โดนจวกแหลกแหกกระเจิง! รอ ‘บ่วงหงส์’ งัด ‘ทีเด็ด’ สู้ศึก

         การทำละครในยุคปัจจุบัน ต้องบอกเลยว่า “ยาก” ซึ่งความยากในที่นี้ ต้องนับรวมถึง “ความเอาใจยาก” ของคนดูละครบวกเข้าไปด้วย โดยเฉพาะกระแสบางส่วนในโลกออนไลน์ ที่คอมเมนท์บาดจิต และสั่นประสาทคนทำงานได้มากพอสมควร มีทั้งเรื่องที่ติติงอย่างเป็นประโยชน์ มีเหตุผล และเอาไปปรับใช้ได้จริง หรือสักแต่ว่าพิมพ์เอามัน เพื่อความสะใจ อยู่ในโลกโซเชียลมากมาย 

 

 

         เหมือนละครเรื่อง “บ่วงหงส์” ของค่าย “ถนัดละคร” ทาง "ช่อง 3" โดยผู้จัดและผู้กำกับมากประสบการณ์ “ป้าแจ๋ว” ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในโลกโซเชียลขณะนี้ มีเฟซบุ๊กแฟนเพจดังๆ โพสต์แซวละครให้ได้เห็นกันบ่อยๆ ทั้ง “ใต้เตียงดารา” และ “อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก” รวมถึงทวิตเตอร์แฮชแท็ก #บ่วงหงส์ ที่ติดเทรนด์อันดับหนึ่ง ในตอนแรกที่ออกอากาศ แต่ติดอันดับทุกครั้งที่ละครออนแอร์ 

 

 

 

         ข้อความที่เห็นบ่อยที่สุดในโลกโซเชียลคือ "เจมส์หน้าหวานไป” หรือ “คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ” ไม่เหมาะกับบทอาชีพนางแบบ มีบางโพสต์แย่กว่านั้น โดยการบอกว่า นางเอกอ้วน เตี้ย ขาสั้น ซึ่งคอมเมนท์ในเรื่องนี้ เมื่อสื่อมวลชนไปถามสาวคิม นางเอกสาวถึงกับร้องเสียงหลงว่า “ว้าย! ตายแล้ว (หัวเราะ) นี่ก็ผอมลงไปเยอะแล้วนะ เดี๋ยวรอดูแล้วกันว่า น้ำหนักจะลงอีกมั้ย เพราะน้ำหนักเราขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ตลอดเลย”  โดนจวกประเด็นนี้ต้องบอกว่า น่าเห็นใจสาวคิมอยู่พอสมควร เพราะเธอพยายามจนผอมลงเยอะมาก 

 

 

         ส่วนพระเอกหน้าหวานอย่าง “เจมส์" จิรายุ ตั้งศรีสุข  ที่ต้องบอกว่า รูปลักษณ์ภายนอกของเจมส์น่าจะถอดแบบตามบทประพันธ์มาเลย เป๊ะ! ในบทประพันธ์บรรยายว่า “พระเอกต้องมีใบหน้าขาว หนวดเคราโกนเกลี้ยงเกลา จมูกได้รูปสวย ริมฝีปากบางๆ ตาสีอ่อน เข้ากับเรือนผมหยักศกสีอ่อน” ถ้าพูดตรงๆ ถือคาแรกเตอร์พระเอกน่าจะเป๊ะสุดแล้ว

 

 

         ถ้าจะผิดคือเป๊ะเกินไปจนไม่ถูกจริตคนดูบางส่วน ซึ่งอาจจะไม่ชอบความหวานละมุนเบอร์นี้ ในบท “รเมศ” ที่เจมส์แสดง ผสมความอ่อยนางเอกอย่าง “พิมพ์ลภัส” (คิม) หรือนางร้ายอย่าง “มาธวี” รับบท โดย “บี” น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ซึ่งในทวิตเตอร์ส่วนตัว @Jirayu_jj ของหนุ่มเจมส์ จะชอบแซวและแซะคาแรกเตอร์ของตัวเองให้แฟนๆ ขำขันตลอด ทั้งเรื่องความ “อ่อย” และ “ความหวาน” ของตัวเอง เรียกว่าไม่ต้องให้คนอื่นมาแซะ ขอแซะตัวเองก่อน ถือว่าได้เปรียบ อิอิ

         โดยภาพรวมกระแสดราม่าต่างๆ ของละครได้ไปถึงหูผู้จัดละครอย่าง “ป้าแจ๋ว” เรียบร้อย ป้าแจ๋วจึงต้องขอชี้แจงด้วยข้อความบางส่วนในทวิตเตอร์ส่วนตัว @paajaew ว่า

 

 

         “ขอบคุณที่ชมละครบ้าง ถึงแม้จะไม่ชอบและให้คำนิยามว่า “ห่วยมาก” ดีกว่าไม่ดูเสียเลย” หรือข้อความว่า 

         “การทำละครเรื่องนึงใช้เวลาเกือบปี ใช้ความคิด เงิน แรงงานมากมาย ย่อมไม่ใช่ทำเล่นๆ เพื่อเสียของไม่ใช่งานทดลองแต่ผ่านกระบวนความคิดมาแล้ว”

         “การผลิตทุกขั้นตอนใช้เวลานานกว่าจะมาเป็นละครให้คนดูแป๊บเดียว ซีเคว้นซ์แฟชั่นเปิดคอนโดตอนต้นเรื่อง ดูไม่ถึง 10 นาทีใช้เวลาถ่าย 2 วัน ความหวังของทีมงานคือการเห็นผู้ชมมีความสุขสนุกไปกับการชมละคร เหมือนพ่อครัวที่อยากเห็นคนกินอาหาร หรือขนมที่ตัวเองทำอย่างเอร็ดอร่อย”

         “บางครั้งคนกินอาจไม่ชอบทุกอย่างที่ทำ ถ้ามีความรู้ก็อาจให้คำแนะนำหรือเคล็ดลับเพื่อปรับปรุงรสชาติในครั้งหน้า เพราะคงไม่ถูกปากทุกคนแน่ แต่ที่แน่ๆ คือคงไม่มีใครที่ทำงานส่งๆ หยาบๆ ไปเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภค ทุกคนต้องอยากได้ลูกค้าประจำแน่นอน ทำดีบอกต่อ ทำไม่ดีก็แนะนำกัน” ป้าแจ๋วระบุในทวิตเตอร์ 

         ผู้จัดแจงมาขนาดนี้ แสดงว่าทุกความเห็น คนทำงาน “น้อมรับ” และพร้อมปรับปรุง ใครชอบก็เทใจช่วยลุ้น ดูกันไปยาวๆ บางคนอาจจะชอบละครลักษณะ “ตีหัวเข้าบ้าน” มันตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะคนดูจะอยากติดตามตอนต่อไป แต่ละครบางเรื่องอาจต้องใช้เวลาสักนิดหนึ่ง ถึงจะเริ่มครบรส 

 

 

         โดยสูตรสำเร็จเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะละครที่เปิดเรื่องมาแล้วดี คนดูติด เรียกว่าได้เปรียบ!! แต่ถ้าเปิดเรื่องมาแล้ว คนดูไม่ถูกจริต นับว่ามีแนวโน้มเสี่ยง ที่จะตีตื้นมาในตอนหลังได้ทัน

         เนื่องจาก “ความจดจ่อ” ของคนดูละครยุคนี้มีน้อยลง และไม่ค่อยอยากจะซึมซับความละเมียดละไมของธรรมชาติ ริมป่าเขา ลำเนาไพร ถึงแม้ฉากจะสวยงาม แต่ถ้า “บท” ของตัวละครไม่ดึงดูด และไม่มีผลต่อเรื่องราว เรียกง่ายๆ ว่า “มีความยืดเล็กๆ” ต่อให้ฉากสวยสักเท่าไหร่ คนดูคงไม่รู้สึกอินตามได้มากเท่าที่ควรจะเป็น 

 

 

         การเดินเรื่องให้เร็ว กระชับตั้งแต่ตอนแรก เป็นกลยุทธ์ที่หลายค่ายใช้และประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญอีกหนึ่งเรื่องคือ “เคมี” ของนักแสดงนำ บางครั้งความลงตัวของนักแสดงเป็นสิ่งสำคัญ เคมีบางอย่างมันสร้างกันไม่ได้ “ความเข้ากัน” คือ “เข้ากัน” ถ้าไม่เข้ากัน พยายามแค่ไหนก็ไม่ลงตัว 

         ต้องลองดูไปยาวๆ ว่า “บ่วงหงส์” เวอร์ชั่นนี้ จะทำเรตติ้งตีตื้นขึ้นมาได้มากขนาดไหน เพราะตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 เกือบ 4 ทีมงานและนักแสดงทุกคนตั้งใจเต็มที่ และคงต้องฝ่าด่านอรหันต์ จากกระแสโซเชียลถาโถมไปจนจบเรื่อง!