถามนี่”
    “เฟอร์นานด้าไม่ยอมลามือ บอกว่าเราจะต้องเรียกสินค้าคืน บอกว่าถ้าไม่ทำ”
    “คุณเลยฆ่าญาติของตัวเอง”
    นิลด้าร้องไห้ “เราฆ่าเธอ”
    “อีกอาทิตย์นึงวาเลอรี่โผล่มา พวกคุณรู้ว่าต้องทำยังไง”
    “ฉันบอกเอสเธอร์ ผู้หญิงนั่นไม่รู้อะไรซักหน่อย เอสเธอร์บอกว่าคนแบบนี้ไม่ยอมหยุด และจะกลับมาถามซอกแซกอีก ต้องกำจัดเธอ” นิลด้าร้องไห้ 
    เอสเธอร์ว่า “เฟอร์นานด้าเป็นญาติฉัน เธอควรต้องทำเพื่อพี่น้อง แต่เธอเลือกที่จะเชื่อนังผู้หญิงบนรถเมล์”
    มอนตากิวมาลาแพททริก เขาคืนเข็มกลัดให้เธอ
    “เข็มกลัดมีประโยชน์ และผมหวังว่าคุณจะ..ให้อภัยถ้าหากผมแสดงอะไรให้คุณเข้าใจผิด”
    “ไม่ค่ะไม่ ไม่ อันที่จริงมันกระตุ้นดีที่มีใครทำงานท้าทายต่อหลักการของฉัน..อย่างชัดเจน”
    “ยินดีที่ได้รับใช้” 
    มอนตากิวว่า “ฉันไม่เคยเข้าร่วมในแผนลวงมาก่อนเลย และคงไม่มองว่าเป็นหลักการแต่ยอมรับว่ามันช่วยเพิ่ม..รสชาติในการทำงาน ที่จริง...คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าเป็นเอสเตอร์กับเนลด้า”
    “ก็แค่เดาเก่ง ตอนเจอพวกนั้น เหมือนปกปิดความอับอาย มากกว่าเศร้าใครชอบกิ้งก่ามั่ง ต้องเป็นพวกเลือดเย็น”
    “กิ้งก่า ฉันยึดตัวเลขต่อไปดีกว่า” 
    “และผมจะเดาอีกเรื่อง เคฟแมนจะไม่กลับมาอีก เพราะเขาน่าจะตายแล้ว”
    “เป็นไปได้ ฉันไม่มีอคติส่วนตัวเรื่องนี้ ตัวเลขจะเปิดเผยความจริงในที่สุด รับรองได้มันต้องเปิดเผย”
    “เชื่ออย่างงั้นเหรอ” 
    “ใช่ค่ะ ถ้าถอยหลังมายืนไกลพอให้เห็นภาพลวง ทุกอย่างคือตัวเลข พูดถึงเรื่องนี้ คุณให้ของขวัญ ฉันเลยอยากให้คุณบ้าง เลยเอาเรดจอห์นเข้าโปรแกรมของฉันไม่แน่ข้อมูลพวกนี้อาจมีประโยชน์”
    “อื้อ มีตัวเลขกับกราฟเยอะเลย” 
    “ใช่แล้วค่ะ โชคดี”
    “ขอบคุณครับ”

The End 12


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ